ฉู่เฮิ่นเทียนถามเองตอบเองในใจอย่างหงุดหงิด เขามองดูใบหน้างามของหลันเซิง จู่ๆ ก็พลันเข้าใจขึ้นมา เจ้าหมอนี่ล้วนช่วยโม่เอ๋อร์จัดการส่วนที่ถูกแดดเผาทุกปี จู่ๆ ในใจเขาก็เกิดความคิดอยากถีบอีกฝ่ายลงจากเรืออย่างไม่รู้สาเหตุ!
‘ออกไป’
‘ลูกพี่…’ หลันเซิงมุ่นคิ้ว มองโม่เอ๋อร์ที่นิ่งเงียบอยู่อีกด้านอย่างเป็นกังวล
‘ข้าจะช่วยนางเอง!’ ฉู่เฮิ่นเทียนสีหน้ากรุ่นโกรธ ก้าวสวบเข้าไปขวางสายตาที่หลันเซิงมองโม่เอ๋อร์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
หลันเซิงนิ่งเงียบ จนกระทั่งสีหน้าฉู่เฮิ่นเทียนแย่ลงเรื่อยๆ เขาถึงถอยออกไปก้าวหนึ่ง เอ่ยเสียงอ่อนโยน
‘เอาเถอะ แต่จำไว้ว่าต้องระวังหน่อย อย่าออกแรงมากเกินไป เลี่ยงไม่ให้ดึงผิวนางลอกออกมาหมดทั้งตัว’
ฉู่เฮิ่นเทียนตอบกลับมาด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม หลันเซิงคล้ายมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น เพียงเดินกลับไปที่ห้องตัวเองอย่างเชื่องช้า
โม่เอ๋อร์จำได้ ภายหลังเขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก เขายอมช่วยนางทายา นางรู้สึกได้ถึงการทะนุถนอม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขายอมฟังคำพูดหลันเซิงเลย มือใหญ่ของเขาอ่อนโยนจนเหมือนขนนก นางแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
หลายวันนั้นเขาปฏิบัติต่อนางอย่างระมัดระวังตลอด จนกระทั่งผิวไหม้ของนางหายดีหมดแล้วจึงสิ้นสุดลง
ดูเหมือนว่านับตั้งแต่นั้นโอกาสที่นางจะผิวไหม้ก็น้อยลงด้วย…
โม่เอ๋อร์ขมวดคิ้วฉับ ค้นพบกะทันหัน ไม่ถูกต้อง ตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ดูเหมือนนางไม่เคยถูกแดดเผาเลย นางพลันอึ้งงันไป ทบทวนความทรงจำอย่างละเอียด ถึงค่อยแน่ใจว่าหลังจากนั้นนางไม่เคยถูกแดดเผาอีกเลยจริงๆ ดังนั้นโอกาสที่จะผิวไหม้จึงคล้าย…หายไปในฉับพลัน
จู่ๆ นางก็นึกได้ว่าในวันที่แสงแดดแรงกล้า งานที่นางได้รับมอบหมายเหมือนจะไม่ได้อยู่บนดาดฟ้าเรือเลย ในยามกลางวันนางมักจะถูกเรียกไปอยู่ในห้องโดยสาร
โม่เอ๋อร์อึ้งงันไปแล้ว มองดูชายหนุ่มในบ่อน้ำตรงหน้า ในดวงตามีแววสับสนและสงสัย
เป็นไปได้หรือ เขาจะเป็นเหมือนอย่างที่นางคิดจริงๆ จงใจปิดโอกาสที่นางจะถูกแดดเผา?
ก่อนหน้านี้นางนึกว่าจะมากจะน้อยตนก็เข้าใจดี เข้าใจว่าในใจชายผู้นี้กำลังคิดอะไร แต่ว่าหลังจากผ่านช่วงเวลาหลายวันมานี้กับความทรงจำเมื่อครู่ นางพลันเริ่มสงสัยว่าตนเองไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด…
ทันใดนั้นเขาก็หมุนตัวมาและมองเห็นนางแล้ว
โม่เอ๋อร์หน้าแดงอย่างไม่รู้สาเหตุ นางไม่รู้ว่าเหตุใดป่านนี้แล้วนางถึงยังหน้าแดง นางกับชายตรงหน้ามีสัมพันธ์ชิดใกล้กันมานับครั้งไม่ถ้วน นางถึงขนาดลูบไล้กล้ามเนื้อทุกส่วนสัด ทุกรอยแผลเป็นบนร่างเขา แต่ว่ายามนี้ ยามนางมองเห็นเขาเปลือยอกจ้องนาง นางก็ยังหน้าแดงอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง
เขาคล้ายไม่สะทกสะท้าน เผยเรือนกายผึ่งผายของตนออกมาภายใต้แสงอาทิตย์ทั้งอย่างนี้
โม่เอ๋อร์ไม่อาจไม่มองเขา ร่างกายของเขาไม่เหมือนชายแก่อายุสามสิบกว่าสักนิด ชีวิตที่อยู่ในทะเลมานานกับการต่อสู้สังหารอย่างยากเย็นมีแต่จะทำให้กล้ามเนื้อบนร่างเขายิ่งกำยำแข็งแกร่ง ไม่แพ้ให้พวกเด็กหนุ่มอายุยี่สิบเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งปลายเท้าสัมผัสน้ำเย็น นางถึงเพิ่งรู้ว่าตนเองมาถึงข้างบ่อแล้ว นางตะลึงไปเล็กน้อย สีแดงบนหน้ายิ่งเข้มขึ้น นางอดชะงักเท้าไม่ได้ ก้มหน้าลงมองรองเท้าปักสีแดงที่เปียกน้ำ