บทที่สอง
เพื่อเรียนกระบี่!
รุ่งอรุณหลังคืนพายุกระหน่ำ อากาศและแสงแดดสดชื่นกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
เสียงคลื่น เสียงลม เสียงนกนางนวลร้อง…
ฉู่เฮิ่นเทียนถลึงตาจ้องกระบี่ขึ้นสนิมเล่มนั้นที่ข้างผนังอย่างเหี้ยมโหด สีหน้าทะมึนไปทั้งหน้า ปีนั้นนางไม่ยอมทิ้งมันอยู่ตลอด แม้ว่าภายหลังเขาจะให้กระบี่เล่มใหม่กับนางเล่มหนึ่งแล้ว นางก็ยังดึงดันเก็บกระบี่พังเล่มนี้เอาไว้
…ข้างหมอนไร้คน
เขาเปลือยกายกึ่งนั่งอยู่บนเตียง กล้ามเนื้อทั้งร่างเกร็งแน่นเพราะความเดือดดาล
สายตายังคงจดจ่ออยู่กับกระบี่ขึ้นสนิมข้างผนังเล่มนั้น เขาถลึงตาจ้องมันด้วยความโมโหจัด เบื้องหน้าสายตาปรากฏภาพนัยน์ตาดำเป็นประกายเด็ดเดี่ยวของเจ้าใบ้น้อยคนนั้นเมื่อสิบสี่ปีก่อน
สตรีที่น่าตายนัก!
เขาลงจากเตียง ขว้างผ้าห่มใส่ผนังที่แขวนกระบี่ขึ้นสนิมอย่างเกรี้ยวกราด
‘ฟึ่บ! เคร้ง!’ เสียงทึบหนักดังขึ้นสองเสียง ผ้าห่มหนาหนักกวาดกระบี่ขึ้นสนิมลงพื้นไปด้วยกัน
เพื่อเรียนกระบี่!
เขากำหมัดแน่น แค้นที่สตรีสมควรตายผู้นั้นมิได้อยู่ตรงหน้าในยามนี้ เขาอยากแก้ไขความผิดพลาดในวันนั้นของตน จับนางโยนกลับไปในทะเล ให้นางเป็นตายไปตามยถากรรม!
นางกระโดดลงทะเลเพื่อเรียนกระบี่! นางไล่ตามเรือเพื่อเรียนกระบี่! นางรั้งอยู่ในเรือโจรสลัดเพื่อเรียนกระบี่!
สิบสี่ปีมานี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำ ทั้งหมดล้วน…เพื่อเรียนกระบี่!
ฉู่เฮิ่นเทียนขึงตาขุ่นข้องจ้องมองกองผ้าห่มนั่น สีหน้าดุดัน แทบจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่รอมร่อ ทว่าในดวงตานอกจากโทสะที่ลุกโหมแล้ว กลับยังมีความรู้สึกปราชัยที่ลึกล้ำยิ่งกว่า
ตลอดมาเขาล้วนรอคอยให้นางเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกเหตุผลที่นางเรียนวิชากระบี่ บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดกับเขา แต่นางไม่เคยเอ่ยถึง สักคำก็ไม่มี!
และยามนี้นางก็ตบก้นจากไปแล้ว แม้แต่กล่าวลาสักคำก็ไม่ทำ จากไปในคืนพายุฝนกระหน่ำทั้งอย่างนั้น!
เดินออกไปจากชีวิตของเขา…
ฉู่เฮิ่นเทียนจ้องผ้าห่มซึ่งยังคงหลงเหลือกลิ่นอายของนาง เพลิงโทสะในอกยิ่งแผดเผารุนแรง!
ดี นางอยากไป เขาก็จะให้นางไป!
เขาจะไม่ไปตามหานางเด็ดขาด! ในเมื่อนางรู้สึกว่านางแข็งแกร่งพอแล้ว ร้ายกาจพอแล้ว สามารถไปแก้แค้นคนเดียวได้ เขาก็จะคอยดูว่าสตรีที่หัวเดียวกระเทียมลีบแบบนางจะมีชีวิตอยู่ในยุทธภพซึ่งเต็มไปด้วยลมคาวฝนเลือดได้นานสักเท่าใด!
เลือด เลือดสีแดงสด เลือดสดลอยคลุ้งเต็มฟ้า!
เด็กหญิงตัวน้อยซ่อนอยู่ใต้โต๊ะใหญ่ที่มืดมิด สามารถมองเห็นได้เพียงภาพน่ากลัวใต้ผ้าปูโต๊ะที่ลู่ลงมา ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้คน แต่ไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลย
ฉับพลันนั้นทุกสิ่งทุกอย่างพลันสงบเงียบลง…
ไม่ ไม่ใช่ทั้งหมด เพียงแค่ไม่มีเสียงปะทะแลกดาบกระบี่เท่านั้น
นางยังไม่กล้าขยับตัว ตั้งแต่เมื่อครู่ที่ท่านแม่ยัดนางมาอยู่โต้โต๊ะ นางก็ไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด เพราะท่านแม่บอกนางว่าห้ามขยับ ห้ามส่งเสียง!
ปึง!
คนผู้หนึ่งถูกโยนลงบนโต๊ะที่นางซ่อนตัวอยู่ เด็กน้อยสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงที่ดังกะทันหัน นางหน้าซีดขาว กอดหัวเข่าตัวเองแน่น พริบตาเดียวก็พบว่ารองเท้าปักที่ลู่ลงมาจากโต๊ะซึ่งมีเลือดหยดอยู่ใกล้ตรงหน้าคือของท่านแม่!
‘เด็กดี อีกเดี๋ยวไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกมา ห้ามมอง ห้ามฟัง และห้ามส่งเสียงด้วย เข้าใจหรือไม่’