นางอยากพุ่งออกไป แต่กลับนึกถึงคำสั่งของท่านแม่ขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงหดมือเท้ากลับมา เดิมทีนางก็ไม่อยากฟัง ไม่อยากมอง แต่ต่อให้อุดสองหูอย่างไร เสียงร้องแหลมโหยหวนนั้นก็ยังแทรกเข้ามาในหูอยู่ดี และสองตายามที่ไม่ระวังลืมตาขึ้นมาเห็นหยดเลือดสีแดงสดนั้นก็หวาดผวาจนลืมว่าต้องปิดมันลงอีก!
หน้าโต๊ะยังมีชายฉกรรจ์อีกหลายคนยืนอยู่ ห่างออกไปอีกนิดเป็นชุดคลุมยาวของท่านพ่อ เขาถูกคนกดตัวคุกเข่าลง จากมุมของนางมองไปเห็นถึงแค่เข็มขัดของท่านพ่อเท่านั้น แค่จากหัวเข่าถึงช่วงเอวก็เต็มไปด้วยเลือดแดงสดแล้ว
‘คนแซ่เหริน ถ้าฉลาดหน่อยก็รีบส่งแผนที่จิ๋นซีออกมา! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราพี่น้องไม่เกรงใจ!’ โจรชั่วคนนั้นหัวเราะอย่างหยาบโลน ‘ถ้าเจ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร พวกเราจะดูแลพี่สะใภ้ให้ดีเอง! ฮ่าๆๆๆ…’
‘ปล่อยนางนะ! ปล่อยนาง…’
นางเห็นท่านพ่อดิ้นรนอยากจะพุ่งขึ้นหน้า ได้ยินเสียงร้องคับแค้นเศร้าโศกของท่านพ่อ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเสื้อผ้าฉีกขาด
‘เจ้าเดรัจฉาน! ปล่อยนางนะ…’
‘พูด! แผนที่จิ๋นซีอยู่ที่ไหน!’ คนผู้นั้นตะคอกเสียงดัง ถามซ้ำอีกครั้ง
‘ข้าไม่รู้!’
‘เฮอะ ไม่รู้จักดีชั่ว!’ เสียงฮึเย็นชา คนร้ายที่ใส่รองเท้าดำมีลายปักแมวภูเขาเดินไปข้างกายท่านพ่อ สะบัดมือตบหน้าท่านพ่อไปทีหนึ่งแล้วเอ่ยกับลูกน้อง ‘เจ้ารอง จัดการ!’
‘ขอบคุณพี่ใหญ่’ คนผู้หนึ่งหัวเราะลามกตอบกลับมา แล้วพลันเดินมาหน้าโต๊ะ
เด็กน้อยที่คู้ตัวกอดเข่ายังไม่รู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น กางเกงของคนผู้นั้นเบื้องหน้าก็ร่วงลงมากองกับรองเท้าหุ้มข้อ จากนั้นโต๊ะเหนือหัวก็พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง นางทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว แม้ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นกำลังทำอะไร แต่รู้ว่าเขากำลังทำร้ายท่านแม่
‘เจ้าพวกเดรัจฉาน! ปล่อยนางซะ!’
ท่านพ่อที่ถูกกดให้คุกเข่าตะคอกขึ้นมาอีกครั้ง ฉับพลันนั้นเขาก็ตีฝ่าจุดชีพจรที่ถูกปิดกั้นไว้ได้ ดิ้นหลุดจากคนที่กดตัวเขาอยู่ กระบี่ยาวพุ่งทะยานฟันออกไป โต๊ะที่สั่นไหวอย่างรุนแรงหยุดลงทันที แล้วศีรษะหนึ่งก็กลิ้งลงมา ตรงคอที่ถูกตัดยังมีเลือดทะลัก จากนั้นคนที่ก่อนหน้านี้ยืนอยู่เบื้องหน้านางก็พลันล้มลงไปข้างหลัง นางถึงเพิ่งพบในยามนี้ว่าเขาไม่มีหัว หัวของเขาร่วงลงมาก่อนแล้ว
นางยังไม่ทันกรีดร้องก็เห็นท่านพ่อถูกคนต่อยลอยไปชนผนัง คนไม่น้อยโอบล้อมโจมตี ทุกคนล้วนปิดใบหน้าด้วยผ้าดำ
ไม่ทันไรเลือดสดก็สาดกระเซ็น พุ่งออกมาจากคอของท่านพ่อ นางถึงขนาดได้ยินเสียงเลือดพ่นขึ้นไปในอากาศ นางมองดูท่านพ่อล้มลง มองดูท่านพ่อล้มตึงกับพื้นด้วยสองตาแดงก่ำเบิกโพลง ปากแผลบนลำคอของเขามีเลือดไหลออกมา ไหลนองออกมาเรื่อยๆ จนถึงใต้โต๊ะ ไหลมาถึงข้างเท้านาง ย้อมสีแดงบนรองเท้าคู่ใหม่ที่ท่านแม่เพิ่งเย็บให้นางเมื่อวันก่อน
นางเบิกตาโต มองดูท่านพ่อที่ห่างไปไม่ไกล มองเห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของเขา มองเห็นความไม่ยินยอมในดวงตาเขา มองเห็นความเคียดแค้นในดวงตาเขา มองเห็นว่าในนัยน์ตาดำที่เบิกโตของเขาสะท้อนเงาร่างของนางที่หดตัวอยู่ใต้โต๊ะ…
นางไม่รู้ว่าเหตุใดจึงไม่ได้กรีดร้องออกมา คล้ายเป็นเพียงคนที่มองดูอยู่ข้างๆ อย่างไรอย่างนั้น ไม่อาจเปล่งเสียง ไม่อาจขยับเขยื้อน ได้แต่เบิกตามองบิดาที่ตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
ในความเลือนราง นางได้ยินเสียงคนร้ายนั่นด่าว่าลูกน้องอย่างโมโหที่ลงมือฆ่าท่านพ่อ เพราะทำให้ร่องรอยของแผนที่จิ๋นซีขาดหายไป แต่ว่าเสียงนั้นเหมือนว่าจะห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
นางจ้องมองดวงตาของท่านพ่อ ฉับพลันนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งแถบ นางถึงได้พบว่าเลือดจากบนโต๊ะไหลร่วงลงมา เริ่มจากย้อมสีแดงให้ผ้าปูโต๊ะ จากนั้นก็เริ่มหยดลงพื้นเหมือนกลายเป็นน้ำตกเลือดก็ไม่ปาน ไหลทะลักลงมาจากโต๊ะสี่ทิศแปดทาง นางรู้สึกเพียงตนเองถูกสีแดงสดจนน่ากลัวนั้นล้อมรอบ คล้ายจมลงในบึงสีแดงเลือด…
นางไม่กล้าขยับ ไม่สามารถขยับ ถึงขนาดไม่อาจหายใจ นางคว้าจับลำคอของตน พยายามอ้าปากอยากสูดหายใจ ทว่ายามที่อ้าปากออกก็ราวกับมองเห็นเลือดแดงสดพวกนั้นไหลนองท่วมปากและจมูกของนาง นางหายใจไม่ออกโดยพลันและสลบไป
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ยามนางฟื้นขึ้นมาภายใต้น้ำเลือดที่แห้งกรังนั้น นอกผ้าปูโต๊ะก็ไม่มีรองเท้าดำน่ากลัวพวกนั้นแล้ว พวกคนร้ายจากไปในที่สุด
นางไม่ได้ตรวจดูเลือดที่เปื้อนบนร่าง ถึงขนาดจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้ไม่ชัดนัก เพียงปีนออกมาจากใต้โต๊ะอย่างแข็งทื่อ ทว่าหลังจากเห็นมารดาที่ถูกคนแหวกอกผ่าท้องนอนแผ่อยู่บนโต๊ะ ความทรงจำทุกอย่างพลันถั่งโถมเข้าสมองอย่างชัดเจน!
‘อ๊าก…อ๊าก…อ๊าก…อ๊าก…อ๊าก…อ๊า…’
นางพังทลาย ณ ที่นั้น ได้แต่เบิกสองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด ใช้สองมือเล็กเปื้อนเลือดกุมหัว อ้าปากออก ส่งเสียงร้องโหยไห้รุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเสียงแหบแรงหมด จนกระทั่งลำคอแห้งเหือด จนกระทั่งคอที่แหบแห้งไม่อาจส่งเสียงใดๆ ออกมาได้อีก นางยังคงชุ่มเลือดทั้งตัว อ้าปากกรีดร้อง…