ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ยินท่านหมอที่เชิญมาบอกว่า คุณหนูสามกระเทือนถึงครรภ์ก็โกรธจนตัวเย็นเฉียบ!
ที่แท้เสิ่นหรูป๋อนั่นลอบมีความสัมพันธ์กับหลี่เสวียนเอ๋อร์นานแล้ว!
ได้ยินท่านหมอบอกว่าตั้งครรภ์ได้สามเดือน นี่เท่ากับว่าคนคู่นี้ลอบคบหากันตั้งแต่หลี่รั่วอวี๋ยังไม่ได้รับอุบัติเหตุ เรือนหลังสกปรกเช่นนี้ เสียทีที่นางคิดว่าภายในบ้านสงบดี ตายไปแล้วก็ยากจะไปพบหน้าบรรพชนสกุลหลี่ได้!
หลังจากส่งท่านหมอกลับไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็กลับไปที่เรือนของบุตรสาว ตอนนี้ความยุ่งเหยิงภายในเรือนถูกเก็บกวาดสะอาดดีแล้ว นกแก้วที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้สาวใช้ทายาให้ เกาะอยู่บนแท่นไม้อย่างหงอยเหงา ใช้จะงอยปากขูดไปบนไม้เนื้ออ่อนของแท่นไม้อย่างเศร้าใจ
หลี่รั่วอวี๋เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงตัวหลวม รองเท้าปักถูกสะบัดไปด้านข้าง ผมดำขลับปล่อยสยาย กำลังนอนหมอบอยู่บนพรมขนหนาเล่นเรือลำที่นกแก้วคาบมา
เมื่อครู่เพราะมีเรื่องวุ่นวาย หลี่เสวียนเอ๋อร์จึงไม่ทันได้เอาเรือจำลองนั่นกลับไป ตอนนี้เรือจำลองที่ประณีตนั้นถูกสองมือคู่งามของหลี่รั่วอวี๋แกะจนยุ่งเหยิงไปหมด ท่าทางตั้งใจนั้นเหมือนกับตอนที่นางเล่นสลักหลู่ปันไม่ผิดเพี้ยน
เวลาเพียงไม่นาน เรือเล็กที่ถูกแกะออกก็ถูกหลี่รั่วอวี๋ประกอบกลับไปอีกครั้ง จากนั้นนางก็วิ่งไปที่ข้างอ่างรองน้ำในเรือน แล้วปล่อยเรือลงไป
เรือเล็กนั้นตอนแรกยังลอยนิ่งอยู่บนผิวน้ำ ทว่าเพียงไม่นานมีลมพัดมา เรือนั้นก็ขยับโคลงเคลงหลายที จากนั้นก็เริ่มหลุดออกจากกันแล้วจมลงใต้ก้นน้ำ…
หลี่รั่วอวี๋กะพริบๆ ตา ก่อนจะยื่นมือไปหยิบเรือขึ้นมาอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มองดู หางตาก็เริ่มปวดขึ้นมาอีกครั้ง
นางอยู่อย่างไม่สนอะไรมาหลายปี ไม่มีความสามารถเหมือนบุตรสาว ตอนนี้เรือลำใหญ่ของสกุลหลี่ลำนี้มอบให้นางเป็นคนคุม หากไม่ระวังก็จะชนหินจมลงสู่ก้นแม่น้ำได้ กิจการนับร้อยปีของสกุลหลี่ต้องสลายไป… เมื่อคิดถึงจุดนี้นางก็รู้สึกใจสั่น คิดใคร่ครวญแล้วรู้สึกว่าสู้แรงกดดันไม่ได้ อาการปวดหัวกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง จึงกลั้นใจให้คนไปตามเสิ่นหรูป๋อมา
ตอนที่เสิ่นหรูป๋อมาถึง ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลับไม่อยากพบหน้าเขา จึงให้เขายืนอยู่กลางลานบ้าน ให้พ่อบ้านนำคำพูดไปบอกว่า ตอนนี้หลี่เสวียนเอ๋อร์เกิดกระเทือนถึงครรภ์ แม้จะรักษาลูกไว้ได้ แต่ก็เสียเลือดไปมาก อยู่ในคฤหาสน์สกุลหลี่หากเป็นอะไรขึ้นมา สกุลหลี่จะตกเป็นที่ครหาว่าใจร้ายกับบุตรสาวภรรยารอง ขอให้เสิ่นหรูป๋อพาตัวโจวอี๋เหนียงสองแม่ลูกไป และให้พักที่เรือนอื่นรอการทำพิธีแต่งงาน
ความหมายคำพูดนี้คือจะไล่โจวอี๋เหนียงสองแม่ลูกออกจากคฤหาสน์สกุลหลี่ก่อนพิธีแต่งงาน หากสกุลเสิ่นยินดีแต่งงานก็เตรียมงานจัดการได้เอง สกุลหลี่ไม่มีหน้าที่รักษาหน้าตาของชายหญิงคู่หนึ่งที่ลอบมีสัมพันธ์กัน
ภายใต้สายตาดูหมิ่นของพ่อบ้าน สีหน้าของเสิ่นหรูป๋อยังคงเป็นปกติ ไม่มีท่าทีอึดอัดลำบากใจที่เรื่องฉาวถูกคนรู้เข้าแม้แต่น้อย หลังจากพ่อบ้านแจ้งคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จบแล้ว เขาก็แค่เพียงพยักหน้าพลางพูดเสียงเครียดว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มีความคิดเช่นนี้ ข้าน้อยย่อมยอมทำตาม ไม่รู้ว่าจะขอพบคุณหนูรองสักครั้งได้หรือไม่ ถ้านางสบายดีทุกอย่าง ข้าน้อยก็วางใจแล้ว”
ดวงตาพ่อบ้านสกุลหลี่ถลึงจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว คิดเพียงว่าคุณหนูรองเป็นคนดีย่อมมีสวรรค์คอยช่วย โชคดีผ่านเคราะห์นี้ไปได้ ไม่ได้แต่งงานกับคนหน้าหนาไร้ยางอายเช่นนี้ เสียทีเป็นลูกหลานตระกูลขุนนางที่เรียนรู้หนังสือมา เหตุใดจึงไร้เหตุผลเช่นนี้ ยังมีหน้าไปพบคุณหนูรองอีก หากคุณหนูรองสติยังครบถ้วน จะไม่ฝากฝ่ามือไว้บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาทั้งรอยและเสียงอย่างนั้นหรือ
พ่อบ้านถ่มน้ำลายไปบนพื้นหินก่อนจะพูดด้วยเสียงสะอิดสะเอียน “คุณหนูรองไม่สบายใจ ไม่ยินดีพบแขก อีกอย่างคุณชายรองเสิ่นมีงานยุ่ง ต่อไปกิจการร้านค้าสกุลหลี่คงไม่รบกวนคุณชายรองเสิ่นแล้ว สำหรับเงินที่ท่านเอามาร่วมหุ้นในร้านก่อนหน้านี้ อีกสองวันทางห้องบัญชีของพวกเราจะคำนวณให้ท่านอย่างละเอียด นับจากนี้หลี่เสิ่นสองสกุลไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไป!”
ฟังถึงตรงนี้ บนใบหน้าเสิ่นหรูป๋อก็ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มเลวร้ายออกมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆ “เช่นนั้นเรียนฮูหยินสักคำ ใจที่หรูป๋อมีต่อคุณหนูรองไม่เคยเปลี่ยนไปเลย วันหน้าถ้าทางคฤหาสน์มีอะไรติดขัด มาเอ่ยปากกับหรูป๋อได้เสมอ”
พูดจบเขาก็หมุนตัวไปที่เรือนของหลี่เสวียนเอ๋อร์รับคนออกจากคฤหาสน์
หลี่เสวียนเอ๋อร์นั้นสีหน้าซีดขาว ถูกคนแบกออกไปทางประตูหลัง ส่วนโจวอี๋เหนียงก็พยายามสงบนิ่ง เก็บของใช้ส่วนตัวที่พกง่ายไปกับรถม้าของสกุลเสิ่น
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ฟังการบรรยายของพ่อบ้านแล้วก็ยิ้มเย็นชา คฤหาสน์สกุลหลี่ของพวกเขาต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปพบเขาเสิ่นหรูป๋อ!