ท่านหญิงไหวอินอมยิ้ม ไม่มีท่าทางของคนที่พูดบีบบังคับเมื่อครู่เลย เพียงแค่โบกมือไปทางนางกำนัลที่อยู่ด้านข้าง นางกำนัลผู้นั้นก็ยกถาดที่มีฎีกาฉบับหนึ่งวางไว้ ก่อนจะเอาฎีกามาวางไว้ตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลี่
“สิ่งนี้ได้มาจากใต้เท้าหลิวกรมโยธาที่มีสัมพันธ์อันดีกับจิ้งเฟิง บังเอิญเช่นกัน เพื่อไปงานเลี้ยง ใต้เท้าหลิวบังเอิญมาหาข้าที่นี่ พูดถึงเรื่องที่คุณหนูรองโยกเงินหลวงกรมโยธาไปใช้ เพราะจิ้งเฟิงชื่นชมคุณหนูรองจึงทำเรื่องที่ผิดมหันต์ ขอร้องให้ใต้เท้าหลิวดึงฎีกานี้ไว้ชั่วคราว อย่าเพิ่งส่งให้ฝ่าบาททรงทราบ ก่อนหน้านี้จิ้งเฟิงคิดว่าคุณหนูรองเพิ่งจะถอนหมั้น คงไม่อยากจะถูกรบกวน จึงคิดจะอดทนสักระยะค่อยไปพูดทาบทามสู่ขอ แต่อ่านฎีกานี้แล้วในใจก็นึกถึงคุณหนูรอง เร่งให้ข้ารีบไปพูดทาบทามสู่ขอ…จะได้ขวางเรื่องเลวร้ายแทนนาง แต่ตนเองไม่ลองคิดดูว่านอนบนหมอนร้อนเช่นนี้ ดีไม่ดีอาจถูกคนเห็นเป็นจุดอ่อน เฮ้อ ช่างเป็นน้องโง่ของข้าจริงๆ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ถูกคำพูดของท่านหญิงปลุกไฟในใจให้ลุกโชน รอจนฟังสาเหตุชัดเจนแล้วจึงมองไปทางความผิดแต่ละกระทงที่เขียนอยู่บนฎีกา ลูกไฟนั้นก็ดับมอดลง ฎีกานั้นเป็นลายมือของเว่ยกงกงจวนสิ่งทอ หลักฐานความผิดว่ามีบัญชีที่ออกจากสกุลหลี่ นอกจากเสิ่นหรูป๋อ ผู้ใดยังจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้อีก
ฉู่ซือหม่าไม่ใช่คนโง่ คนที่โง่คือบุตรสาวของนาง ลูกเขยที่เลือกเอาไว้ตอนแรกกลับเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ สกุลหลี่ไม่มีอะไรติดค้างเขาเสิ่นหรูป๋อเลย แต่เหตุใดเขาต้องบีบบังคับทุกฝีก้าว จะบีบหลี่รั่วอวี๋ให้ตายเลยหรืออย่างไร
จากคำพูดของท่านหญิงไหวอิน คนที่โยนหินใส่บ่อคือเสิ่นหรูป๋อ ส่วนซือหม่าเป็นผู้มีคุณที่คอยช่วยเหลือภัยร้ายของสกุลหลี่
ถึงแม้จะมีคำขู่อย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกัน แต่พูดจากคุณธรรมแล้ว ท่านซือหม่าไม่เคยทำอะไรที่ไม่เหมาะสม ทำให้ไม่อาจพูดตำหนิอะไรได้เลย…
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ร้อนใจ นางคุกเข่าลงและเอ่ยปากพูดขอร้อง “ขอท่านหญิงเมตตา ขอร้องใต้เท้าหลิวผู้นั้น บุตรสาวข้าน้อยถูกคนเลวทำร้าย ตอนนี้ยังมีสภาพเช่นนี้อีก จะให้ทนรับโทษได้อย่างไร”
ท่านหญิงไหวอินรีบสั่งให้นางกำนัลประคองฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ขึ้นมาพลางพูดทอดถอนใจว่า “ตอนนี้ในเมืองหลวงเป็นเขตพื้นที่ของสกุลไป๋ ในฎีกานี้มีบัญชีรายละเอียดที่คุณชายรองสกุลเสิ่นให้มา ซึ่งเว่ยกงกงเป็นผู้เขียนเอง ถ้าเบื้องบนไม่มีคำตอบอะไร เว่ยกงกงต้องมีวิธีการต่อไปอีกแน่นอน ถ้าฎีกาส่งขึ้นไปแล้ว แม้จิ้งเฟิงมีใจอยากช่วยก็ไร้ความสามารถ ตอนนี้นักโทษคดีหนักถูกส่งไปที่ชายแดนทางเหนือทำงานก่อสร้างหนัก ภัยของคุณหนูรองหลี่ในครั้งนี้ไม่เล็กเลยจริงๆ อยู่ในรถนักโทษเหน็ดเหนื่อยตลอดทาง นางสมองก็ไม่ค่อยดี ถ้าถูกเจ้าหน้าที่เห็นรูปโฉมงดงามนั้น…”
ท่านหญิงไหวอินพูดถึงตรงนี้ก็ไม่พูดต่อ ปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่หน้าซีดขาวเป็นกระดาษแทบจะล้มครืนลง
ในตอนนี้ท่านหญิงไหวอินก็ลุกขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าจางลง เอ่ยพูดเสียงเรียบ “จิ้งเฟิงมีใจรักคุณหนูรอง ข้าที่เป็นพี่สาวย่อมต้องอุ้มสม แต่อย่างไรเสียเขาก็สูงศักดิ์เป็นถึงซือหม่าต้าฉู่ ยังต้องเป็นห่วงหน้าตาของสกุลบ้าง มาสู่ขอสตรีแล้วไม่ได้ ถ้าลือออกไปหน้าตาสกุลฉู่จะยังเหลืออยู่หรือ หวังว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จะช่วยคิดแทนคุณหนูรองหลี่ และอุ้มสมจิ้งเฟิงที่มีใจยึดมั่นในความรัก…”
ท่านหญิงไหวอินเป็นคนระดับใด ความสูงศักดิ์นั้นบีบรัดใจคนยิ่ง ทั้งคำพูดและการกระทำก็ยังกดดันคนให้ต่ำลงหนึ่งขั้น ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อยู่ต่อหน้านางรู้สึกตัวเตี้ยลงหลายส่วน
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เข้าใจดี เว่ยกงกงจวนสิ่งทอตำแหน่งเล็กๆ ที่เจียงหนานยังสามารถบีบเอาชีวิตบุตรสาวนางได้ หากล่วงเกินผู้มีตำแหน่งสูงศักดิ์ระดับฉู่จิ้งเฟิงหรือท่านหญิงไหวอิน เช่นนั้นผลลัพธ์ก็ยิ่งไม่กล้าคิด
นางรักบุตรสาวของนางมาก แต่จะไม่คิดเรื่องชื่อเสียงของสกุลหลี่ก็ไม่ได้
นับจากอดีตเป็นต้นมา สกุลร่ำรวยใหญ่โตมากเท่าใดที่ล่วงเกินขุนนาง ต้องสูญทรัพย์สมบัติและเข้าคุก ไม่อาจลุกขึ้นได้อีกเลย
กิจการที่สกุลหลี่สะสมมาหลายปีนี้ ทนให้ขุนนางละโมบเหล่านั้นมาขูดรีดไปไม่ไหว และบุตรสาวคนรองของนางที่อ่อนแอราวดอกไม้ก็ทนเข้าไปอยู่ในคุกไม่ได้เช่นกัน
ตอนนี้หลี่รั่วอวี๋เป็นเหมือนเนื้อสดที่ถูกกะเทาะเปลือกแข็งออก เสิ่นหรูป๋อหมาป่าร้ายตัวนั้นเฝ้าโหยหานาง ฉู่จิ้งเฟิงเสือร้ายตัวนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะคลายปากออก ส่วนนางที่เป็นมารดาไม่มีความสามารถใด ปกป้องลูกไม่ได้
ฉู่จิ้งเฟิงไม่ใช่ตัวเลือกการเป็นลูกเขยที่ดีของบุตรสาว แต่เห็นท่าทางของเขาในตอนนี้เหมือนจะรักชอบพอหลี่รั่วอวี๋มาก ตอนนี้หลี่รั่วอวี๋อยู่ในช่วงอายุที่งดงามที่สุดของหญิงสาว หน้าตาท่าทางก็น่ารักน่าเอ็นดู แม้จะตกม้าสมองเสื่อมไป แต่ไม่ได้มีท่าทางโง่ทึ่มเนื้อตัวสกปรกอยู่ในตรอก อาศัยเพียงรูปโฉมก็สามารถชิงความรักได้อยู่หลายปี