14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
จำได้ว่าตอนที่ได้พบนางครั้งแรก คนงามในชุดชายหนุ่มสวมชุดยาวสีดำนั่งอยู่ที่หัวเรือ ผมดำขลับสยายไปตามสายลม เท้าน้อยสวมรองเท้าไม้คู่หนึ่งเคาะพื้นเรือเป็นจังหวะ ปลายเท้าคู่นั้นยกขึ้นเล็กน้อย นิ้วเท้างดงามเปลือยอยู่ใต้แสงอาทิตย์ ยกไหสุราเล็กๆ ไหหนึ่งขึ้นดื่มกับคนงานบนเรือที่เพิ่งเสี่ยงอันตรายกลับมาอย่างสนุกสนาน
ทั้งที่เป็นหญิงอ่อนแอ ดูไม่เรียบร้อยแต่ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ท่าทีองอาจงามสง่าแบบนั้นราวกับบัณฑิตเลื่องชื่อตรงไปตรงมาไม่ธรรมดา ทำให้เขาเลื่อนสายตาหนีไม่ได้…
และตอนนี้สาวน้อยที่เคยมีดวงตาสดใส ผิวสีแทนรวมถึงความฉลาดกล้าแกร่งผู้นั้นได้จางหายไป กลายเป็นเหมือนขนมข้าวเหนียวขาวนุ่มก้อนหนึ่ง ที่ปล่อยให้ผู้อื่นเด็ดดมโดยไม่มีการป้องกันเลย…
สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน นั่นคือดวงตาโตคู่นั้น ดวงตาโตคู่นั้นที่ไม่เคยมีเงาของเขาอยู่ในนั้นเลย!
คำพูดเมื่อครู่ของคุณหนูใหญ่หลี่ ‘ด้วยนิสัยน้องข้าตอนที่ยังเป็นปกติ คงไม่เหมาะจะแต่งเข้าสกุลสูงศักดิ์’ บีบหัวใจของฉู่จิ้งเฟิงจนเจ็บเหลือเกิน
เขาฟังออกถึงคำพูดที่คุณหนูใหญ่หลี่ยังพูดไม่จบ… น้องรองของนางที่มีอิสระจนชินหากไม่สมองเสื่อม ไม่มีทางเห็นพวกอ๋องโหวอย่างเขาอยู่ในสายตาเด็ดขาด…
พอคิดเช่นนี้ มือของเขาที่กุมข้อเท้าของนางก็ออกแรงบีบ ทำให้สาวน้อยพูดเสียงเบาอย่างไม่พอใจว่า “เจ็บ…”
ฉู่จิ้งเฟิงสงบสติแล้วคลายมือออก สายตามองไปที่กองทรายข้างกายแล้วถามว่า “รั่วอวี๋ทำอะไรอยู่หรือ”
หลี่รั่วอวี๋ก้มหน้าลงไม่มองเขา มือตบๆ กองทรายที่เบื้องหน้า ผ่านไปครู่ใหญ่ ตอนที่ฉู่จิ้งเฟิงคิดว่านางจะไม่ตอบคำถามแล้วนางจึงพูดอย่างอึดอัดว่า “สร้างบ้าน…ให้ท่านแม่อยู่”
ท่านแม่บอกว่าหากนางแต่งงานแล้ว นางก็จะอยู่กับท่านแม่ไม่ได้ สาเหตุคงเพราะห้องไม่พอ หากสร้างบ้าน ท่านแม่ก็ไม่จากไปแล้วใช่หรือไม่
ฉู่จิ้งเฟิงไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ นางจึงอยากสร้างบ้าน มองการกระทำที่ดูงุ่มง่ามของนาง หัวใจส่วนที่แข็งกร้าวก็อ่อนลงบ้าง “สร้างบ้านจะยากอะไร ถ้ารั่วอวี๋ชอบ สร้างเมืองให้เจ้าสักเมืองก็ยังได้”
ขณะที่พูด เขาก็เลิกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแขนกำยำ นั่งลงแล้วเริ่มขุดทรายก่อกำแพง
หลี่รั่วอวี๋เบิกตากลมโตมองดูมือใหญ่ของชายหนุ่มพลิกไปมาไม่หยุด ไม่นาน ปราสาททรายขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ เป็นรูปร่าง
หลี่รั่วฮุ่ยแม้จะออกไปตรวจของที่โถงด้านหน้า แต่ในใจยังคงไม่วางใจในตัวน้องสาว ทว่าตอนนี้อยู่ในเขตพื้นที่ของเขา หากเขาไม่รักษามารยาท สกุลหลี่จะทำอะไรได้เล่า
การแต่งงานที่ต้องปีนอำนาจวาสนา ล้วนต้องรับความเสี่ยงอย่างมาก ก่อนหน้านี้สกุลหลี่กับสกุลเสิ่นเป็นดองกัน ยังพอนับได้ว่าเหมาะสม อย่างไรเสียสกุลเสิ่นแม้จะมีชื่อเสียงแต่ครอบครัวนั้นก็ต้องการเงินของสกุลหลี่มาคอยเกื้อหนุน
ทว่าสกุลฉู่เป็นถึงครอบครัวอ๋องโหวอันดับหนึ่ง มองดูข้าวของสินสอดตรงหน้า เฉพาะเรื่องเงินก็มีมากกว่าสกุลหลี่ที่เป็นพ่อค้ามาหลายรุ่น ชายหนุ่มที่มีเงินและมีอำนาจ ทำอะไรก็ได้ตามใจ ทั้งสองสกุลแตกต่างกันมาก ตอนน้องสาวเสียเปรียบ ทางบ้านก็ไม่อาจพูดจาสนับสนุนได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้น้องสาวมีสภาพเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ
เทียบจำนวนอย่างใจลอยไปรอบหนึ่ง แล้วจึงสั่งให้บ่าวไพร่เอาของจำนวนหนึ่งไปวางไว้ที่โถงด้านหน้าและในห้องของหลี่รั่วอวี๋ นางจึงได้เดินเข้าไปในสวนดอกไม้เล็กอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ยังไม่ทันเลี้ยวเข้าลานบ้าน นางก็ได้ยินน้องสาวหัวเราะเอิ๊กอ๊าก หลี่รั่วฮุ่ยจึงมองลอดหน้าต่างฉลุบนกำแพง ก็เห็นฉู่จิ้งเฟิงกำลังเล่นทรายอยู่กับหลี่รั่วอวี๋!
ฉู่จิ้งเฟิงแม้จะมีผมขาวใบหน้าเย็นชา แต่การเล่นแบบเด็กๆ เช่นนี้ดูเหมือนจะทำได้ดีมาก ตัวเมือง อาคาร ประตู รวมถึงตลาดไม่ขาดแม้แต่อย่างเดียว ทั้งยังขุดคูเมืองไว้รอบนอกเมืองอีกด้วย
ตอนนี้ฉู่จิ้งเฟิงกำลังถือกาน้ำที่ใช้รดน้ำต้นไม้ในลานบ้าน เติมน้ำใส่ในร่องน้ำเล็กนั้นอย่างช้าๆ ไม่นานน้ำในคูน้ำก็เพิ่มขึ้น สาวน้อยด้านข้างทนรอไม่ไหววางเรือกระดาษลงใน ‘คูน้ำ’ นั้น
เมืองนี้สร้างได้สวยมาก หลี่รั่วอวี๋อิจฉามากที่มือของเขาคล่องแคล่วแบบนี้ ไม่เหมือนตนเองที่มักจะมือสั่น ทำทรายกระจายเต็มไปทั่ว
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็เกิดความชื่นชมขึ้นทันที ร่างนั้นค่อยๆ ขยับเข้าใกล้แขนกำยำของชายหนุ่ม จากนั้นก็ทำเหมือนแมวน้อย ใช้แก้มนุ่มนิ่มถูไถแขนของเขาที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อพลางเอ่ย “พี่ฉู่…”
ขนอ่อนนุ่มบนใบหน้าทำให้ชายหนุ่มคันในหัวใจ มือของชายหนุ่มหยุดลงทันใด เพราะบนมือมีทรายติด ไม่อาจไปกอดสาวน้อยที่ออดอ้อนนี้ได้ จึงใช้แขนถูไถแก้มของนาง เอ่ยพูดเสียงอ่อนโยน ไม่เหลือความเยือกเย็นตอนที่อยู่ในโถงรับแขกเมื่อครู่เลย “รั่วอวี๋เด็กดี อย่านอนหมอบบนกองทราย ตามข้าไปล้างมือ ข้าเอาแป้งม้วนกรอบมาให้เจ้าด้วย…”
ตอนที่หลี่รั่วอวี๋เผยรอยยิ้มสดใสออกมา ในดวงตาสงบนิ่งของชายหนุ่มก็เหมือนจะมีรอยยิ้มตามไปด้วยเช่นกัน ไม่รู้ด้วยเหตุใด เห็นภาพนี้แล้วหัวใจหลี่รั่วฮุ่ยกลับสงบลง น้องสาวเป็นคนน่ารักมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนฉลาดเฉลียวถูกใจคน ตอนนี้แม้จะสมองเสื่อมก็ยังอ่อนหวานน่ารักเหมือนเดิม อย่างน้อยๆ ภายหน้าถึงฉู่จิ้งเฟิงจะรับอนุ น้องสาวที่เหมือนเด็กเล็กคงไม่เกิดความอิจฉาอย่างเด็ดขาด คงไม่เหมือนนางที่อารมณ์ร้อนทำให้สามีโกรธจนมีปากเสียงกันมากมายหลายครั้ง
คิดถึงตรงนี้หลี่รั่วฮุ่ยก็ถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง เพื่อน้องสาว และเพื่อตัวนางเอง…
Comments
