ฉู่จิ้งเฟิงฟังคำพูดติดสำเนียงเด็กของนางแล้วก็อมยิ้ม จากนั้นช้อนอุ้มนางขึ้นมาและเดินมาที่ข้างโต๊ะ ยื่นจอกสุราเล็กๆ จอกหนึ่งให้นาง ก่อนจะใช้แขนคล้องกับแขนของนางพลางพูดว่า “เด็กดี ดื่มสุรานี้เสีย”
หลี่รั่วอวี๋นอนหลับจนกระหายน้ำพอดี ได้ฟังคำพูดนี้แล้วจึงดื่มสุราจนหมดจอก รสชาติของสุรานั้นหวาน มีกลิ่นผลอิงเถา หลี่รั่วอวี๋เหมือนรู้สึกติดใจ ยังอยากจะดื่มอีก ฉู่จิ้งเฟิงจึงเทให้นางจนเต็มจอก
หลังจากดื่มไปสามจอก หลี่รั่วอวี๋รู้สึกว่าไม่รู้ด้วยเหตุใด แขนขาจึงเริ่มอ่อนแรง
ฉู่จิ้งเฟิงคิดถึงเมื่อก่อนเคยเห็นหญิงผู้นี้ตั้งท่าอย่างดีดื่มสุราอยู่บนเรือ แต่มาคราวนี้กลับดูเป็นคนคออ่อนก็หัวเราะเบาๆ ออกมาหลายที ก่อนจะยื่นมือไปถอดชุดแต่งงานสีแดงของนางออก เหลือเพียงบังทรงสีแดงเพียงชิ้นเดียว อยู่ภายใต้แสงเทียน ขับผิวของสาวน้อยให้ยิ่งขาวนวลเนียน
แม้ร่างจะอ่อนระทวย แต่หลี่รั่วอวี๋ยังคงไม่ลืมคำกำชับข้างหูของมารดาจึงยื่นมือไปกระชากผมที่หลุดออกจากที่ครอบผมของเขา
เส้นผมนั้นนุ่มลื่นมาก ขยับเล่นไม่กี่ทีก็ไหลหลุดจากปลายนิ้ว หลี่รั่วอวี๋อดใจไม่ไหวอยากจะนั่งยืดตัว จะได้สอดนิ้วไปในไรผมหนาของเขา เล่นผมสีขาวเงินของเขาได้อย่างถนัดมือมากขึ้น
ชายหนุ่มดึงตัวนางขึ้นมากอดไว้ในอ้อมกอด ปล่อยให้นางเล่นผมของเขา ในตอนที่ได้กลิ่นนมจางๆ จากตัวนางก็รู้สึกว่าสุรารสเลิศที่ดื่มไปเมื่อครู่ผุดออกมาจากทุกรูขุมขน
หญิงโง่ผู้นี้จะต้องดื่มนมแพะที่ผสมผงเหอเถาหนึ่งถ้วยทุกวัน นี่เป็นสูตรพื้นบ้านในการบำรุงสมองที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไปค้นหามา ช่วงหลายวันที่อยู่ในเมืองซูเฉิงก็ดื่มไม่เคยขาด หลายวันก่อนฉู่จิ้งเฟิงเคยเห็นท่าทางตอนนางดื่มนมแพะ แค่มีนมเล็กน้อยติดก้นถ้วย แต่นางกลับแลบลิ้นออกมาเลียกินทีละนิด นมแพะนั้นติดบนริมฝีปากสีชมพู ก่อนจะถูกนางสูดเข้าปากทีละนิด…
จากนั้นสาวน้อยที่กำลังกินของบำรุงอย่างเบิกบานใจถูกดวงตาที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทำให้ตกใจจนโยนถ้วยทิ้ง…
ในตอนที่รู้สึกว่าเลือดลมทะลักขึ้นมาตรงลำคอแล้ว เขาก็กดหัวนางลงบนแผ่นอกของตนเอง
นางไม่ชอบดวงตาประหลาดของเขา ในค่ำคืนงดงามที่มีแสงเทียนแดงพลิ้วไหว เขาไม่อยากให้นางตกใจ จึงอุ้มตัวนางในท่านี้เดินไปที่เตียง แล้วปลดม่านกั้นลง บังแสงเทียนรางเลือนนั้นเอาไว้ได้
ความอดทนและการวางแผนในช่วงที่ผ่านมานี้สุดท้ายก็หว่านแหจับปลาน้อยน่ากินตัวนี้ไว้ได้ ฉู่จิ้งเฟิงหรี่ตาลงคิดว่า…นมแพะนั่นไม่ได้กินเสียเปล่าเลย บำรุงไปถึงก้อนเนื้อสองก้อนที่รัดแน่นนูนคับอยู่ใต้บังทรงอีกด้วย
คงเป็นเพราะเสื้อผ้าถูกเขาถอดออก นางรู้สึกไม่คุ้นชินทำอะไรไม่ถูก จึงคว้าผ้าห่มมงคลอยากจะเอามาคลุมตัว แต่ผ้าห่มผืนนั้นกลับถูกเขากระชากโยนไปที่ปลายเตียง
หลี่รั่วอวี๋ถูขาไปมาทำอะไรไม่ถูก เล็บเท้าที่ทาสีวาดเป็นรอยไปบนผ้าไหมแดง จากนั้นริมฝีปากแดงของนางที่เม้มแน่นก็ถูกเขาครอบครอง แม้แต่ก้อนนุ่มตรงทรวงอกของนางก็กลายเป็นของเขา
หลี่รั่วอวี๋ราวกับปลาที่ขาดน้ำ ดีดตัวสะบัดขาขัดขืนอยู่บนเตียง แต่ทำอย่างไรก็หลุดจากร่างแข็งแกร่งนี้ไม่ได้ นางรู้สึกว่าคนบนร่างนี้ไม่ใช่พี่ฉู่ที่เล่นทรายกับนางในวันนั้นอีกแล้ว แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่มีที่มาไม่ชัดเจน เขาพ่นไอร้อนปนกลิ่นสุราจางๆ ไปตามริมฝีปากและซอกคอของนาง ส่วนสองมือแกร่งนั้นก็ลูบคลำนางอย่างไม่เกรงกลัว…
หลี่รั่วอวี๋ร้องครวญอย่างไร้ทางช่วย สุดท้ายเตะผ้าม่านด้านข้างจนแหวกออก แสงวับแวมจากเทียนแดงส่องผ่านเข้ามาทำให้เห็นดวงตาประหลาดของชายหนุ่มคู่นั้น…
นับจากไปหลบฝนที่กระท่อม ในความฝันเห็นดวงตาแดงราวเลือดนั้น หลี่รั่วอวี๋ก็ตกใจตื่นเพราะฝันร้ายต่อกันอยู่หลายวัน ในตอนนี้ด้วยฤทธิ์สุราทำให้สมองที่เดิมก็มีความคิดไม่ค่อยชัดเจนเหลือเพียงความหวาดกลัวที่อยู่ในความฝัน
ในขณะที่ชายตาแดงโน้มตัวลงมาอีกครั้ง จุมพิตรอยแผลเป็นบนสะดือของนางอย่างไม่กลัวเกรง ความหวาดกลัวที่ถูกมีดแทงมาอุดอยู่ที่คอหอยของนาง นางจึงร้องไห้ตะโกนอย่างเจ็บปวดออกมา
เสียงตะโกนสุดเสียงนี้ ในที่สุดก็ทำให้ชายหนุ่มที่จมอยู่ในแรงปรารถนาตกใจได้สติคืนมา ตอนเขาเงยหน้าขึ้นจึงพบว่าใบหน้าของนางราวกับกระดาษขาว นางจ้องตรงมาในดวงตาของเขา ริมฝีปากสั่นเทาที่มีสีชาดหลงเหลืออยู่ดูน่าสงสารยิ่ง
ฉู่จิ้งเฟิงรีบดึงม่านปิดสนิท กำหมัดแน่น พยายามควบคุมเลือดร้อนที่คุกรุ่นในกาย วันนี้ได้อุ้มสาวงามกลับมา กอปรกับดื่มสุราร่วมกับแขกเหรื่อจึงได้ลืมตัวไปชั่วขณะ ลืมไปว่านางในตอนนี้มีความคิดเหมือนเด็ก ต้องใช้ไฟอ่อนตุ๋นช้าๆ เลาะเนื้อกินเข้าท้องทีละนิด เมื่อครู่รีบร้อนเกินไป ท่าทางการเขมือบกินจึงทำให้คนโง่ผู้นี้ตกใจ…
ฉู่จิ้งเฟิงฉายความเสียใจออกมา ถ้าเมื่อครู่มอมสุรามากอีกนิดก็คงดี น่าเสียดายที่เทียนในคืนมงคลนี้ไม่อาจดับมันได้…