14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
บทที่แปด
ฉู่จิ้งเฟิงดูออกถึงความอึดอัดของหลี่รั่วอวี๋ ดังนั้นจึงดึงมือนางเบาๆ พลางเอ่ยเรียกหล่งเซียงนำบ่าวหญิงอาวุโสสองคนพาหลี่รั่วอวี๋ไปเล่นที่สวนดอกไม้
ตอนนี้งานเลี้ยงที่อยู่นอกเรือนยังไม่เลิก แต่ในเรือนกลับยังคงเงียบสงบมาก
หลังจากหลี่รั่วอวี๋ออกไปแล้ว ท่านหญิงไหวอินจึงพูดคุยเรื่องสำคัญกับน้องชาย “ไป๋ฉวนจงบุตรชายคนโตของพระมาตุลาไป๋มาที่เมืองซูเฉิงด้วยตัวเอง จะชักช้าไม่ได้ ข้าจัดให้เขาพักอยู่ในจวนนี้ชั่วคราว ครั้งนี้นอกจากเขาจะมาอวยพรแล้ว ยังตั้งใจพายอดฝีมือทางกลไกมาด้วยหนึ่งคน ชื่อเมิ่งเชียนจี เมื่อวานได้ยินคุณชายไป๋พูดว่า เขาใช้เวลาสามปีตั้งใจทำกลไกป้องกันเมืองขึ้นมาชุดหนึ่ง กลไกชุดนี้นับว่าสะดวก สามารถติดตั้งไว้บนกำแพงเมือง และสามารถติดตั้งไว้บนเรือรบได้ ดังนั้นคุณชายไป๋ให้เขามาทำการแสดงในงานเรือเมืองเหลียวเฉิงเดือนหน้า ถ้ารับการทดสอบจากยอดฝีมือทั่วทิศได้ ก็เตรียมจะสั่งกองสรรพาวุธให้เร่งทำการผลิต”
ฉู่จิ้งเฟิงได้ฟังก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “พระมาตุลาไป๋ทำเพื่อขอคำชี้แนะและทดสอบเสียที่ใด นี่เป็นการแสดงความสามารถของเขาให้ข้าเห็น! ตอนนี้หยวนซู่ยังสงบชั่วคราว เขาจึงสงสัยว่าข้าจะขยายขอบเขต นอกจากยึดหลายเมืองจากมือหยวนซู่ไป ยังโพนทะนาว่าแม่ทัพหลายท่านจากกรมทหารเพิ่มกองทหารรอบเมืองโม่เหอ ตอนนี้มาทำเรื่องเช่นนี้ แค่ต้องการเอาชนะโดยไม่ต้องรบเท่านั้นเอง…”
คังติ้งอ๋องพยักหน้า ใบหน้าขี้เล่นฉายความเคร่งขรึมที่ยากนักจะได้เห็น “แต่เมิ่งเชียนจีนั่นเป็นคนเก่งผู้หนึ่ง เมื่อวานข้าเห็นกระบะทรายที่เขาสร้างในสวนดอกไม้ เมืองเล็กๆ ถูกล้อมแน่นจนไม่มีอากาศถ่ายเท แต่ไม่ว่าทหารในเมืองจะโจมตีอย่างไร กลไกอาวุธบนกำแพงเมืองก็สามารถป้องกันได้อย่างดี ช่าง…ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
ได้ฟังคังติ้งอ๋องพูดเช่นนี้ ฉู่จิ้งเฟิงก็รู้สึกสนใจ อยากเห็นฝีมือวิธีการของเมิ่งเชียนจีผู้นี้เสียแล้ว
แท้จริงแล้วเมิ่งเชียนจีผู้นี้เขาเคยได้ยินชื่อมาก่อนแล้ว อาจารย์มือภูตเป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาให้เขา ซึ่งพูดได้ว่ามีชื่อเสียงเทียบเท่าหลี่รั่วอวี๋ก่อนที่จะป่วย เพียงแต่เขาเป็นคนทั้งดีและเลว นิสัยทำอะไรตามใจชอบ แต่ไม่ใช่คนที่อาศัยอำนาจวาสนา หลายครั้งถูกราชสำนักเรียกตัวแต่ก็ปฏิเสธ ครั้งนี้เหตุใดกลับมาทำงานให้พระมาตุลาไป๋เล่า
ในตอนที่ฉู่จิ้งเฟิงกำลังครุ่นคิดอยู่นี้ก็เห็นพ่อบ้านวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน หลังจากคำนับบรรดาผู้เป็นนายแล้วก็มองสีหน้าฉู่จิ้งเฟิงอย่างระวังตัวแล้วจึงพูดเสียงเบาว่า “ท่านหญิง สวน…สวนดอกไม้ด้านหลังวุ่นวายใหญ่แล้ว…”
ท่านหญิงไหวอินเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
พ่อบ้านพูดด้วยสีหน้าอมทุกข์ “กระบะทรายของแขกที่คุณชายไป๋พามาด้วยวางไว้ในสวนดอกไม้และไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ แต่ว่า…แต่ว่าตอนนี้กระบะทรายนั่นถูกฮูหยินซือหม่าทำ… ทำ…”
พูดถึงตรงนี้ท่านหญิงไหวอินก็เข้าใจทันที กระบะทรายนั่นทำเลียนแบบของจริง ฝีมือประณีตมาก แต่เพราะมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่พอเก็บไว้ในห้อง จึงเอาไปวางในสวนดอกไม้ด้านหลังและสร้างเพิงกำบัง ให้องครักษ์ที่คุณชายไป๋นำมาเป็นคนเฝ้าดูแล คงเป็นหลี่รั่วอวี๋หญิงสมองเสื่อมนั่นเห็นว่าน่าสนุก จึงอาศัยช่วงคนไม่ทันระวังเข้าไปเล่น ทำเสียหายไปก็เป็นได้
“ตรงไหนเสียหาย ซ่อมให้เหมือนเดิมก็พอ นางแค่สตรีผู้หนึ่งจะมีแรงอะไรมากมาย” ท่านหญิงไหวอินกล่าว
พ่อบ้านเองได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจมาก ละล่ำละลักพูดว่า “เรียนท่านหญิง ไม่ใช่ฮูหยินซือหม่าทำเสียหาย แต่ฮูหยินซือหม่าพูดกับกระบะทรายนั้นประโยคหนึ่ง แขกผู้นั้นก็ตาแข็งราวกับคลุ้มคลั่ง หยิบเอาพลั่วเหล็กขุดดิน มาพังกระบะทรายจนเละเทะ!”
ท่านหญิงไหวอินในตอนนี้ก็ตกใจมากเช่นกัน กระบะทรายนั้นใช้เวลาสองปีกว่าจะสร้างเสร็จ หญิงสมองเสื่อมผู้นั้นพูดอะไร จึงทำให้เมิ่งเชียนจีคลุ้มคลั่งถึงเพียงนี้
ในตอนนี้เอง ฉู่จิ้งเฟิงลุกขึ้นก้าวเร็วๆ ไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง
อันที่จริงหากจะพูดไปแล้ว เรื่องที่หลี่รั่วอวี๋ก่อไว้วันนี้ยังต้องโทษไปถึงฉู่จิ้งเฟิง
วันก่อนตอนเล่นกองทราย สุดท้ายฉู่จิ้งเฟิงก็ถูกหลี่รั่วอวี๋สะกิดนิสัยความเป็นเด็กออกมา หยิบลำไผ่ที่ใช้ลำเลียงน้ำมารดดอกไม้ในสวนดอกไม้กรอกน้ำไปที่คูเมือง ทำให้น้ำเต็มคูเร็วขึ้น แล้วเลียนเสียงของกวนอวี่ในบทละคร ‘น้ำท่วมเจ็ดทัพ*’ ร้องออกมาว่า ‘ปลาติดอวน จะอยู่ได้นานหรือ’
เสียงร้องประโยคนี้ของฉู่จิ้งเฟิงเรียกได้ว่าหนักแน่นมาก กอปรกับตัวเขาเองเป็นแม่ทัพบู๊ ทำให้ดูสง่าอย่างยิ่ง ราวกับเป็นผู้สั่งให้สามทัพทดน้ำไปจมกองทัพของเฉาเชา จับเป็นอวี๋จินกับผางเต๋อ
หลี่รั่วอวี๋ถูกความสง่าของฉู่จิ้งเฟิงทำให้หลงใหล รู้สึกว่าพี่ฉู่ร้องประโยคนี้ได้ไม่เลว จึงฝึกร้องตามไปด้วย ฝึกไปฝึกมาก็ชำนาญ แม้แต่คำว่า ‘นาน’ ก็ลากเสียงได้เหมือนนักแสดงละครชื่อดังอยู่หลายส่วน
วันนี้ตอนนางเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ของท่านหญิงไหวอิน เดิมทีรู้สึกอึดอัด แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็เห็นกระบะทรายที่สร้างเมืองสมจริงกระบะหนึ่งวางอยู่บนพื้นผ่านรั้วกั้น
กระบะทรายนี้เหมือนกว่าของที่พี่ฉู่สร้าง ดวงตาของนางเปล่งประกายในทันที จึงกระโจนเข้าไปเล่น แต่ในลานเล็กที่วางกระบะทรายกลับมีองครักษ์ถือดาบเฝ้าอยู่ แม้หล่งเซียงจะแจ้งว่านี่คือฮูหยินคนใหม่ของซือหม่าก็ไม่ยอมให้เข้า
แต่แค่องครักษ์ไม่กี่คนจะทำอะไรหลี่รั่วอวี๋ได้หรือ นางเหลือบเห็นกระบอกไม้ไผ่ที่ใช้ลำเลียงน้ำข้างสวนดอกไม้จึงหยิบมาเตรียมจะเทไปที่กระบะทรายนั่น
องครักษ์หลายคนนั้นคิดไม่ถึงว่าฮูหยินน้อยสวมชุดหรูหราผู้นี้จะทำอะไรบ้าคลั่งเช่นนี้ จึงรีบกระโจนเข้ามาใช้ตัวขวางน้ำที่พุ่งมา
ในตอนนี้เองเมิ่งเชียนจีก็มาถึงกลางลาน เห็นหลี่รั่วอวี๋ก็จำได้ว่าเป็นคนเคยรู้จัก เขากับสตรีผู้เป็นเจ้าแห่งการต่อเรือผู้นี้ไม่ถูกชะตากัน ทำงานด้านเดียวกันแต่กลับเป็นอริกัน
Comments
