ทว่าฉู่จิ้งเฟิงเป็นคนโอหังเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เห็นท่านพ่อของเขาอยู่ในสายตา นับประสาอะไรกับตัวเขาเล่า
ตอนนี้เขาจึงอดกลั้น แล้วสั่งคนให้ประคองเมิ่งเชียนจีที่โศกเศร้าราวบุพการีเสียกลับไปที่ห้องพักแขก
“คุณชายเมิ่ง เหตุใดท่านต้องเก็บคำพูดของคุณหนูรองหลี่มาใส่ใจด้วย นาง…สองเดือนก่อนเพราะอุบัติเหตุตกม้าสมองเสื่อม ความคิดอ่านเหมือนเด็กเล็ก จะมองทะลุกลไกของท่านได้อย่างไร”
เสิ่นหรูป๋อได้ฟังคำพูดเสียขวัญของเมิ่งเชียนจี นับว่ารู้ความเป็นมาในเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว จะร้องไห้หัวเราะก็ไม่ออก
แท้จริงแล้วนี่เป็นการเห็นข้อผิดพลาดของหลี่รั่วอวี๋เสียที่ไหน แต่เป็นความคิดของเมิ่งเชียนจีเองทุกอย่าง ทำให้เขาพบข้อบกพร่องของตนเอง
ทว่าคนที่มีพรสวรรค์แบบนี้มักจะมีจุดอ่อน หากเมิ่งเชียนจีมุดเข้าไปในความคิดของตนเอง จะหาทางออกได้เร็วเช่นนี้ได้อย่างไร เขาจึงพึมพำพูดว่า “ปัญญาอ่อนหรือ ผลงานสามปีของข้าสู้สายตาคนโง่ทึ่มอย่างนางไม่ได้หรือ? ไม่เท่ากับแตกต่างจากนางราวฟ้ากับดินหรือ ไม่ได้! ข้าไม่ยอม! ข้าไม่เชื่อว่าจะสู้หลี่รั่วอวี๋ไม่ได้!”
จากนั้นชายหนุ่มสุภาพเรียบร้อยก็พูดกับตนเอง เดินกลับเข้าไปในห้องตนเองอีกครั้ง แล้วปิดประตูแน่นคงไม่ยอมออกมาอีกนาน
ไป๋ฉวนจงเดิมทีไม่ได้เก็บเรื่องการแต่งงานของหลี่รั่วอวี๋มาใส่ใจ สกุลไป๋เป็นใหญ่ในราชสำนัก ทุกวันนี้เรื่องที่ต้องให้คิดมีมากมาย ในเมื่อหลี่รั่วอวี๋ตกม้าสมองเสื่อมเมื่อสองเดือนก่อน กลายเป็นเศษสวะที่ไร้ประโยชน์ บุตรสาวครอบครัวต่อเรือแห่งเจียงหนานเปลี่ยนคู่แต่งงาน ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาต้องเก็บมาใส่ใจ หากไม่ใช่เพราะคนที่นางแต่งด้วยคือซือหม่าต้าฉู่ ไป๋ฉวนจงก็คงจะลืมนางไปแล้ว
เหตุใดฉู่จิ้งเฟิงจึงต้องการแต่งกับหญิงโง่เขลาสมองเสื่อมผู้หนึ่งด้วย เรื่องนี้ไม่อาจทำให้ไป๋ฉวนจงไม่ครุ่นคิดได้แล้ว
และด้วยความคิดนี้ ไป๋ฉวนจงก็เริ่มตกตะลึง คิดไปคิดมา สีหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งเครียด เดิมทีหลี่รั่วอวี๋สมองเสื่อมไปแล้วก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียหลี่เสวียนเอ๋อร์ที่เสิ่นหรูป๋อแต่งงานด้วยก็เป็นผู้สืบทอดการต่อเรือของสกุลหลี่ ไม่มีทางทำลายแผนการใหญ่ของท่านพ่อ แต่หากหลี่รั่วอวี๋แกล้งบ้าปฏิเสธงานของท่านพ่อ มาแต่งงานกับฉู่จิ้งเฟิง… ไม่เท่ากับติดปีกให้เสือร้ายแซ่ฉู่อย่างนั้นหรือ!
คิดถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดกับเสิ่นหรูป๋อ “คุณชายรองเสิ่น หลี่รั่วอวี๋ผู้นั้นสมองเสื่อมไปแล้วจริงๆ หรือ”
เสิ่นหรูป๋อไม่ได้รีบตอบ ชั่วขณะนั้นเขากำลังคิดว่าควรตอบอย่างไรผลลัพธ์จึงจะเป็นไปตามประสงค์ของตนเอง
ฉู่จิ้งเฟิงไม่ได้รีบกลับไปดูหลี่รั่วอวี๋ แม้ตัวจะอยู่ที่เจียงหนาน แต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระเสียทีเดียว หลายวันนี้เพื่อจัดงานแต่งงานทำให้มีงานราชการสะสม และสหายเก่าที่เดินทางมาอวยพรก็มีมากมายจึงต้องต้อนรับอย่างดี
และเพราะการต้อนรับเหล่านี้ ทำให้ตอนที่กลับห้องก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว
แววตาที่เสิ่นหรูป๋อมองหลี่รั่วอวี๋เมื่อเช้า เขาไม่รู้สึกแปลกตาเลย เป็นดวงตาของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังมองสำรวจหญิงสาว สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ เขารู้ว่าเสิ่นหรูป๋อยังไม่ตัดใจจากหลี่รั่วอวี๋ แต่คนแซ่เสิ่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ตอนนี้หลี่รั่วอวี๋เป็นภรรยาของเขาแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่ว่าผู้ใดก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้
คิดถึงตรงนี้แล้ว หัวใจของฉู่จิ้งเฟิงกลับรู้สึกว่างเปล่าอย่างประหลาด
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แม้จะเป็นเพียงการพูดส่งเดชของหลี่รั่วอวี๋คนโง่ตัวน้อย แต่หัวใจเขากลับตึงเครียดตามไปด้วย
หรือว่านางจะกลับเป็นปกติแล้ว!
หากเป็นหลี่รั่วอวี๋ที่มีสติดี และพบว่าตนเองเป็นภรรยาของเขาแล้ว นางจะเป็นอย่างไร
นอกหน้าต่างในตอนนี้มีเสียงฝนพรำ เม็ดฝนตกใส่ม่านหน้าต่างจนเปียก เขาเคยส่งนางที่กลับจากอู่เรือดึกดื่นไปยังโรงเตี๊ยมในคืนฝนตกเช่นนี้ด้วยตนเอง
ฝนทางเหนือจะตกแรงกว่าทางเจียงหนานมาก เพราะโรงเตี๊ยมอยู่ไม่ไกล เขาจึงไม่ได้ขี่ม้า นางก็ไม่ได้นั่งรถม้า ต่างคนต่างกางร่ม เดินตามกันไปทิ้งระยะไม่ห่างกัน ในคืนฝนพรำ นางไม่ได้หันหน้ามามองเขาเลย ทั้งยังเดินไปอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงไหล่ที่ถูกฝนเปียกชื้นกับต้นคอที่กระทบแสงจันทร์ และรองเท้าไม้ที่เหยียบน้ำในหลุมจนน้ำกระเซ็น
ตอนไปถึงโรงเตี๊ยม เขาอดไม่ไหวอยากจะยื่นมือไปปาดหยดน้ำบนแก้มนาง แต่นางกลับสะบัดตัวหลบเลี่ยงไปอย่างงดงาม มือของเขาที่ยื่นออกไปลอยคว้างกลางอากาศอย่างน่าสงสาร…