ฉู่จิ้งเฟิงคิดถึงตรงนี้ ในใจก็ค่อยๆ เกิดความรู้สึกที่พูดไม่ออกบางอย่างขึ้นมา “จะเอามันกลับมาทำไม รั่วอวี๋ในตอนนี้ก็ดีมากแล้ว”
หลี่รั่วอวี๋สูดจมูก “วันนี้คนผู้นั้นดวงดาวก็กลับสวรรค์แล้วหรือ จึงทั้งทุบและพังของ… รั่วอวี๋กลัว…รั่วอวี๋อยากให้ดาวของตัวเองกลับมา…”
วันนี้เป็นเพราะคำพูดประโยคเดียวของหลี่รั่วอวี๋ก็ทำให้เมิ่งเชียนจีเหมือนคนเป็นโรคประสาท ทำตัวบ้าน่าตกใจ หลี่รั่วอวี๋ไม่เข้าใจ เห็นเพียงฉู่จิ้งเฟิงปั้นหน้าดุมาไล่นาง จึงคิดว่านางก่อเรื่องแล้ว
พอกลับถึงห้องก็นอนอุดอู้อยู่บนเตียงผู้เดียวตลอดบ่าย ตกกลางคืนตอนลืมตาขึ้น ของตกแต่งรอบด้านล้วนแปลกตา ภาพสีแดงเต็มตาตรงหน้ายังไม่จางหาย กำลังเตือนสตินางว่า นางไม่ได้อยู่ข้างกายท่านแม่แล้ว
ตอนที่นางเพิ่งสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา แม้จะไม่รู้จักผู้ใด แต่การตกแต่งรอบข้าง และกลิ่นอายภายในห้องยังพอคุ้นเคยอยู่บ้าง จึงรู้สึกสบายใจขึ้น
แต่นับจากมาถึงที่นี่ รอบข้างนอกจากหล่งเซียงแล้ว นางไม่มีคนรู้จักอีกเลย ความหวาดกลัวหลังจากที่ตื่นขึ้นจากความมืดในตอนนั้นพุ่งเข้ามาในใจนางอีกครั้ง
คิดถึงความบ้าคลั่งของคนผู้นั้นในตอนเช้า นางกลัวตนเองจะค่อยๆ กลายเป็นแบบนั้น
หลังจากหล่งเซียงปรนนิบัตินางให้กินอาหารอาบน้ำล้างหน้าแล้ว นางคิดว่าคงนอนไม่หลับ จึงปีนออกทางหน้าต่าง นั่งอยู่ตรงมุมภูเขาจำลองครุ่นคิดว่าจะหาดวงดาวของนางจากท้องฟ้ามืดมิดนั้น
ฉู่จิ้งเฟิงฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกโกรธ แต่คนที่โกรธคือตนเอง ทั้งที่รู้ว่านางตอนนี้เหมือนเด็กที่ต้องจากแม่ หลังจากถูกเมิ่งเชียนจีทำให้ตกใจกลัว ตนเองกลับไม่รีบกลับมาปลอบนาง ให้นางอยู่ในเรือนนี้เพียงผู้เดียว ฟ้ามืดฝนหนาว แม้จะเป็นคนโง่เขลาทึ่มทื่อก็ยังคิดเหลวไหลได้
คิดถึงตรงนี้ เขาก็อุ้มสาวน้อยตัวอ่อนนุ่มในอ้อมกอดมาตรงหน้าต่าง ชี้ไปที่เมฆดำเต็มท้องฟ้าแล้วพูดว่า “ดวงดาวนั่นก็มีเพียงเท่านี้ บางครั้งก็ไม่มีสักดวง แต่คนปัญญาอ่อนจริงๆ ใต้หล้านี้มีนับไม่ถ้วน รั่วอวี๋ของพวกเราก็ยังเป็นรั่วอวี๋ที่ฉลาดเฉลียว จะไปแย่งชิงกับคนเหล่านั้นทำไม เอาดาวที่ไร้ประโยชน์นั่นให้คนโง่เหล่านั้นดีกว่า พรุ่งนี้รอให้กลับไปถึงจวนซือหม่าที่เมืองโม่เหอ ข้าจะเชิญอาจารย์หญิงมาให้รั่วอวี๋ เรียนหนังสือให้มาก รั่วอวี๋ก็จะกลับมาเป็นคนฉลาดตามเดิมแล้ว”
หลี่รั่วอวี๋เดิมทีก็อิจฉาน้องชายเสียนเอ๋อร์ที่ได้ไปหอเรียนร่ำเรียนวิชากับสหายทุกวัน พอได้ยินฉู่จิ้งเฟิงบอกว่าจะเชิญอาจารย์มาให้ ดวงตาก็เปล่งประกายทันทีอย่างนึกสนุก แขนสองข้างจึงโอบคอของเขาไว้แน่นแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “ข้า…ข้าจะเข้าหอเรียน… ข้าไม่อยากเป็นคนปัญญาอ่อน…”
ฉู่จิ้งเฟิงรับคำใจลอย แต่ความคิดกลับถูกก้อนเนื้อสองก้อนที่เบียดตรงแผ่นอกตนเองกดจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ทว่าตอนเช้านางเพิ่งได้รับความตกใจ ตอนนี้หากทำการอะไรอีก ต้องทำให้นางกลัวเขาไปตลอดแน่นอน เขาจึงสูดหายใจเข้าลึก กล่อมให้นางคลายมือ รอจนในถังอาบน้ำเติมน้ำอุ่นจนเต็มก็ให้นางกำนัลปรนนิบัติอาบน้ำอุ่นให้หลี่รั่วอวี๋
แต่ตอนที่นางออกมา กลับพบว่าฉู่จิ้งเฟิงไม่อยู่ในห้องแล้ว
เพราะหล่งเซียงถูกนำตัวไปลงโทษ คนที่มาปรนนิบัตินางจึงเป็นนางกำนัลชื่อซูซิ่ว ซูซิ่วที่กำลังสวมเสื้อให้นางพูดอึกอักว่า ท่านซือหม่าไปที่ห้องหนังสือแล้ว
ก็ไม่แปลกที่นางกำนัลจะพูดไม่ค่อยออก เพิ่งแต่งงานวันที่สอง เป็นช่วงความรักหอมหวาน แต่ฉู่ซือหม่ากลับทอดทิ้งโอกาสชื่นชมความงามเช่นนี้ไป ทำให้พวกนางเหล่านี้นึกสงสัยจริงๆ
ซูซิ่วกับซูเหมยนางกำนัลอีกคนเป็นพี่น้องกัน เป็นคนที่ท่านหญิงไหวอินเป็นผู้อบรมกับมือ อากัปกิริยานั้นจะให้เข้าไปเป็นคุณหนูในคฤหาสน์ใหญ่ก็ยังได้ พวกนางสองพี่น้องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม ยังรู้หนังสือและเชี่ยวชาญเพลงพิณ หมากล้อม อักษร และภาพวาด เพราะคนที่ฉู่จิ้งเฟิงพามาด้วยเป็นสตรีที่ทำอะไรไม่เรียบร้อย ดังนั้นท่านหญิงไหวอินจึงตั้งใจคัดนางกำนัลคู่หนึ่งไปปรนนิบัติฉู่จิ้งเฟิง
แท้จริงแล้วท่านหญิงไหวอินยังคงไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง น้องชายที่นางตามใจแต่งงานกับคนปัญญาอ่อน นับว่าได้ทำสมดังใจเขาแล้ว แต่เขาเป็นชายที่ต้องทำการใหญ่ อยู่นอกบ้านทำงานหนักมาทั้งวัน กลับถึงบ้านก็อยากได้ดอกไม้งามพูดได้ที่รู้จักความร้อนหนาวสักคนไม่ใช่หรือ
หลี่รั่วอวี๋ผู้นั้นแม้จะงดงาม แต่เหมือนเด็กเล็กไม่รู้ประสา เลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงหายากยังพอได้ เวลานานเข้าจะมีความอดทนคิดหาวิธีมาหลอกล่อคนปัญญาอ่อนอยู่เสมอได้อย่างไร นางจึงตั้งใจเลือกนางกำนัลสองคนที่รู้จักแบ่งรับแบ่งสู้ไว้ในห้องของหลี่รั่วอวี๋ จุดประสงค์เพื่อให้พวกนางสองคนเป็นสาวใช้ห้องข้าง* เพื่อกันไม่ให้ฉู่จิ้งเฟิงสัมผัสหญิงสาวจนรู้รสชาติแล้ว จะไปก่อเรื่องวุ่นวายนอกบ้านเหมือนจ้าวซีจือน้องชายอีกคนของนาง
หากภายหน้าปรนนิบัติได้ดี ได้รับความรักจากฉู่จิ้งเฟิง ยกขึ้นเป็นอนุ นั่นก็เป็นวาสนาของทั้งสองคน
ซูซิ่วเป็นพี่สาว นิสัยสุขุมหนักแน่นกว่า แม้จะเข้าใจความหมายในคำพูดของท่านหญิงไหวอินที่กำชับพวกนางสองพี่น้อง แต่พอเห็นท่าทางฉู่ซือหม่าที่เย็นเยือกราวน้ำแข็งและมีไอสังหารแผ่ออกมาทั่วทั้งตัวก็ใจเต้นรัว กอปรกับคืนวันแต่งงานเมื่อวาน ได้ยินเสียงร้องใจแทบขาดของฮูหยินคนใหม่แล้วก็ทำให้ความคิดที่มีในใจนั้นแตกกระเจิงไปจนหมดสิ้น