ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ยินคำพูดก็รู้ว่าสามารถพลิกโอกาสได้ จึงรีบแสดงสีหน้าร้อนใจ “อาการป่วยบุตรสาวคนรองของข้าน้อยหนักมากจริงๆ…”
ฉู่ซือหม่าลากเสียงพูดยาว “แต่ถ้าอีกไม่กี่วัน คุณหนูรองจะแต่งงานอีกครั้ง…”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังแล้วก็รีบโบกมือ “จะรวดเร็วเช่นนั้นได้อย่างไร ไม่มีทาง ไม่มีทาง…”
ตอนฮูหยินผู้เฒ่าหลี่หอบเอาโฉนดที่ดิน ตั๋วเงิน พร้อมกับรากเหอโส่วอูชิ้นใหญ่ที่ถูกส่งคืนเดินออกมาจากที่พักรับรอง ยังรู้สึกงุนงงเหมือนอยู่ในเมฆในหมอก ไม่รู้ว่าซือหม่าผู้นี้เหตุใดจึงยอมหลอมละลายภูเขาน้ำแข็งพันปี ไว้หน้านาง รับปากให้นางมารับบุตรสาวคนรองกลับคฤหาสน์ในวันพรุ่งนี้
แต่ไม่ว่าซือหม่าจะสะกิดใจส่วนใด การที่บุตรสาวคนรองจะได้กลับคฤหาสน์มาอย่างปลอดภัยก็นับเป็นเรื่องดียิ่ง
ตอนที่รอบุตรสาวกลับคฤหาสน์ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ตั้งใจสั่งพ่อบ้านให้ซื้อขาหมูชั้นเลิศมา ต้มบะหมี่หนึ่งหม้อให้บุตรสาวคนรองกินล้างโชคร้าย จากนั้นนางก็พาสาวใช้และบ่าวหญิงอาวุโสหลายคนไปรออยู่ที่ประตู ยืดคอรออยู่ตรงนั้น
รอจนถึงกลางวัน รถม้าที่ส่งไปจึงมาปรากฏที่ปากตรอก
แม้จะอยู่ในคุกมาหลายวัน แต่สีหน้าของหลี่รั่วอวี๋ดีขึ้นมาก ผมยาวหวีอย่างเรียบเงางาม เสื้อผ้าก็สะอาดสะอ้านเรียบร้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เห็นท่าทางยิ้มคิกคักเหมือนคนโง่เขลาของบุตรสาว ในใจก็พลันรู้สึกโล่งอก
แต่นางยังกังวลใจเรื่องหนึ่ง แต่ไม่อาจบอกกับคนนอกได้
หลังจากบุตรสาวกลับห้อง นางจึงวางม่านกั้นลง ถอดเสื้อชั้นนอกของบุตรสาวออก ตรวจดูจุดพรหมจรรย์รูปดอกเหมยบนแขนของนางอย่างละเอียด
โชคดีที่จุดพรหมจรรย์นั้นยังเป็นเหมือนที่ผ่านมา ไม่เปลี่ยนไปเลย เห็นได้ชัดว่าบุตรสาวสมองเสื่อมของนางไม่ได้ถูกหมิ่นเกียรติอะไรที่ยากจะเอ่ยปากพูดได้… แต่บนท้องของนางแปะแผ่นยาที่มีกลิ่นยาหอมลอยมาแตะจมูก
ได้ยินหญิงจากที่พักรับรองที่ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองส่งหลี่รั่วอวี๋กลับมาบอกว่า ตอนถูกคุมตัวไว้โรคกระเพาะของหลี่รั่วอวี๋กำเริบ แต่ท่านซือหม่าเห็นแก่ความจงรักภักดีที่ผ่านมาของสกุลหลี่ สร้างประโยชน์ให้แคว้นอย่างมาก จึงเชิญท่านหมอมารักษาอาการให้นาง แผ่นยาที่แปะไว้นี้เป็นสูตรยอดเยี่ยมในการรักษาโรคปวดกระเพาะ ต้องแปะติดต่อกันหลายวัน จะขาดไม่ได้ ดังนั้นยาที่จัดไว้เรียบร้อยแล้ว หญิงที่ได้รับมอบหมายมานั้นจึงนำมาด้วย
นอกจากแผ่นยาสำหรับแปะกลิ่นหอมหลายแผ่นแล้ว หลี่รั่วอวี๋ยังเอาของเล็กๆ น้อยๆ กลับมาด้วย อย่างเช่นหวาหรงเต้า ที่แกะสลักด้วยไม้จันทน์หอม สลักหลู่ปัน ที่ไม่ซ้ำแบบเก้าชุด นาฬิกาทรายที่ฝังหินโมรา… ที่น่าประหลาดที่สุด คือยังมีนกแก้วปากงุ้มที่ตัวขาวโพลนอีกหนึ่งตัว
หากไม่ใช่หลายวันมานี้ร้องไห้จนตาแทบบอด ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คงสงสัยว่าบุตรสาวคนรองไม่ได้เข้าคุก แต่เป็นเหมือนเสียนเอ๋อร์ ไปเล่าเรียนที่สำนักศึกษา
เด็กน้อยผู้นั้นทุกครั้งที่ไปสำนักศึกษา เลิกเรียนกลับมามักจะเอาของเล่นของสหายโต๊ะข้างเคียงกลับมาด้วยเสมอ
“รั่วอวี๋ ของพวกนี้เอามาจากที่ใด” ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ขมวดคิ้วถาม
หลี่รั่วอวี๋เคี้ยวบะหมี่ที่กลิ่นหอมฉุย พูดตอบไม่ชัดเจนว่า “พี่…พี่ชายให้มา… ไม่อย่างนั้น รั่วอวี๋จะร้องไห้…”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คิดๆ ดูแล้ว ตีให้ตายนางก็ไม่กล้าเอาคำว่า ‘พี่ชาย’ นี้ไปสวมให้กับซือหม่าตายด้านผู้นั้น จึงคิดว่าคงเป็นพลทหารใจดีคนใด เห็นหลี่รั่วอวี๋ร้องงอแงน่าสงสาร จึงเอาของเหล่านี้มาล่อหญิงสมองเสื่อมเท่านั้นเอง
ทว่าของอื่นยังดี แต่นาฬิกาทรายฝังหินโมรากับนกแก้วตัวขาวโพลนนี้ แค่ดูก็รู้ว่าราคาไม่ถูกเลย ไม่เหมือนคนที่เป็นพลทหารจะมีเงินซื้อมาให้ได้
ในตอนนี้ หลี่รั่วอวี๋กินอิ่มแล้วก็โผไปข้างแท่นไม้ที่คล้องนกแก้วเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ นั่งอยู่บนเบาะนุ่มของเก้าอี้กลมเบิกตาโตมองดูเจ้านกแก้วใช้ปลายปากงุ้มจัดการไซ้ขนอย่างสนุกสนานแล้วพูดด้วยเสียงตื่นเต้น “จี๋เฟิง… อีกครู่…ไปจับกระต่าย…”