จี้ชิงอิ่งมองเขาอย่างไม่ละสายตา ฉับพลันนั้นจู่ๆ เขาก็หันหน้ากลับมาโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
เส้นผมที่ปรกบริเวณหน้าผากของชายหนุ่มเปียกชื้นเล็กน้อย นัยน์ตาดำขลับลุ่มลึก ท่าทางเย็นชาอย่างยิ่ง ในช่วงเวลานั้นเองจี้ชิงอิ่งก็รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรุนแรง
ตอนรถไฟความเร็วสูงมาถึงสถานีเขายังคงออกไปด้วยกันกับผู้โดยสารคนนั้นและไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนอีกฝ่าย
จี้ชิงอิ่งได้ยินสาวน้อยทางด้านข้างพลันร้องตะโกนด้วยความตกใจ ‘ที่แท้ก็เป็นเขา!’
เธออยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่ได้ถาม
ทว่าผู้โดยสารทางด้านข้างกลับพูดคุยกับสาวน้อยคนนั้นสองสามประโยคขณะต่อแถวลงจากรถ ‘ทำไมล่ะ เธอรู้จักเหรอ’
‘รู้จักค่ะ!’
สาวน้อยเอ่ยอย่างตื่นเต้น ‘เขาเป็นหมอของโรงพยาบาลเป่ยเฉิงหนึ่ง! เป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัยข้างๆ ของพวกเรา โด่งดังมากๆ เมื่อก่อนฉันไปที่มหา’ลัยของพวกเขา บนบอร์ดเกียรติยศของมหา’ลัยยังมีชื่อของเขาเลย! เขาเป็นศัลยแพทย์หัวใจประเภทที่เก่งขั้นเทพ! แถมยังหน้าตาหล่อเว่อร์ด้วย’
เรื่องความหล่อนี้ทุกคนต่างเห็นกับตาแล้ว
สำหรับความเก่งกาจก็เหมือนจะได้รับการพิสูจน์แล้วเช่นกัน
ขณะออกจากสถานีรถไฟความเร็วสูง ข้างหูของจี้ชิงอิ่งก็ยังคงหลงเหลือโทนเสียงแหลมสูงของสาวน้อยคนนั้นอยู่
‘ถ้าไม่ใช่เพราะต่างกันมากเกินไป ฉันก็อยากจะไปขอช่องทางการติดต่อของรุ่นพี่ที่มหา’ลัยของพวกเขา’
‘เขาเทพมากจริงๆ ตอนที่เรียนหนังสืออยู่ก็เคยตีพิมพ์บทความลง SCI** ตั้งหลายบทความ’
‘ตอนที่เขาปรากฏตัวแล้วพูดว่า ‘ผมเป็นหมอ’ ฉันก็จิตใจสงบในชั่วพริบตาแล้ว’
ข้างหูของเธอมีเสียงพูดคุยต่อเนื่องไม่ขาดสายดังออกมา
จี้ชิงอิ่งพลิกตัว ตัดเสียงพูดคุยทิ้งไว้ข้างหลัง ทว่าตรงหน้ากลับยังคงปรากฏรูปลักษณ์ของผู้ชายคนนั้นออกมาอย่างชัดเจน
ตอนที่เขาก้มตัวลงเสื้อเชิ้ตก็วาดเค้าโครงรูปร่างของเขาออกมาทั้งหมดอย่างพอเหมาะพอดี ทิ้งภาพมายาซึ่งมีความดูดีที่อธิบายออกมาไม่ได้ไว้
แสงตะวันนอกหน้าต่างตกลงบนกายของเขา วาดเค้าโครงใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาและคิ้วตาที่ลุ่มลึกของชายหนุ่มออกมา ในชั่วพริบตานั้นภาพฉากนี้ก็หยุดนิ่งอยู่ในดวงตาของเธอ
รวมทั้งการหันกลับมามองในโบกี้ขณะที่เขากำลังจากไป ทำให้สายตาของทั้งสองสบประสานกันหนึ่งวินาทีท่ามกลางกระแสคนที่หลั่งไหล…
แค่หนึ่งวินาทีเขาก็เคลื่อนสายตาออกไป
ทันใดนั้นจี้ชิงอิ่งก็ตื่นขึ้น
เธอดึงผ้าปิดตาลง กะพริบตาจ้องมองฝ้าเพดานอยู่ครู่ใหญ่แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ด้านข้างมาส่งข้อความให้เพื่อน
จี้ชิงอิ่งมาที่นี่ครั้งนี้เป็นเพราะมาพบปะกับผู้กำกับชื่อดังท่านหนึ่ง
ผู้กำกับต้องการถ่ายทำซีรี่ส์ยุคสาธารณรัฐเรื่องหนึ่ง อยากเชิญเธอมาเป็นที่ปรึกษาในการออกแบบเครื่องแต่งกาย
ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนจี้ชิงอิ่งไม่มีทางตอบรับ ทว่าตอนนี้เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถพิจารณาใหม่ได้
เธอมองดูที่อยู่ของโรงพยาบาลเป่ยเฉิง 1 แล้วแคปหน้าจอและกดบันทึก ตอนนี้ถึงได้เลิกผ้าห่มออกแล้วลุกจากเตียง
หลังจากตื่นนอนทั้งสองคนตั้งใจจะออกไปกินข้าว
จี้ชิงอิ่งหยิบกี่เพ้าสีเหลืองอ่อนมาชุดหนึ่ง บนกี่เพ้าปักลวดลายด้วยเลื่อมเล็กๆ ดูแล้วสง่างามทั้งยังสวยเก๋ ตอนที่เธอสวมใส่แล้วเดินออกมาก็ทำให้เฉินซินอวี่ตกตะลึง
คนอื่นอาศัยกี่เพ้าขับให้ตัวเองเด่น จี้ชิงอิ่งกลับขับเสน่ห์ของกี่เพ้าออกมาได้ด้วยตัวเอง
กี่เพ้าที่สวมอยู่บนตัวเธอดูมีชีวิตชีวา งดงามมีศิลปะ ดึงดูดให้ผู้คนมีความปรารถนาต่อชุดนี้
จี้ชิงอิ่งมองสีหน้าเว่อร์วังของเฉินซินอวี่แล้วหลุบตาลงติดกระดุม
“ทำไมเธอถึงเว่อร์ขนาดนั้น”
เฉินซินอวี่ไม่ยอม ดึงเธอมาที่หน้ากระจกแล้วเอ่ยว่า “เธอดูเอาเอง เป็นฉันเว่อร์หรือว่าเธอสวยเกินไป”
จี้ชิงอิ่งช้อนตาขึ้น มองตัวเองในกระจกโดยไม่ได้พูดอะไร
“ก็พอได้”
“คนอื่นได้ยินเข้าคงโมโหตาย”
“ไปกันเถอะ”
จี้ชิงอิ่งยื่นมือไปจัดเส้นผมแล้วลากเพื่อนออกจากบ้านไป