เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเป่ยเฉิง 1 ก็เป็นเวลาหกโมงครึ่ง
ทันทีที่จี้ชิงอิ่งปรากฏตัวขึ้นก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อย เธอไม่มีความรู้สึกอะไรต่อสายตาเหล่านั้น ก้มหน้าเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อคืนเธอถามแค่ว่าฟู่เหยียนจื้ออยู่แผนกไหน แต่ลืมถามอย่างเจาะจงว่าอยู่ตรงไหนกันแน่ และตอนนี้ก็ไม่เห็นป้ายบอกทางมาระยะหนึ่งแล้ว
จี้ชิงอิ่งยืนคิดอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย
มาโรงพยาบาลโดยไม่มีการเตรียมตัวเลยแบบนี้ นี่ช่างเหมือนคนตาบอดเกินไปแล้วหรือเปล่า
เธอกำลังคิด ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนเรียกเธอจากจุดที่ไม่ไกลนัก
“คุณจี้คนสวย?”
จี้ชิงอิ่งชะงักงัน กุมโทรศัพท์แล้วมองไปทางนั้นก็พบว่าเป็นหลินเฮ่าหราน
ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง หลินเฮ่าหรานเป็นฝ่ายเดินเข้ามาก่อน
“ทำไมถึงมาโรงพยาบาลล่ะครับ มีธุระอะไรเหรอ”
จี้ชิงอิ่งตะลึงไปครู่หนึ่งขณะมองเขา “บังเอิญจังเลยค่ะ” เธอถาม “พวกคุณเลิกงานแล้วเหรอคะ”
หลินเฮ่าหรานพยักหน้า “ใช่ครับ” เขายิ้มถาม “แน่นอนว่าถ้าคุณจี้คนสวยมีเรื่องต้องการให้ช่วยล่ะก็ ผมไม่เลิกงานก็ได้ครับ”
ได้ยินดังนั้นจี้ชิงอิ่งก็แย้มยิ้ม “มีธุระจริงๆ ค่ะ ฉันมาหาหมอฟู่” เธอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เขาเลิกงานหรือยังคะ”
หลินเฮ่าหราน “…”
เขาเห็นมีดแทงเข้ามาที่ทรวงอกของตัวเองรางๆ
ทว่ามองคนสวยตรงหน้าหลินเฮ่าหรานก็พูดปฏิเสธไม่ออก
“ยังครับ เขาน่าจะยังอยู่ที่แผนก” เขาพูดพลางหยิบโทรศัพท์ออกมา “หรือไม่ผมโทรหาเขาให้ไหมครับ”
“จะรบกวนเขาไหมคะ”
“ไม่ครับ” หลินเฮ่าหรานกล่าวอย่างใจเย็น “รับสายได้ก็แสดงว่าไม่ยุ่งหรอกครับ ถ้าไม่รับก็กำลังผ่าตัดอยู่ คุณก็อย่ารออยู่ที่นี่เลย การผ่าตัดของพวกเขาไม่แน่นอน เวลาสั้นๆ ก็สองสามชั่วโมง เวลานานๆ ก็สิบถึงยี่สิบชั่วโมงครับ”
จี้ชิงอิ่งพยักหน้า ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “นานขนาดนี้เชียว”
“ช่วยไม่ได้ครับ เขาเป็นศัลยแพทย์หัวใจ”
หลินเฮ่าหรานโทรออกไปสายหนึ่ง แต่ไม่มีคนรับ
เขาวางโทรศัพท์ลงแล้วมองมาทางจี้ชิงอิ่ง ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หรือไม่ครั้งหน้าตอนที่เขาไม่ได้ผ่าตัดผมค่อยส่งข้อความหาคุณดีไหมครับ”
“ไม่ต้องค่ะๆ ขอบคุณมากนะคะ” จี้ชิงอิ่งรีบปฏิเสธ
หลินเฮ่าหรานก็ไม่ได้ฝืนใจเช่นกัน
ทั้งสองคนคุยกันสองประโยค จี้ชิงอิ่งครุ่นคิด “งั้นพวกเขาไม่กินข้าวเหรอคะ”
หลินเฮ่าหรานชะงัก ก่อนจะยิ้มพลางกล่าวว่า “หมอเป็นแบบนี้กันทั้งนั้นครับ ยุ่งขึ้นมาอาหารสามมื้อก็ไม่แน่นอน ถึงเวลาพอผ่าตัดเสร็จแล้วจะมีคนสั่งอาหารส่งไปให้ครับ”
“อ่า…” จี้ชิงอิ่งเงียบไปสองสามวินาทีก่อนมองเขา “งั้นฉันส่งให้ได้ไหมคะ”
หลินเฮ่าหราน “…”
เยี่ยม
หัวใจของเขาแหลกสลายอย่างสมบูรณ์ รวมเข้าด้วยกันไม่ได้แล้ว
“ได้ครับ” เขากัดฟัน “ให้ผมพาคุณไปดูที่แผนกของเขาไหม”
จี้ชิงอิ่งใจเต้นเล็กน้อย หลังแน่ใจว่าจะไม่รบกวนการทำงานของใครๆ เธอก็ตามหลินเฮ่าหรานไป
หลินเฮ่าหรานเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่ง สไตล์การพูดคุยน่าสนใจ ไม่ทำให้คนกระอักกระอ่วน ถึงแม้จะรู้ว่าจี้ชิงอิ่งมาหาฟู่เหยียนจื้อก็ไม่ได้แสดงความไม่ชอบใจออกมา
ตอนที่ทั้งสองคนเข้าไปด้านนอกยังมีผู้ป่วยและคนในครอบครัวอยู่จำนวนไม่น้อย
หลินเฮ่าหรานคุ้นเคยกับพยาบาลและหมอในแผนกของฟู่เหยียนจื้อ ตลอดทางที่เดินผ่านมีหลายคนทักทายเขา
มาถึงจุดที่ไม่ไกลจากแผนก หลินเฮ่าหรานก็แนะนำเธอ “นั่นคือสถานที่ที่หมอฟู่ทำงานในทุกๆ วันครับ แต่เวลาส่วนใหญ่พวกเขาจะอยู่ในห้องผ่าตัด” เขากล่าวต่อ “ผมจะเข้าไปถามสักหน่อย ดูว่าวันนี้หมอฟู่จะเสร็จกี่โมง”
ผ่านไปไม่นานเขาก็กลับมา
“คาดว่ายังต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง” เขามองจี้ชิงอิ่งพลางพูด “คุณอย่ารอเลยครับ”
จี้ชิงอิ่งพยักหน้า “ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
หลินเฮ่าหรานมือหนึ่งล้วงกระเป๋า ยิ้มบางๆ แล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนผมจะไม่มีหวังอีกแล้ว”
“…”
เขามองสีหน้ากระอักกระอ่วนบนใบหน้าของเธอจึงกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ล้อเล่นครับ อย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”
“ค่ะ” เธอยิ้ม มองอีกฝ่ายและกล่าวว่า “ขอบคุณหมอหลินนะคะ”
หลินเฮ่าหรานโบกมือ เอ่ยอย่างใจกว้างยิ่ง “ไม่มีปัญหาครับ ต้องการอะไรก็ให้ผมช่วยนะ”
หลินเฮ่าหรานไม่ได้รั้งอยู่นาน แนะนำจี้ชิงอิ่งอย่างง่ายๆ ครู่หนึ่งแล้วจากไปก่อน
จี้ชิงอิ่งเดินวนรอบโรงพยาบาลหนึ่งรอบ ตอนนี้ถึงได้จากไป แสงอาทิตย์อัสดงทำให้เงาของเธอทอดยาว เหลือรอยประทับไว้จางๆ