ฟู่เหยียนจื้อเป็นคนรูปร่างผอม อย่างน้อยภายนอกก็ดูผอม แต่จี้ชิงอิ่งรู้ว่าเขามีกล้ามเนื้อ น่าจะออกกำลังกายจนมีรูปร่างไม่เลว
ดีไซเนอร์ทุกคนมีดวงตาคู่หนึ่งที่สามารถมองทะลุผ่านเสื้อผ้าไปเห็นถึงเรือนร่างได้ เธอก็เช่นเดียวกัน
อีกทั้งที่ชนกันเมื่อครู่นี้กล้ามเนื้อส่วนขาของชายหนุ่มแน่นล่ำ แค่มองก็รู้ว่าออกกำลังกายมา
ขาของทั้งสองคนแนบติดอยู่ด้วยกัน จี้ชิงอิ่งสามารถรับรู้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเขาได้ผ่านเสื้อผ้าที่ขวางกั้น
ร่างกายของเธอแข็งค้างไปชั่วขณะ ใบหูขึ้นสีแดงเลือดฝาดโดยธรรมชาติ
เธอเลียริมฝีปาก หลุบเปลือกตาลง และหยิบน้ำที่วางอยู่ด้านข้างมาจิบหนึ่งอึก
เนื่องจากชนเข้าโดยบังเอิญจี้ชิงอิ่งจึงไม่ได้ตั้งใจจะขยับออกไป
เธอไม่คุ้นเคย แต่ก็ดูเหมือนจะโอเคอยู่ สายตาของเธอล่อกแล่ก รู้สึกใจฝ่อเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
การเคลื่อนไหวเล็กๆ ของคนข้างๆ ฟู่เหยียนจื้อไม่ใช่ไม่สังเกตเห็น เขาชำเลืองตามองไป สิ่งที่เข้ามาในสายตาคือใบหน้าด้านข้างที่งดงามของเธอ
จี้ชิงอิ่งมีสัดส่วนเครื่องหน้าที่ดี ทั้งตัวคนดูงดงามและอ่อนโยน ดวงตาไม่เล็กไม่ใหญ่ ตอนที่หลุบตาลงขนตาก็งอนงามดึงดูดใจ
มีคนผลักประตูเข้ามา พาสายลมยามค่ำคืนด้านนอกผ่านเข้ามาด้วย กลิ่นหอมบนกายของคนข้างๆ พลันโชยเข้ามาในจมูกของเขา
ฟู่เหยียนจื้อถอนสายตากลับ นั่งนิ่งไม่ขยับ
ไม่นานเถ้าแก่ก็นำโจ๊กที่ทั้งสองต้องการมาเสิร์ฟ
ฟู่เหยียนจื้อลุกขึ้นไปหยิบถ้วยกับตะเกียบมา ตอนที่นั่งลงอีกครั้งเขาก็เว้นระยะห่างจากจี้ชิงอิ่งเล็กน้อย
จี้ชิงอิ่งไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก เธอค่อนข้างหิวแล้ว
ตอนเย็นเธอก็ไม่ได้กินข้าว เดิมทีวางแผนว่าจะดูบ้านแล้วค่อยไปกิน ผลลัพธ์คือเฉินซินอวี่หนีไปก่อนแล้ว หลังจากนั้นเธอคนเดียวก็ไม่ได้มีความอยากอาหารอะไร
หนุ่มสาวสองคนที่ฝั่งตรงข้ามไม่รู้ว่าออกไปตั้งแต่เมื่อไร รอจนจี้ชิงอิ่งกินเสร็จฟู่เหยียนจื้อก็นั่งดูโทรศัพท์อยู่ข้างๆ แล้ว
แสงไฟในร้านส่องลงบนใบหน้าของเขา ขับให้ใบหน้าของเขาอ่อนโยนลงสองสามส่วน
“เสร็จแล้วเหรอครับ”
จี้ชิงอิ่งพยักหน้า “อืม คุณยังต้องกลับไปที่โรงพยาบาลอีกใช่ไหมคะ”
ฟู่เหยียนจื้อตอบรับหนึ่งเสียง หลังจากจ่ายเงินแล้วก็เดินออกไป
พวกเขาเดินกันอย่างช้าๆ เมื่อใกล้จะถึงทางเข้าของโรงพยาบาลจู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “ขอโทษนะครับ”
จี้ชิงอิ่งชะงักงัน
ฟู่เหยียนจื้ออธิบายต่ออีกหนึ่งประโยค “คนที่โทรมาก่อนหน้านี้เป็นเพื่อนร่วมงานของผม”
จี้ชิงอิ่งพยักหน้า “เดาได้แล้วค่ะ” เธอยิ้ม “ฉันไม่ได้ถือสาเรื่องนี้”
ฟู่เหยียนจื้อพยักหน้า “ผมจะให้เขาโอนเงินให้คุณ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจี้ชิงอิ่งแข็งค้าง จู่ๆ ก็พูดไม่ออก
เธอไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าคำพูดนี้ของเขาหมายความว่าอย่างไร
“ไม่ต้องค่ะ” เธอหายใจเข้าออกลึกๆ และกล่าวเสียงเบาว่า “เมื่อกี้คุณก็เลี้ยงคืนแล้ว”
ฟู่เหยียนจื้อส่งเสียง “อืม” ไปหนึ่งคำแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “ผมกลับไปก่อนนะครับ”
จี้ชิงอิ่งเม้มริมฝีปาก มองภาพด้านหลังของเขาและกล่าวว่า “หมอฟู่ ฉันขอถามคุณหนึ่งคำถามค่ะ”
ฟู่เหยียนจื้อหยุดฝีเท้ามองเธอ
“คุณไม่มีแฟนและไม่มีคนที่ชอบใช่ไหมคะ”
ฟู่เหยียนจื้อหยุดไปชั่วขณะ กำลังคิดจะตอบเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เขารับสายพลางเดินไปทางถนน
“ฮัลโหล”
ไม่รู้ว่าทางด้านนั้นพูดอะไร จี้ชิงอิ่งได้ยินเพียงเขาพูดไปประโยคหนึ่งด้วยความเร็วสูง “ฉันจะไปถึงเดี๋ยวนี้”
วางสายโทรศัพท์แล้วฟู่เหยียนจื้อก็มองเธอ “ขอโทษครับ”
พูดจบเขาก็ไม่ให้โอกาสในการพูดใดๆ กับจี้ชิงอิ่งและหายไปจากขอบเขตสายตาของเธออย่างรวดเร็ว