ตอนที่เฉินซินอวี่กลับมาถึงบ้าน ไฟในบ้านเปิดอยู่ บรรยากาศเงียบสงัด
เมื่อเธอก้มหน้าลงมองก็พบว่าบนพื้นมีภาพสเก็ตช์ที่ถูกขยำเป็นก้อนอยู่เต็มไปหมด
เธอเหลือบมองประตูห้องพักแขกและยื่นมือไปเคาะ
“หลับหรือยัง”
“ยัง” จี้ชิงอิ่งตอบไปหนึ่งคำแล้วเอ่ยต่อ “เดี๋ยวออกไป”
เฉินซินอวี่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ก้มตัวลงหยิบภาพสเก็ตช์บนพื้นขึ้นมาดู มีภาพออกแบบชุด และยังมีภาพคน
เธอดูอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลื่อมใสในฝีมือการวาดภาพของจี้ชิงอิ่ง
นี่เป็นภาพของฟู่เหยียนจื้อที่ดูดีมากจริงๆ
“ทำไมเธอกลับดึกขนาดนี้ล่ะ”
เฉินซินอวี่ชำเลืองตามองเพื่อนและถอนหายใจ “เจ้านายอันเป็นที่รักอยากให้ฉันกลับดึก ฉันก็ได้แต่กลับดึกแล้ว!”
จี้ชิงอิ่ง “…”
“เธอเป็นอะไร” เฉินซินอวี่ชูภาพสเก็ตช์ในมือขึ้น “เจออุปสรรคทางด้านฟู่เหยียนจื้อมาเหรอ”
จี้ชิงอิ่งดึงกระดาษแผ่นนั้นมามองแวบหนึ่ง “วาดได้น่าเกลียดจริงๆ”
เฉินซินอวี่หัวเราะพรวด ตบไหล่ของเพื่อนและกล่าวว่า “จริงๆ แล้วก็ไม่ได้น่าเกลียดนะ แถมยังหล่อมากอีกต่างหาก” เธอยิ้มถาม “เล่าให้ฉันฟังไหม”
จนถึงตอนนี้จี้ชิงอิ่งก็มีเฉินซินอวี่เป็นที่ปรึกษาเพียงคนเดียว เธอจึงเล่าออกไปเสียหมดเปลือกเป็นธรรมดา
หลังจากฟังจบเฉินซินอวี่ก็ตบไหล่ของเธอและเอ่ยด้วยความจริงใจเต็มเปี่ยม “หนทางอีกยาวไกล ถึงแม้ความหมายในการปฏิเสธของฟู่เหยียนจื้อจะชัดเจน แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมไปกินข้าวกับเธอนะ มีโอกาสน่า”
จี้ชิงอิ่งรู้ดี เธอเพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เธอหยิ่งทะนงมาโดยตลอด เป็นครั้งแรกที่ถูกปฏิเสธแบบนี้จึงรับไม่ไหว ทว่าพอมาคิดอีกทีก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
ผู้ชายอย่างฟู่เหยียนจื้อถ้าจีบติดได้ง่ายๆ ไหนเลยตอนนี้ยังจะโสดอยู่ล่ะ
คิดได้แบบนี้เธอก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในชั่วพริบตา
เฉินซินอวี่มองสีหน้าของจี้ชิงอิ่งก็รู้ว่าเพื่อนคิดตกแล้ว เธอล้มตัวลงบนโซฟาแล้วนวดคลึงดวงตา “บ้านล่ะ จองที่นั่นไหม”
“อืม ที่นั่นสภาพแวดล้อมไม่เลว ไปไหนก็สะดวก”
“โอเค”
ทั้งสองคนคุยเรื่องงานกันอยู่พักหนึ่ง จี้ชิงอิ่งก็กลับห้องไปวาดภาพ ส่วนเฉินซินอวี่ก็พักผ่อน
รอเมื่อจี้ชิงอิ่งวาดภาพเสร็จแล้วกำลังจะพักผ่อน เธอก็บังเอิญเห็นข้อความที่หลินเฮ่าหรานส่งมา
หลินเฮ่าหราน : คุณจี้คนสวยกลับบ้านหรือยังครับ
จี้ชิงอิ่ง : กลับมาแล้วค่ะ ขอบคุณหมอหลินนะคะ
หลินเฮ่าหราน : เกรงใจแล้วครับ
จี้ชิงอิ่งไม่คิดเยอะ ส่งสติ๊กเกอร์ไปให้เขาแล้วปิดโทรศัพท์เข้านอน
อีกด้านหนึ่ง
ผู้ป่วยคนหนึ่งที่ฟู่เหยียนจื้อผ่าตัดให้เมื่อไม่กี่วันก่อนจู่ๆ ก็มีไข้ขึ้นมากะทันหัน รอหลังจากที่เขารีบกลับไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจและรักษาอาการเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
ภายในโรงพยาบาลเงียบสงัดลงแล้วเช่นกัน
นอกจากเสียงไอของผู้ป่วยและเสียงพูดคุยเบาๆ ของคนในครอบครัว คนส่วนใหญ่ก็เข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันกันหมดแล้ว
ทำงานวนไปทั้งวัน บนหน้าของฟู่เหยียนจื้อก็มีความอ่อนเพลียอยู่บ้าง
เมื่อกลับมาถึงแผนกสวีเฉิงหลี่ชำเลืองตามองเขา “ไม่เป็นไรแล้ว?”
“อืม”
ฟู่เหยียนจื้อไม่ได้ดื่มน้ำมานานมากแล้ว คอจึงแห้งเล็กน้อย
เขาดื่มน้ำไปอึกหนึ่งให้ชุ่มคอแล้วถึงกล่าวว่า “นายยังไม่พักอีกเหรอ”
สวีเฉิงหลี่ยิ้ม “นี่ไม่ใช่กำลังรอนายอยู่เหรอ” เขากล่าวอย่างราบเรียบ “นายพักก่อนสองชั่วโมง ทางนั้นเดี๋ยวฉันดูก็พอ”
ฟู่เหยียนจื้อไม่ปฏิเสธ
เขาก้มตัวลงเปิดลิ้นชักแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
สวีเฉิงหลี่เหลือบมองอย่างไม่ได้ตั้งใจแล้วก็พูดหยอกล้อว่า “ดึกๆ ดื่นๆ นายส่งข้อความอะไรให้เฮ่าหรานน่ะ นายสองคนไม่ได้เป็นแบบนั้นอย่างที่ทุกคนพูดจริงๆ ใช่ไหม”
ฟู่เหยียนจื้อส่งข้อความเสร็จก็เหลือบมองสวีเฉิงหลี่อย่างตักเตือน
“จริงสิ” ฟู่เหยียนจื้อกดเปิดคิวอาร์โค้ดรับเงินของวีแชต “เงินค่าข้าว”
สวีเฉิงหลี่มองเขา “?”
เสียงของฟู่เหยียนจื้อกลับมาเป็นปกติขณะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “อาหารเย็นฝากเพื่อนซื้อให้”
สวีเฉิงหลี่ “…”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 28 ม.ค. 68