บทที่ 6
ราวกับสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางด้านนี้ คนที่หันหลังให้พวกเขาจึงหันมา
สาวน้อยคนนั้นชูโทรศัพท์ขึ้น ขณะที่มองอยู่ดวงตายังเบิกกว้างอีกด้วย
ฟู่เหยียนจื้อขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ทันใดนั้นเยี่ยเจินเจินก็เดินมาทางนี้แล้ว
“พี่ๆๆ…” เธอเดินมาถึงหน้าประตู ชี้มาที่ทั้งสองคนและพูดติดอ่างขึ้นมา
ฟู่เหยียนจื้อมองเธออย่างเย็นชา “ไปกันเถอะ”
“ไม่” เยี่ยเจินเจินไม่สนใจเขา เธอก้มหน้ามองแวบหนึ่งแล้วถามว่า “ฉันเข้าไปได้ไหมคะ”
จี้ชิงอิ่งงุนงงเล็กน้อยเช่นกัน เธอพยักหน้า “แน่นอนค่ะ”
เมื่อสิ้นเสียงเยี่ยเจินเจินก็วิ่งแน่บไปตรงหน้าของจี้ชิงอิ่งโดยไม่มีความลังเลใดๆ สีหน้าแปลกใจระคนดีใจ “พี่ใช่จี้ชิงอิ่งหรือเปล่าคะ”
จี้ชิงอิ่งชะงัก มองสาวน้อยตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ “อืม”
“ว้าว!!” เยี่ยเจินเจินตื่นเต้นดีใจ “พี่ เป็นเธอไง!”
ฟู่เหยียนจื้อมองน้องสาวด้วยแววตาเย็นชา
เยี่ยเจินเจินคิดว่าเขาไม่เข้าใจจึงเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ก็คนนั้นที่ฉันเคยบอกพี่ก่อนหน้านี้ไง ดีไซเนอร์ที่ฉันชอบก็คือเธอ!”
“…”
เยี่ยเจินเจินเรียนการออกแบบ ตอนนี้เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สอง
เธอเป็นผู้หญิงที่นิสัยค่อนข้างร่าเริงแจ่มใสคนหนึ่ง มักจะเก็บเรื่องต่างๆ ไว้ไม่อยู่ เรื่องในชีวิตประจำวันและการเรียนล้วนชอบแชร์อย่างกะหนุงกะหนิงกับคนในครอบครัว
บางครั้งมีไอดอลคนใหม่หรืออะไรทำนองนั้นก็จะบอกกับคนในครอบครัวด้วยเช่นกัน
ฟู่เหยียนจื้อเคยได้ยินเธอพูดถึงไอดอลมากกว่าหนึ่งครั้ง
หลังจากขึ้นมหาวิทยาลัยได้ไม่นานเธอก็บอกกับทุกคนในครอบครัวอย่างจริงจังว่าเธอมีไอดอลคนใหม่แล้ว เป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่เรียนจบไปแล้ว
สรุปก็คือหนึ่งปีกว่ามานี้เยี่ยเจินเจินโอ้อวดไอดอลคนใหม่ของเธอไปไม่น้อย
บางครั้งขณะที่รู้สึกเบื่อๆ ยามดูแฟชั่นโชว์เธอก็สามารถพูดถึงจี้ชิงอิ่งขึ้นมาได้
อะไรทำนองว่า ‘ถ้าไม่ใช่เพราะไอดอลของฉันไม่เข้าร่วมการแข่งขันประเภทนี้นะ พวกเขาไม่มีทางได้มาอวดดีแบบนี้หรอก’
‘การออกแบบใหม่ๆ พวกนี้น่าเกลียดเกินไปแล้ว ยังสู้ผลงานสมัยเรียนมหา’ลัยของไอดอลฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ’
…
ผ่านไปนานวันเข้า ทั้งบ้านก็รู้ว่าเยี่ยเจินเจินมีดีไซเนอร์ที่ชื่นชอบแต่ไม่เคยพบเจอคนหนึ่ง
ฟู่เหยียนจื้อก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน
จี้ชิงอิ่งมองสีหน้าท่าทางตื่นเต้นของสาวน้อยตรงหน้าและตอบสนองกลับไปอย่างรวดเร็ว
เธอถามเขา “รูปออกแบบชุดครั้งก่อนเป็นของเธอเหรอคะ”
ฟู่เหยียนจื้อพยักหน้า
ได้ยินดังนั้นมุมปากของจี้ชิงอิ่งก็ยกขึ้น
เยี่ยเจินเจินมองพวกเขาสองคน สมองขบคิดไม่ได้ไปชั่วขณะ
เธออ้าปากถามด้วยความตกใจว่า “พี่ พวกพี่รู้จักกันเหรอ”
จี้ชิงอิ่งไม่ได้พูดอะไร
ฟู่เหยียนจื้อส่งเสียง “อืม” ออกมาหนึ่งคำ
คำพูดเพิ่งหยุดลง เยี่ยเจินเจินก็เบิกตากว้างแล้วหันไปตะโกนใส่ฟู่เหยียนจื้อ
“พี่เกินไปแล้วนะ!” เธอพูดอย่างโมโห “พี่รู้จักไอดอลของฉันแต่ไม่บอกฉันเนี่ยนะ!”
ฟู่เหยียนจื้อ “…”
เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของเยี่ยเจินเจินก็ขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นสองสามส่วน “พูดแบบนั้นได้ยังไงน่ะ”
เยี่ยเจินเจินถูกพี่ชายมองก็หวาดกลัวขึ้นมาในพริบตา เธอบ่นพึมพำ “ฉันแค่ตื่นเต้นนิดหน่อยอะ”
ฟู่เหยียนจื้อไม่สนใจคำพูดของเธอ เขาหลุบตามองไปยังจี้ชิงอิ่งก่อนเอ่ยเสียงเบาว่า “ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” จี้ชิงอิ่งอมยิ้ม “น้องสาวคุณน่ารักมาก”
ฟู่เหยียนจื้อไม่ได้ตอบคำเธอ เขากล่าวเสียงเรียบ “อืม ไม่มีอะไรแล้วผมกลับก่อนนะครับ”
จี้ชิงอิ่งก็ไม่ได้ฝืนใจเช่นกัน
“ค่ะ”
เยี่ยเจินเจินลังเลที่จะพูดออกมา เธอมองไอดอลของตัวเองอยู่นาน อยากจะพูดอะไรสักหน่อย ทว่าเมื่อฟู่เหยียนจื้อมองมาเธอก็รู้สึกท้อแท้อีกครั้ง
เธอเดินตามฟู่เหยียนจื้อไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยความโกรธเคือง ทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน
รอเมื่อประตูบ้านของเพื่อนบ้านปิดลง จี้ชิงอิ่งก็มองทางเดินที่เงียบสงบ ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา