อาจเป็นเพราะประตูเพิ่งเปิดตอนสิบโมง เวลานี้ด้านในคนจึงไม่มากนัก
จี้ชิงอิ่งเข็นรถเข็นคันเล็กตามอยู่ข้างหลังฟู่เหยียนจื้ออย่างสงบเยือกเย็น
เมื่อขึ้นไปบนชั้นสอง สิ่งที่เห็นก็คือการออกแบบบ้านที่อบอุ่น
เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงประสบการณ์ ห้องครัว ห้องนอน และห้องอื่นๆ ล้วนตกแต่งเหมือนบ้านอย่างไรอย่างนั้น จัดวางอยู่ตรงหน้าของทุกคนอย่างแท้จริง
เมื่อคืนนี้จี้ชิงอิ่งลิสต์รายการออกมาแล้ว การเลือกของจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนเดินชมกันอย่างช้าๆ บางครั้งบางคราวก็จะมีคนจับจ้องมาที่พวกเขา
จี้ชิงอิ่งไม่ต้องพูดถึง วันนี้เธอยังคงสวมใส่กี่เพ้าที่ดึงดูดสายตาเหมือนเคย สไตล์ลูกไม้สีขาว เรียบหรูและโดดเด่น แม้แต่แขนเสื้อก็เป็นแขนเสื้อยาวทรงโคมไฟจีน
ทว่าคอเสื้อต่ำมาก เผยคอหงส์ที่เรียวยาวขาวผุดผ่องออกมา ถัดลงไปอีกเป็นดีไซน์แบบผ่าข้างขึ้นมาถึงบริเวณน่อง ทั้งหมดทั้งมวลดูแล้วมีความรู้สึก ‘อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกมา’ ทำให้ผู้คนเพลิดเพลินจนไม่อาจละสายตา
ส่วนฟู่เหยียนจื้อที่อยู่ข้างๆ เป็นสีดำไปทั้งตัว
ทั้งสองคนราวกับนัดกันแมตช์ชุดขาวดำ เหมาะสมกันจนทำให้ผู้คนตกตะลึง
ตอนที่ผู้หญิงคนที่ N หันหน้ากลับมามองฟู่เหยียนจื้อ จี้ชิงอิ่งก็ทนไม่ไหวแล้ว
“หมอฟู่”
ฟู่เหยียนจื้อช้อนตาขึ้นมองเธอ
จี้ชิงอิ่งกล่าวชม “การแมตช์ชุดของคุณวันนี้ไม่เลวเลยนะคะ”
ฟู่เหยียนจื้อเลิกคิ้ว รอประโยคต่อไปของเธอ
จี้ชิงอิ่งก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง พูดตามตรงว่า “สาวน้อยสองคนเมื่อกี้หันกลับมามองคุณสามรอบแล้ว”
“ใช่เหรอครับ” ฟู่เหยียนจื้อเดินไปข้างหน้าอย่างสงบเยือกเย็นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “แล้วคุณล่ะ”
จี้ชิงอิ่ง “…”
เธอสำลัก คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าเขาจะถามแบบนี้
ริมฝีปากของเธอขยับ มองเขาอย่างงงงัน ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา
“ฉันมองตั้งหลายครั้ง จำไม่ได้แล้วค่ะ” มุมปากของเธออมยิ้ม ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันมองคุณอยู่”
ความหมายในคำพูดก็คือ…คุณไม่มองฉันแล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันมองคุณอยู่
“…”
ฟู่เหยียนจื้อไม่มีความรู้สึกลำบากใจที่ถูกเธอเปิดโปงเลยแม้แต่น้อย เขาเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ผมค่อนข้างความรู้สึกไว”
จี้ชิงอิ่ง “…”
ทั้งสองคนเดินไปข้างหน้าต่อ
ตอนที่เดินผ่านห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งจู่ๆ จี้ชิงอิ่งก็หยุดฝีเท้าลง
ฟู่เหยียนจื้อมองตามสายตาของเธอไปก็เห็นเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งกำลังถ่ายรูปอยู่กับคุณแม่ที่ด้านใน
ห้องเป็นแบบที่เด็กผู้หญิงชื่นชอบ มีโซฟาหนึ่งตัวและโต๊ะกลางตัวเล็ก ตรงกลางของผนังด้านตรงข้ามเป็นโทรทัศน์ ทั้งสองข้างเป็นตู้สีขาวสองใบ
มองถัดเข้าไปข้างในเป็นผ้าม่านลูกไม้สีขาวห้อยอยู่สองด้าน บนผ้าม่านแขวนไฟดวงเล็กๆ ดูสาวน้อยมาก
ทว่านี่ไม่ใช่สไตล์ที่จี้ชิงอิ่งจะชอบ
ฟู่เหยียนจื้อถอนสายตากลับมาและหลุบตามองเธอ
สีหน้าของเธอราบเรียบมาก สายตาล่อกแล่กเล็กน้อย
ฟู่เหยียนจื้อตะลึงไปสองสามวินาที ไม่ได้ส่งเสียงออกมา
ผ่านไปประมาณหนึ่งนาทีจี้ชิงอิ่งพลันได้สติกลับมา “ทำไมการออกแบบของตลาดของตกแต่งบ้านนี้ถึงไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะ”
“จะว่ายังไงดีล่ะ…”
ฟู่เหยียนจื้อยากที่จะตอบ
จี้ชิงอิ่งร้อง “อ่า” ไปหนึ่งคำ ดึงตัวเองออกมาจากอารมณ์เมื่อครู่นี้ “การจัดวางตกแต่งของห้องเมื่อกี้น่ะค่ะ ฉันเคยเห็นที่เมืองเจียงเฉิงเมื่อนานมาแล้ว ไม่เปลี่ยนไปเลย”
ฟู่เหยียนจื้อส่งเสียง “อืม” ออกมาหนึ่งคำ “ไม่เลวครับ”
จี้ชิงอิ่ง “…”
เธอเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยว่า “ก็ธรรมดาค่ะ พวกเราไปซื้อโคมไฟกัน”
ฟู่เหยียนจื้อเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะส่งเสียงตอบ “ครับ”