ตาเขาหรี่เล็ก คิ้วดาบชี้ชัน นางเคยชื่นชมเลื่อมใสเนี่ยเฟิงอวิ๋นผู้นั้น ชื่นชมเลื่อมใสจนถึงขั้นพลีกายเพื่อเขาได้เชียวหรือ นางหญิงสมควรตาย! นางเริ่มคิดว่าตนเองเป็นเหยื่อสังเวยแล้ว! ถ้าวันนี้ผู้ที่นางชื่นชมเลื่อมใสเป็นคนอื่น เช่นนั้นนางใช่จะยอมพลีกายให้บุรุษอีกคนหรือไม่!
“ร่างกายเจ้าราคาถูกเพียงนี้เชียวหรือ ช่างน่าคลื่นไส้!” เขาพูดด้วยความโมโหสุดขีด
นางถูกผลักกะทันหันไม่ทันตั้งตัว ยังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ ก็ตกจากเตียงแล้ว
“โอ๊ย…” เสวียนจีร้องครางเบาๆ ความเจ็บส่งมาจากท้ายทอย หยีตามองเห็นเขาดูคล้ายอยากจะยื่นมือมาคว้าตัวนางไว้ นางมองผิดไปแล้วกระมัง
อารมณ์เขาเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้คนทั้งแค้นทั้งไม่รู้จะทำอย่างไร นางหลงใหลในความสามารถทางวรรณศิลป์ของเขา แรกเห็นเขาใช้รถเข็นเป็นเครื่องมือช่วยเดินไม่อาจไม่พูดว่ารู้สึกแปลกใจและ…ปวดใจยิ่งยวด แต่นั่นก็มิได้ทำให้ความชื่นชมเลื่อมใสต่อเขาลดน้อยลง ถึงแม้สองขาของเขาจะขยับไม่สะดวก แต่ยังคงอ่านเขียนได้เช่นเดิม มีความรู้อันเต็มเปี่ยมและยังมีความสามารถเฉพาะทาง เท่านี้ก็เพียงพอจะเป็นปัจจัยให้นางหลงใหลได้แล้ว กล่าวตามตรง ขาของเขาจะรักษาหายได้หรือไม่ก็ไม่ส่งผลต่อความประทับใจที่นางมีให้เขา แต่ถ้าเขาสามารถหายดีและกลับมาเป็นเนี่ยเฟิงอวิ๋นที่องอาจกระฉับกระเฉงผู้นั้นได้ เช่นนั้นนางยินดีจะลองดู
หน้าตาเขายังคงกรุ่นโกรธ ยันตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง “เจ้ายืนขึ้นมา” น้ำเสียงเขาอ่อนลงแล้ว คล้ายว่าไม่เข้ากับใบหน้าบูดบึ้งนั่น
นางไม่ได้คิดนาน จับเก้าอี้ประคองตัวลุกขึ้นอย่างโงนเงน
ตอนที่ตกลงมาเมื่อครู่ศีรษะถูกกระแทกจนวิงเวียนหัวหมุน เนื้อตัวทั้งร่างเจ็บปวดอย่างยิ่ง
เมฆดำเคลื่อนบดบังแสงจันทร์ ใบหน้าเขาตกอยู่ในเงามืด กล่าวตามตรง สายตานางมิได้ดีนัก นางหยีตา ยังคงมองเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัด
“เจ้ามานี่” เสียงของเขาดังขึ้นท่ามกลางความมืด ฟังดูทุ้มต่ำแต่มิมีโทสะ
เขาไม่อารมณ์เสียขึ้นมาปุบปับแล้วหรือ
นางเดินกะเผลกน้อยๆ ไปถึงริมเตียง พลันรู้สึกว่ามือคู่หนึ่งยื่นมาแตะประคองบั้นเอวนาง
“บาดเจ็บหรือไม่”
“ข้าสบายดี…”
“ไม่แทนตัวเองว่าบ่าวแล้ว?” ใบหน้าเขาคล้ายเงยขึ้นมา ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับอย่างลึกลับ “เจ้ามิใช่สาวใช้ที่มีอุปนิสัยเป็นข้าทาส ถ้าข้าสั่งให้เจ้าถอดเสื้อผ้าออกเล่า”
นางขมวดคิ้ว ย้อนถามเสียงเย็นใสดุจสายน้ำ “แล้วท่านจะให้คนรักษาขาของท่านหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้ากำลังยื่นเงื่อนไขหรือ เพื่อสองขาของข้า? การที่ข้าเดินเหินได้มีประโยชน์ใดต่อเจ้า เจ้าคิดว่าข้าร่วมอภิรมย์กับเจ้าแล้วก็จำเป็นต้องให้สถานะแก่เจ้าหรือไร”
“ข้าไม่เคยคิดจะแต่งให้ท่าน”
“โกหก” ตัวนางอยู่ระหว่างขาทั้งสองของเขา แทบจะสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มบอบบางของนาง เสน่ห์แห่งความเป็นหญิงกำจายออกมาเต็มที่ กลิ่นของนางเหมือนตาข่ายมารครอบคลุมฆานประสาทของเขาเอาไว้
“เป็นความจริง” นางตอบอย่างหนักแน่น
“เจ้าคิดว่าผ่านคืนนี้ไปแล้วจะมีบุรุษดีๆ คนใดยอมแต่งเจ้าหรือ” อย่างมากที่สุดก็จับคู่ให้นางกับบ่าวสักคนในคฤหาสน์สกุลเนี่ย มิใช่พ่อม่ายก็บ่าวที่มีข้อบกพร่องสักคน อายุนางไม่น้อย ใกล้จะเลือกสามีไม่ได้แล้ว ถ้ามาเสียตัวในยามนี้ ทั้งยังไม่มีภูมิหลังร่ำรวยมีเกียรติใดๆ บุรุษที่นางแต่งให้ได้ก็จะเหลือเพียงนับนิ้วได้