14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน สาวใช้ประพันธ์รัก
ประตูถูกผลักเปิดดังเอี๊ยดอ๊าด เป็นหยวนเจาเซิงเข้าห้องมาปรนนิบัติเขาตามปกติที่แล้วมา
เขาหรี่นัยน์ตาดำลงพลางตวาดว่า “ออกไป!” ก่อนจะดึงตัวนางให้ล้มเข้าอ้อมแขนอย่างกะทันหันพร้อมเสียงร้องอุทานของนาง…ตัวนางยังเปลือย…สมควรตาย นี่เขาถึงกับเริ่มแยแสแล้วว่าร่างกายนางจะถูกคนมองเห็นหรือไม่!
“นายน้อยสาม?”
“ใส่เสื้อผ้าให้ดีๆ!” เขารอนางเคลื่อนไหวจัดการอย่างเชื่องช้าจนเสร็จด้วยความมีน้ำอดน้ำทนอย่างไม่เคยมีมาก่อน จากนั้นจึงค่อยปล่อยตัวนางออก “ไปเรียกเจาเซิงเข้ามา เจ้าอุ้มข้าไม่ไหว…และวันนี้อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก! ออกไป!”
สีหน้าท่าทีของนางคล้ายว่าผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรให้มากความ
เขาเม้มปาก รอยเลือดบนที่นอนยืนยันว่านางเป็นสาวพรหมจารี นางที่ตื่นเต็มตาแล้วมิได้มีปฏิกิริยาเช่นที่เขาคาดไว้…เขาคือบุรุษที่ชิงความบริสุทธิ์ของนางไปนะ ซ้ำยังเป็นบุรุษที่สองขาพิการแล้วด้วย!
หยวนเจาเซิงถือเสื้อผ้าสะอาดมาให้อย่างเงียบๆ เดิมเขาก็มีนิสัยไม่พูดมาก ถึงจะมองเห็นรอยเลือดแห้งกรังบนที่นอนก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“นายน้อย…” เขาเอ่ยปากขึ้นขณะปรนนิบัติเนี่ยเฟิงอวิ๋นตอนเช้าอย่างหาได้ยาก “เมื่อคืนนายน้อยหกเข้าเมืองมาแล้วขอรับ”
รถม้าวิ่งตะบึงฝ่าสายฝนไปบนทางมุ่งสู่ร้านหนังสือเฟิงอวิ๋น
เนี่ยหยวนเฉี่ยวเลิกมุมม่านหน้าต่างขึ้น พูดยิ้มๆ “อุตส่าห์ได้ออกจากคฤหาสน์สักเที่ยว ฟ้าก็ส่งฝนห่าใหญ่มาแกล้งข้า นี่จะเกินไปหน่อยแล้วกระมัง! แต่ไม่ต้องกลัวๆ คนงามน้อย อีกเดี๋ยวเจ้าทำธุระเสร็จก็ทำตามแผนการที่วางไว้ ไปเดินเที่ยวบนถนนเป็นเพื่อนข้า เจ้าว่าดีหรือไม่” เขาขยับเข้าใกล้เสวียนจีอย่างสนิทสนมอบอุ่น กะพริบดวงตางามทั้งสองน้อยๆ
ตอนเช้าเสวียนจีเดินออกมาจากสวนซั่งกู่ได้บังเอิญเจอหยวนซีเซิง หลังรู้ว่านางถูกเนรเทศออกมาหนึ่งวัน ด้วยถือคติว่าใช้ของต้องใช้ให้คุ้มค่า สาวใช้ที่ซื้อมาไม่มีเหตุผลให้พักแม้แต่วันเดียว จึงพานางมาขึ้นรถม้า สั่งให้ไปร้านหนังสือเฟิงอวิ๋นเพื่อเอาตัวอย่างหนังสือเรื่องคันฉ่องส่องบาปเล่มที่ได้ข่าวว่าจะจัดจำหน่ายอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะขึ้นรถม้าได้ นายน้อยสิบสองก็กระโดดขึ้นตามมาด้วย
“คุณหนูสกุลจางมาอีกแล้ว ทำอย่างไรได้ ซีเซิง ข้าเห็นแล้วไม่ถูกใจ แต่พี่สี่กลับดูเหมือนชอบนางยิ่ง ถ้าข้าไม่หนี หรือจะให้อยู่ที่นี่ให้นางมายุ่มย่ามด้วย”
คุณหนูสกุลจางนั่นน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ เคยเห็นในคฤหาสน์ไม่กี่ครั้ง แต่รู้สึกว่าเป็นคุณหนูที่ดูไม่เลว ดูมีลักษณะของธิดาตระกูลใหญ่อย่างยิ่งมิใช่หรือไร พูดเช่นนี้ก็แสดงว่า…หยวนซีเซิงมองเสวียนจีที่นิ่งเงียบอยู่แวบหนึ่ง เช้าวันนี้นางก็ไม่ค่อยอยากออกนอกคฤหาสน์สกุลเนี่ย ซ้ำยังถามด้วยว่า ‘วันนี้คุณหนูจางมาหรือ’ หลังได้รับคำตอบยืนยันถึงได้ตามออกประตูมา
“คุณหนูสกุลจางน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ” เขาพึมพำพูดความข้องใจของตนออกมา
“มิใช่ว่าน่ากลัว เพียงแต่ชวนให้คนเห็นแล้วรู้สึกอึดอัด” เนี่ยหยวนเฉี่ยวล้วงพัดออกมาพัดตามสายลมเย็น “เชื่อข้าเถอะ ซีเซิง ตั้งแต่เล็กจนโตสายตาข้าเคยมองพลาดด้วยหรือ” ถ้าให้เขาพูด บุคลิกของเสวียนจีดูเป็นคนจิตใจดีและยังลึกลับอยู่สักหน่อย นางไม่เป็นภัย แต่ภูมิหลังที่นางบอกน่าจะเป็นเรื่องแต่ง ทว่าไม่ต้องให้เขาพูด พี่สามกับพี่สี่ก็น่าจะมองออกนานแล้วเช่นกัน
รถม้าหยุดลง เขากระโดดลงตรงๆ ด้วยความดีใจ เพิ่งจะเปียกฝนได้นิดเดียวก็เห็นลูกจ้างหนุ่มของร้านหนังสือถือร่มกระดาษวิ่งออกมาแล้ว
“นายน้อยสิบสอง หาได้ยากที่จะเห็นท่านมาเยือน!” เขาเปล่งเสียงร้อง
“โฮ่ ข้าเพิ่งเคยมาหนเดียว เจ้ายังอุตส่าห์จำข้าได้!” เนี่ยหยวนเฉี่ยวพูดยิ้มๆ พลางรับร่มกระดาษมาบังไว้เหนือศีรษะเสวียนจี
“นายน้อยสิบสองรูปโฉมโดดเด่น จะลืมก็ยากนักขอรับ รวมกับว่าลูกจ้างอย่างข้านั้นแม้แต่คนที่เคยเห็นเมื่อแปดร้อยปีก่อนก็ยังไม่มีทางลืม…เอ๊ะ แม่นางท่านนี้…”
คุ้นตายิ่งนัก ขอข้าคิดหน่อยว่าเคยเห็นที่ไหน…
เสวียนจีลงรถม้า ช้อนตายิ้มอ่อนหวานพลางกล่าว “ข้าเป็นสาวใช้ในคฤหาสน์สกุลเนี่ย ท่านคงจะไม่เคยเห็น”
“ไม่จริงๆ ข้าเคยเห็น…ท่านเคยมาซื้อหนังสือ? ใช่แล้วๆ ข้านึกออกแล้ว! สามปีก่อนท่านเคยมาซื้อหนังสือ ใช่หรือไม่” ที่เขาจำได้เป็นเพราะว่าวันที่นางมาตรงกับวันที่เกิดเรื่องกับเถ้าแก่เนี่ยพอดี อยากลืมก็ลืมไม่ลง จำได้ว่าเถ้าแก่ยังช่วยไล่พวกหัวงูสองคนแทนนางด้วย
เรื่องเมื่อสามปีก่อนเขาก็ยังจำได้หรือนี่
รอยยิ้มของนางยังไม่เปลี่ยน แต่แววตากลับลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบว่า “ข้าจำไม่ได้แล้ว”
“เฮอะ เจ้าสะสมความจำไว้กินแทนข้าวหรือไร” เนี่ยหยวนเฉี่ยวโบกๆ มือคล้ายไล่อีกฝ่ายให้หยุดพูด “ซีเซิง เจ้าไปหยิบหนังสืออะไรนั่น ส่วนเสวียนจีก็ให้อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้าแก้เบื่อ รีบไปรีบกลับ…เจ้าทำหน้าเช่นนี้หมายความว่าอะไร รีบไปรีบกลับ มิเช่นนั้นอีกเดี๋ยวถ้าข้าหนีไป เจ้าหาคนไม่เจอจะกลับไปชี้แจงไม่ได้เอา”
“นายน้อยสิบสอง…” หยวนซีเซิงถอนหายใจ แบกใบหน้าคับแค้นใจเกินเหตุเดินเข้าไปเอาหนังสือในร้าน
“เจ้านี่เพิ่งจะอายุยี่สิบหก แต่เหมือนเป็นตาแก่อายุหกสิบสองอย่างไรอย่างนั้น น่ารำคาญสุดๆ ไปเลย” เนี่ยหยวนเฉี่ยวแค่นเสียง ปรายตามองเสวียนจี วันนี้นางดูสงบเสงี่ยมเกินไปหน่อยแล้ว “เสวียนจี พี่สามรังแกเจ้าใช่หรือไม่”
“ไม่ นายน้อยสามดีกับข้ายิ่งเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ คนอย่างเขาน่ะนะ ดุเป็นสิงโต บางครั้งแม้แต่ข้าก็ยังกลัวเขา”
เขาดุ แต่ภายใต้อารมณ์อันเลวร้ายมีหัวใจที่ไวต่อความรู้สึกอยู่ดวงหนึ่ง เพราะว่าสองขาเดินไม่ได้ ดังนั้นความมั่นใจในตนเองที่มีแต่เดิมจึงได้กลายเป็นหนามทิ่มแทงเขาทั้งตัว แต่เขาไม่รู้เชียวหรือว่าต่อให้เขาตาบอด หูหนวก ขาพิการ ความรู้ความสามารถของเขาก็ยังคงอยู่ มีอะไรน่าให้กลัวถึงเพียงนั้นกัน
“เมื่อก่อนพี่ใหญ่เคยจะหมั้นหมายสตรีนางหนึ่งให้เขา”
“หา?!” นางหลุดปากอุทาน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองเนี่ยหยวนเฉี่ยว