รออยู่ครู่ใหญ่ยังไม่รู้สึกเจ็บเช่นที่คาดไว้ เนี่ยหยวนเฉี่ยวก็ลืมตา หันตัวกลับมาก็มองเห็นเงาหลังซอมซ่อที่สูงใหญ่กำยำเงาหนึ่งบังอยู่ด้านหน้าเขา รับท่อนไม้นั้นเอาไว้
“เจ้า…” ชายฉกรรจ์ผู้นั้นออกแรงดึงหลายครั้งยังดึงท่อนไม้กลับไปไม่ได้ก็ถลึงมองเสวียนจีตาแทบถลน ถ่มน้ำลายออกมาอย่างแรงแล้วค่อยอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่ทางการยังมาไม่ถึงหลบหนีเข้ากลางฝูงชน
“เกือบไปแล้ว!” เนี่ยหยวนเฉี่ยวตบหน้าอกเบาๆ ก่อนจะจับมือเสวียนจีขึ้นมา “เจ้าถูกทำให้ตกใจแล้วใช่หรือไม่ ไม่ต้องกลัวๆ เดี๋ยวกลับถึงคฤหาสน์ข้าจะให้ห้องครัวตุ๋นน้ำแกงไก่ แล้วจะแอบส่งไปให้เจ้า เจ้าว่าดีหรือไม่” เขาตบฝุ่นบนตัวพร้อมกับยิ้มตาหยี
เสวียนจีใช่แค่ถูกทำให้ตกใจเสียที่ไหน หัวใจนางยังเต้นระรัวไม่หยุดเลย ในที่สุดก็ถูกจับได้แล้ว! แต่ไฉนเขาถึงได้มีสภาพทุลักทุเลเช่นนี้ เขามิใช่ควรอยู่กับท่านแม่ห้าหรือไร ต้องไปแล้ว นางต้องไปแล้วจริงๆ แต่นางจะหนีไปที่ใดได้เล่า
“ดูเจ้าตกใจสิ ไม่ต้องขอบคุณข้า แค่จำไว้ว่าคราวหน้าเวลาข้าไม่อ่านหนังสือแล้วถูกพี่สามจับตัวไว้ เจ้าต้องช่วยพูดขอร้องแทนข้า ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณ เข้าใจหรือไม่”
“เจ้ายังคงไม่ชอบอ่านหนังสืออยู่หรือ เจ้าเด็กแสบ”
“เอ๊ะ?!” เนี่ยหยวนเฉี่ยวตกใจ มองไปตามเสียง เมื่อครู่เอาแต่ห่วงจะดูว่าเสวียนจีได้รับบาดเจ็บหรือไม่ จึงไม่ได้ค้นพบว่าผู้มีพระคุณช่วยชีวิตผู้นี้…ดูคุ้นตายิ่งนัก!
ใบหน้าหยาบกร้านมีแววยิ้มแย้ม สวมชุดปะชุน หิ้วห่อผ้าเรียบง่ายไว้ด้านหลัง “ท่านคือ…” คุ้นตาๆ คุ้นตาเกินไปแล้ว หน้าเขาดูแปลกหน้า แต่รอยยิ้มเป็นรอยยิ้มของพี่น้องสกุลเนี่ย…
ชุดปะชุน ซอมซ่อ…
“อ๊า…ท่านคือพี่หก!” เนี่ยหยวนเฉี่ยวหลุดปากร้องออกมา
เป็นท่านหกแห่งสกุลเนี่ยหรือ!
เสวียนจีสองตาสว่างวาบ ลืมอันตรายของตนเองไปชั่วคราว นางคิดไม่ถึงว่าท่านหกสกุลเนี่ยจะกลับมาเร็วเพียงนี้ เช่นนั้นก็แสดงว่าสองขาของเนี่ยเฟิงอวิ๋นใกล้จะได้รักษาหายแล้วกระมัง
“ถ้ามิใช่จำหยกประดับของมี่หยางได้ ข้าก็มองไม่ออกจริงๆ ว่าเจ้าคือหยวนเฉี่ยว” สายตาเฉียบคมของท่านหกสกุลเนี่ยมองหยกประดับตรงหน้าอกเนี่ยหยวนเฉี่ยว นั่นเป็นหยกประดับคู่กายเนี่ยมี่หยางมาตั้งแต่เล็ก ทว่าเขากลับยกให้หยวนเฉี่ยวใส่ เห็นได้ชัดว่ามี่หยางผู้นั้นรักหยวนเฉี่ยวเข้ากระดูกถึงขั้นไร้สติเพียงใด
“พี่หก ข้าไม่ได้พบท่านนานเท่าไรแล้ว สามปีได้แล้วกระมัง”
“ใช่ จนเจ้าโตจนแต่งภรรยาได้แล้ว” ท่านหกสกุลเนี่ยพินิจมองเสวียนจีปราดหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนประเด็นพูด ประกายเฉียบคมซ่อนอยู่ก้นดวงตา “นางคือใคร มีค่าขนาดให้เจ้าเอาชีวิตเข้าปกป้องเช่นนี้เชียวหรือ”
“นางคือสาวใช้ประจำตัวพี่สาม ชื่อเสวียนจี” เนี่ยหยวนเฉี่ยวยิ้มแย้มแจ่มใส “นางทำงานให้คฤหาสน์สกุลเนี่ย ไม่ว่าด้วยเหตุผลหรือน้ำใจข้าก็สมควรปกป้องนาง”
“อ้อ สาวใช้หรือ” ไม่เหมือนๆ บนตัวนางมีกลิ่นกระดาษน้ำหมึก ดุจเดียวกับเขาที่มีกลิ่นสมุนไพรติดตัวตลอดปี
แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกได้แล้วว่านางไม่เหมือนสาวใช้ธรรมดาทั่วไป บวกกับที่เมื่อครู่เขาได้ยิน…
นางน่าจะชื่อจางไหวอัน มิใช่เสวียนจี…
“นายน้อยหกจะกลับคฤหาสน์แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” เสวียนจีถามอย่างกระตือรือร้น
การที่เขากลับมาควรค่าให้นางดีใจเพียงนี้เชียวหรือ ท่านหกสกุลเนี่ยส่ายหน้าอย่างสุขุม ตอบโดยปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้า
“ไม่ ข้าไม่กลับคฤหาสน์สกุลเนี่ย”
(ติดตามต่อในเล่ม)