แต่ยังไม่ทันจะได้เล่า เสียงฮือฮาวี้ดว้ายของกลุ่มพนักงานทั้งสาวแรกสาวสองโต๊ะเยื้องๆ กันก็ดังลั่นห้องอาหารจนสามสาวอดไม่ได้ที่จะเหลียวไปมอง เห็นกำลังยื้อแย่งโทรศัพท์กันใหญ่ นลินีได้แต่หันกลับมากลอกตามองบนด้วยท่าทางระอา
“ไม่เปิดตัวผู้ใหม่ก็ต้องจับโป๊ะใครได้สักคนแหละน่ะกลุ่มนั้น” นลินีกล่าวถึงเหตุการณ์ที่มักพบเจอได้บ่อยๆ ตามประสากลุ่มสาวแท้สาวเทียมเมื่อได้รวมทีมกัน
“ช่างเถอะ รีบกินรีบไปสิ จะได้ไม่ต้องไปทนฟัง” ทยาดาบอกผ่าน ตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารที่ปลีกตัวไปสั่งมาอย่างรวดเร็ว
พนักงานกลุ่มนั้นเป็นพนักงานบัญชีที่ทยาดาต้องติดต่อด้วยบ่อยๆ พอจะรู้นิสัยใจคอว่าไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอสักเท่าไหร่ เลยไม่อยากจะวุ่นวายด้วยมากนักถ้าไม่จำเป็น เพราะคนกลุ่มนี้แหละที่เธอสงสัยที่สุดว่าต้นตอของข่าวลือน่าจะถูกปล่อยมาจากคนเหล่านี้ เพียงแค่ไม่มีหลักฐาน
“โอ๊ย กรี๊ดอะไรกันนักหนา หนวกหูจะแย่” นิสราบ่น ทยาดาจึงเร่งให้เพื่อนๆ ทานข้าวให้เร็วขึ้นอีก
“เออ ฉันลืมบอกแกไปว่าพรุ่งนี้ไอ้สพลมันมาด้วย ระวังเนื้อระวังตัวหน่อยนะทอย” นลินีที่เพิ่งนึกขึ้นได้รีบบอกเพื่อนสาวทันที
ทยาดารับคำ ไม่ต้องบอกเธอก็ระวังตัวจากคนนั้นจนแทบจะหาเกราะกำบังมาหุ้มไว้อยู่แล้ว คนบ้าอะไรที่แค่อยู่ใกล้ๆ ยังไม่อยากใช้ลมหายใจร่วมกัน ผู้ชายอะไรขี้ตื๊อสิ้นดี หนำซ้ำยังหน้าหนาหน้าทนจนกระเบื้องต้องยอมแพ้ ยังไม่นับความปลูกไร่สะตออีก นอกจากนั้นก็หาอะไรดีๆ จากคนที่ชื่อสพลไม่ได้เลย ยกเว้นหน้าตาที่เธอเองประเมินไว้แค่ว่าก็พอเข้าวัดได้แล้วหมาไม่หอน
“เรื่องข่าวลือไม่ทันซา รอบนี้ฉันว่ามันมาพร้อมข่าวใหม่แน่ เดาไม่ถูกว่าจะมาไม้ไหนของมันอีก สันดานแบบนั้นไปขายของจังหวัดไหนก็ได้เมียไปทั่ว ช่างใจกล้าหน้าด้านมาวุ่นวายกับแก”
“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง เว้นเสียแต่ว่าฉันจะตบหน้ามันนั่นแหละ มีโอกาสจะเอาให้หน้าสั่น” ทยาดาพูดอย่างไม่เป็นทางการ แต่แววตาก็พร้อมเอาจริงดังคำพูด “แต่ก็ไม่อยากตบ คนแบบนั้นไปยุ่งด้วยมันจะพูดพล่อยๆ ใส่ร้ายอะไรเราก็ได้ เสียเปรียบทุกทาง”
นิสราตบมือดังอย่างถูกใจ “เนี่ย ก็บอกแล้วว่าให้มีแฟนเป็นตัวเป็นตน”
“มีแล้วจะช่วยให้ฉันหายจากการโดนนินทาหรือไง” ทยาดาย้อนถาม “ถ้ามีไว้แค่นั้นไม่มีดีกว่า”
นิสรากับนลินีส่ายหน้าดิกที่ทยาดาทำตัวเป็นคนแอนตี้ความรักเสียเต็มประดา แต่ก็ไม่มีใครเคยรู้ว่าสาเหตุใด ทำไมทยาดาจึงคลับคล้ายคลับคลาจะเป็นโรคเกลียดความรักเข้าไปทุกที
“เจ๊ขา ขอหนูนั่งเบียดหน่อย”
จริตอ้อนแอ้นในร่างผู้ชายตัวผอมบาง ส่วนสูงไม่หนีกันกับสามสาวเท่าใดนัก ปรี่เข้ามานั่งข้างนลินีอย่างไม่ได้รับเชิญ ตามมาด้วยเหล่าเพื่อนสาวที่มายืนมุงด้วยข้างหลัง เมื่อแม่ทัพเปิดมาแล้วก็ไม่แปลกที่จะมีลูกทัพตามกันมาเป็นโขยง
“เข้าเรื่องแล้วกันนะคะเจ๊ขา” นลินีตวัดหางตามองคนเรียกที่ใช้สรรพนามแทนตัวหล่อนว่าเจ๊ราวกับหล่อนอายุหลักสี่หลักห้าไปแล้วด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยตัดรำคาญ
“มีอะไรกันอีก นี่ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดโวยวายจนฉันจะส่งใบตักเตือนอยู่พอดี”