“ฉันก็จริงจังค่ะ แล้วก็คิดว่าคุณควรเลิกพูดเรื่องนี้เสียที ฉันไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องอะไรพรรค์นี้เท่าไหร่นัก” ทยาดาถอนหายใจ เบือนหน้าหนีอย่างลืมตัวว่าคนตรงหน้าอยู่ในฐานะเจ้านาย ไม่ใช่ไอ้โรคจิตในวันนั้นแล้ว ส่วนคำตอบที่เธอพูดออกไปก็แค่แสร้งไม่ให้เขารู้ว่าอันที่จริงเธอน่ะเชื่อหมดหัวใจ แต่จะออกอาการกลัวขนหัวลุกต่อหน้าคนอื่นไม่ได้เป็นอันขาด นั่นไม่ใช่ทยาดาอย่างที่ควรจะเป็นต่อหน้าสาธารณชน
“ผมเพิ่งจับมือคุณเมื่อก่อนหน้านี้” เขาเอ่ยขึ้นลอยๆ ถึงตอนที่ถือวิสาสะจับมือทักทายเธอ
“ค่ะ จะพยายามคิดว่าไม่ได้ตั้งใจอีกเหมือนคราวที่แล้ว”
แต่กวินกลับส่ายหน้าและยอมรับ “ผมตั้งใจ และผมก็เห็น”
ทยาดาอยากจะถอนหายใจให้ดังถึงนอกห้องประชุม ถ้าไม่ติดว่าครั้งนี้สถานะของเขากลายมาเป็นเจ้านายเธอแล้วล่ะก็นะ
“ฉันกลัวผี เลยไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น เป็นอันเข้าใจนะคะ” หญิงสาวจนใจจึงยอมรับเพื่อตัดบทให้สิ้นเรื่อง ก็คนมีความหลังฝังใจ ใครจะไปอยากทนฟัง
ตอนเด็กๆ ทยาดาร้องไห้บ่อย เพราะพ่อกับแม่ชอบทะเลาะกันแล้วหนีหายออกจากบ้านไปนานๆ ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวกับพี่เลี้ยง กว่าจะกลับก็มืดค่ำ บางวันเกือบเช้า
แล้วพี่เลี้ยงตัวดีนี่แหละที่ชอบพูดกรอกหูว่าถ้าเกิดยังร้องไห้อยู่อย่างนี้ผีจะมากินตับ วันดีคืนดีเธอร้องไห้จนหลับ ตื่นมาก็ร้องอีก ยายพี่เลี้ยงเลยแต่งผีมาหลอกซะจนได้
เหมือนจะตลก แต่ก็ทำให้เธอฝังใจมาตลอดว่าไม่เคยมีใครปลอบประโลมเธอเลยสักครั้ง รังแต่จะใช้วิธีหลอกล่อให้เธอกลัวเพียงอย่างเดียว และเวลาที่กลัวมันก็ไม่มีใครอยู่ข้างเธออยู่ดี
“ผมไม่ได้พูดให้คุณกลัว แต่ให้คุณรับรู้” กวินบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิม เพราะจับสังเกตได้ว่าที่เธอพูด แม้จะดูไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมแต่แววตาหวั่นลึกๆ นั่นคือเรื่องจริง
“คุณลองเดินไปพูดกับใครก็ได้สิว่านี่ๆ มีผีตามหลังมา ระวังนะ ใครมันจะยิ้มดีอกดีใจที่มีผีตาม ไม่ด่าว่าคุณบ้าก็ต้องเก็บไปคิดไปกลัวนั่นแหละคุณ เหมือนคนโดนทักว่ามีผีเด็กตาม ชาติที่แล้วเคยไปทำแท้งมาล่ะสิท่า ประมาณนั้นแหละค่ะ” ทยาดาร่ายยาว
“ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นคนขี้กลัว แต่เชื่อผม ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรเขาไม่ตามคุณแน่” กวินบอกน้ำเสียงหนักแน่น แต่นั่นไม่ได้ทำให้ทยาดารู้สึกเชื่อมั่นในความหนักแน่นของเขามากขึ้นเลย
“ฉันว่าฉันเพิ่งพูดไปหยกๆ เองนะคะว่าเพราะอะไรที่ไม่อยากรู้”
กวินทำท่านึกขึ้นได้ เขาได้แต่หัวเราะแก้เขินที่อุตส่าห์พูดจาเสียสวยหรู แต่สาวเจ้าก็ยังไม่คล้อยตามอยู่ดี
“ผมไม่ได้เป็นคนวิเศษอะไร แต่ที่ผมมองเห็นพวกเขาได้นั่นหมายความว่าเขากำลังมาเตือนคนที่เขาตามติดว่ากำลังมีอันตราย หรือไม่ก็คนที่เขาติดตามอยู่ไปทำอะไรไม่ดีเอาไว้”
ทยาดารู้สึกหวั่นๆ แต่ก็แกล้งทำเป็นใจดีสู้เสือฟังต่อ แต่ที่ต้องฟังต่อก็เพราะยังไปไหนไม่ได้นี่แหละ ต้องมาฟังเขาพูดในสิ่งที่ไม่เข้าท่าอย่างแรง และไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยตั้งแต่พูดมา
“ฉันอยู่ในจำพวกไหนคะ”
“เขามาให้เห็นแบบดีๆ แสดงว่าเขากำลังมาเตือนคุณ” กวินบอกตามความเป็นจริง
“เรื่องอะไร” เธอถาม เป็นการถามอย่างต้องการคำตอบจริงๆ ไม่ใช่การลองใจคนตรงหน้าแต่อย่างใด แต่กวินก็ทำให้ความตั้งใจฟังมาเกือบตลอดลดลงเป็นศูนย์ด้วยคำตอบกำปั้นทุบดิน ทุบแรงเสียด้วย
“ไม่รู้…”
ทยาดาถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมสั่นศีรษะเล็กน้อย “ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ใกล้จะเลิกงานแล้ว เกรงว่าจะเคลียร์งานของวันนี้ไม่เสร็จ”
บอกไปอย่างนั้นแต่จริงๆ เธอจัดการหมดแล้วเรียบร้อย แค่อยากไปให้พ้นจากตรงนี้เสียมากกว่า