With Love
ทดลองอ่าน หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ บทที่ 1
บทที่หนึ่ง
‘โต้วปั้น ’
กลุ่ม ‘สายเม้าท์มาแล้วจ้า’
‘หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ’
ผู้เขียน เจสสิก้า (เรื่องรัก)
เหมือนในหัวข้อกระทู้เลย จริงๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าเจ้าของกระทู้หลงตัวเองไปหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าคุณหมอกำลังแอบชอบเจ้าของกระทู้อยู่นิดๆ
เจ้าของกระทู้ขอเรียกคุณหมอว่า ฉ. แล้วกันนะ
ฉ. เป็นคนตัวสูงมาก เจ้าของกระทู้สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ดเซ็นต์ แต่เวลาจะมองหน้า ฉ. ก็ยังต้องเงยหน้าขึ้น ฉ. เป็นคนผอม ผิวขาว และดูเด็กกว่าอายุด้วย เขาดูเป็นพวกเด็กเรียนมากๆ แบบว่ามีออร่าของคนเก่ง ในความรู้สึกของเจ้าของกระทู้ ฉ. แอบมีมุมน่ารักๆ อยู่นะ ปกติแล้วคนเป็นหมอมักจะมีท่าทางนิ่งๆ ใช่ไหมล่ะ เจ้าของกระทู้เองก็คิดว่า ฉ. ก็น่าจะต้องเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่า ฉ. กลับเป็นกันเองมากๆ
ปกติแล้วเจ้าของกระทู้ก็จัดว่ารูปร่างหน้าตาดีอยู่นิดหน่อย ถ้ายิ่งแต่งตัวก็จะยิ่งดูดีขึ้นอีก แต่ตอนนี้เจ้าของกระทู้กำลังบาดเจ็บเลยโทรมมากๆ รู้ตัวเลยว่าช่วงที่อยู่โรงพยาบาลนี่ต้องไม่สวยแน่นอน ส่วน ฉ. ในมุมของเจ้าของกระทู้นะ เขาเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ดีมากๆ ยิ่งตอนสวมเสื้อกาวน์ด้วยเนี่ยยิ่งดีมากขึ้นไปอีก เจ้าของกระทู้น่ะใส่ใจกับการแต่งตัวของผู้ชายนะ อิๆ
เรื่องราวทั้งหมดนี้มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน ตอนนั้นเจ้าของกระทู้เกิดอุบัติเหตุรถล้มจนขาหัก…
ลู่จยากำลังกินขนมที่เฉิงอี้เหิงซื้อไว้ให้พลางใช้นิ้วสามนิ้วบังคับเม้าส์ เธอกำลังดูการแข่งรถเอฟวันพร้อมๆ กับอ่านกระทู้ในโต้วปั้น การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือดและกำลังเข้าสู่จุดพีค รถของสองนักแข่งที่มีโอกาสจะได้แชมป์ขับตีคู่กันมาจนเกือบจะชนกันแล้ว ทำให้ผู้ชมพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมา
นักแข่งทั้งสองคนกำลังขับเคี่ยวกัน หากมีใครคนใดพลาดพลั้งก็หมายความว่าจะต้องพ่ายแพ้ไปทันที ทว่าในเวลาสำคัญแบบนี้กลับมีรถแข่งอีกคันที่อยู่ด้านข้างๆ เกิดลื่นไถลมาชนเข้ากับหนึ่งในรถของนักแข่งที่ขับตีคู่กันมาในทีแรก ส่งผลให้รถอีกคันแซงไปได้ในเสี้ยววินาที เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง และแล้วการแข่งขันก็สิ้นสุดลงท่ามกลางเสียงกรีดร้องของแฟนๆ
ลู่จยาปิดหน้าต่างการแข่งขันรถลง เธอยืดตัวบิดขี้เกียจแล้วเปิดหน้ากระทู้ในกลุ่มโต้วปั้นขึ้นมาอีกครั้ง
กระทู้ ‘หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ’ ในกลุ่ม ‘สายเม้าท์มาแล้วจ้า’ มีคนมาแสดงความคิดเกินกว่าร้อยหน้า
‘ว้าว! บทรักสุดคลาสสิกเริ่มต้นแล้ว ฉันได้กลิ่นอะไรหวานๆ นะ เจ้าของกระทู้โรยน้ำตาลอีกหน่อยสิ’
‘ช่วงนี้เหมือนจะกำลังนิยมผู้ชายไทป์หมาป่าน้อยกับลูกหมาน้อยกัน แต่มีแค่ฉันคนเดียวหรือเปล่าที่ไม่รู้ว่าหมาป่าน้อยกับลูกหมาน้อยนั่นหมายถึงอะไรอ่ะ’
‘ทำไมเจ้าของกระทู้ขาหักแล้วยังเดินไปชนต้นดอกท้อได้อีกล่ะ! ฉันเนี่ย! ขายังดีอยู่แท้ๆ แต่กลับไม่มีปัญญาเดินไปชนอะไรเหมือนเจ้าของกระทู้สักอย่าง’
‘ฉ. อายุน้อยกว่าเจ้าของกระทู้กี่ปีน่ะ’
‘เจ้าของกระทู้ตอบกลับ : ถามว่า ฉ. อายุน้อยกว่าเจ้าของกระทู้กี่ปีเหรอ อืม…น่าจะสักสามสี่ปีมั้ง ฉ. ดูเด็กกว่าอายุมาก แล้วก็เจ้าของกระทู้บังเอิญแอบไปเห็นใบตรวจสุขภาพของ ฉ. มา ดูเหมือนเขาจะสูงร้อยแปดสิบหกจุดห้าเซ็นต์แน่ะ’
‘เขียนออกมาได้ขนาดนี้ เจ้าของกระทู้ต้องเป็นนักเขียนแน่ๆ’
‘คนสมัยนี้คิดเยอะจัง มีคนมาเขียนกระทู้อะไรสักอย่างก็หาว่าเขาเป็นนักเขียนซะหมด แล้วต่อให้เขาเป็นนักเขียนจริงก็เขียนให้อ่านกันฟรีๆ ป่ะ จะโวยวายอะไร’
เมื่อครึ่งเดือนก่อน ลู่จยา นักแข่งมอเตอร์ไซค์สาวเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มทำให้ขาหัก คุณหมอผู้รับผิดชอบเคสของเธอได้แจ้งว่าสภาพร่างกายของลู่จยาไม่เหมาะจะทำการผ่าตัด และพวกเขาก็ไม่ยินดีที่จะรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดจึงเสนอให้เธอตัดขาทิ้ง ในสถานการณ์เช่นนี้ เฉิงอี้เหิงที่เป็นหมอกระดูกจึงต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและรับแรงกดดันมหาศาลเพื่อทำการผ่าตัดกระดูกให้เธอ
ตอนนี้ลู่จยาวางขาข้างที่เข้าเฝือกไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ของเฉิงอี้เหิง เล่นอินเตอร์เน็ตด้วยท่าทางสุดประหลาด เฉิงอี้เหิงยกแก้วนมเข้ามาให้หญิงสาว พอเห็นท่าทางแบบนั้นเข้าก็หลุดปากทักออกไป
“คุณวางขาแบบนั้นไม่เมื่อยขาหรือไง เอ้า! ดื่มนมสักหน่อย แล้วก็อย่ากินขนมเยอะนักสิ คุณเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์นะ ต้องรักษาหุ่นด้วยไม่ใช่เหรอ”
ลู่จยาไม่ยอมละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซ้ำยังไม่ใส่ใจเฉิงอี้เหิงที่เดินเข้ามาด้วย ทำให้เขาไม่พอใจที่ถูกเมินจึงพยายามดึงความสนใจของเธอด้วยการเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามขึ้น
“คุณดูอะไรอยู่เหรอถึงได้ยิ้มมีความสุขขนาดนี้”
ลู่จยาตกใจจนเกือบจะตกจากเก้าอี้ เฉิงอี้เหิงจึงรีบเข้าไปพยุงเอาไว้ หญิงสาวหันขวับไปมองเฉิงอี้เหิงทันที เธอกลัวว่าความคิดในหัวของตัวเองจะหลุดลอดออกมาให้เขารู้ เพราะไม่คิดว่าเฉิงอี้เหิงจะเอาแก้วนมมาวางไว้ให้เธอตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แล้วเขายังยื่นหน้าเข้ามาหาอีกทำให้ลู่จยาร้อนรนอยากจะปิดหน้าจอ
ทว่าขาที่เข้าเฝือกยังวางพาดอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ จะเอาขาลงจากโต๊ะตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว และจะปิดหน้าจอก็ไม่ทันเหมือนกัน เธอจึงตัดสินใจพุ่งตัวเข้าไปพร้อมกางแขนออกเพื่อบังหน้าจอคอมพิวเตอร์ไว้ ด้วยความที่โต๊ะคอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้ใหญ่อะไรนัก พอมาเจอกับการออกท่าทางเกินกว่าเหตุของลู่จยาจึงทำให้แก้วนมล้มคว่ำ นมก็หกกระจายเต็มโต๊ะ และมีบางส่วนไหลลงมาเปรอะตัวของลู่จยา
“แม่เจ้า!” ทั้งสองคนอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
สิ่งแรกที่เฉิงอี้เหิงทำคือดึงกระดาษทิชชูออกมาช่วยเช็ดนมที่เลอะเสื้อผ้าของลู่จยา ส่วนเธอยังกอดจอคอมพิวเตอร์ไว้แน่น ราวกับแม่ไก่กำลังปกป้องลูกจากหมาป่าที่จะเข้ามาทำร้ายอย่างไรอย่างนั้น