เมื่อราวนด์วอร์ดเสร็จเขาก็ตรงกลับมายังห้องพัก เฉิงอี้เหิงนวดไหล่ที่เมื่อยขบไปด้วยเดินไปด้วยจนมาหยุดอยู่หน้าประตูห้อง แพทย์หนุ่มใช้กุญแจไขเปิดประตูห้อง เมื่อมองเข้าไปก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง มีเพียงไฟหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ยังกะพริบอยู่เท่านั้น
ลู่จยาไม่อยู่แล้ว
เฉิงอี้เหิงเริ่มลนลาน เขาออกวิ่งไปตามทางเดินพลางมองหาเธอไปตลอดทาง ทว่าก็ไม่พบวี่แววของลู่จยาแม้แต่น้อย ด้วยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนคนไข้คนอื่นแพทย์หนุ่มจึงได้แต่ส่งเสียงเรียกออกไปเบาๆ ‘คุณลู่…’
ไม่มีใครตอบรับ
เฉิงอี้เหิงวิ่งไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลเพื่อที่จะดูกล้องวงจรปิด แต่กลับได้รับแจ้งว่าการขอดูกล้องวงจรปิดนั้นต้องใช้เวลา เขาต้องรออีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะดูได้
เมื่อทำอะไรไม่ได้เฉิงอี้เหิงจึงต้องกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง พอสังเกตเห็นว่าไม้ค้ำที่ลู่จยาเอามาด้วยไม่อยู่แล้ว ตอนนั้นเองเขาถึงเบาใจลงได้บ้าง ถ้าไม้ค้ำไม่อยู่ก็แสดงว่าลู่จยาเป็นคนเดินออกไปเอง
เขาลองโทรหาลู่จยา
‘คุณลู่!’ เฉิงอี้เหิงเรียก
‘อืม’
‘คุณโอเคไหม พวกนักข่าวไม่ได้ตามคุณไปใช่ไหม’
‘โอเคอยู่’ ฟังจากเสียงแล้วเหมือนลู่จยาจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการพูด
เฉิงอี้เหิงกังวลว่าเธออาจจะตกบันไดตรงไหนสักแห่งในโรงพยาบาลแล้วลุกไม่ขึ้น เขาจึงถามออกไป ‘เสียงคุณดูไม่ค่อยดีเลย จะให้ผมไปรับคุณไหม’
‘คุณแน่ใจนะว่าจะมา’ ลู่จยาถามกลับ
เฉิงอี้เหิงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเธอถึงถามแบบนั้น แต่ยังตอบรับ ‘แน่ใจสิ’
‘งั้นก็ดี’ ลู่จยาพูด
แล้วเฉิงอี้เหิงก็ได้ยินเสียงไม้ค้ำกระแทกกับพื้นตามมาด้วยเสียงชักโครก
‘ฉันอยู่ในห้องน้ำหญิง ตอนนี้ขาเริ่มชาแล้ว คุณมารับฉันหน่อยสิ’
ขณะเฉิงอี้เหิงรีบไปที่ห้องน้ำหญิง ลู่จยาก็พิงตัวอยู่ตรงกำแพงใกล้ๆ กับประตูห้องน้ำ สีหน้าของเธอยังดูปกติอยู่ เฉิงอี้เหิงเดินเข้าไปช่วยพยุงลู่จยาไว้พร้อมรับไม้ค้ำของเธอมาถือ
แต่ลู่จยาเดินโขยกเขยกไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุด
เฉิงอี้เหิงหันไปมองเธอด้วยความฉงน ‘ทำไมล่ะ’
‘เท้าฉัน…’ ลู่จยาชี้ไปที่เท้าของตัวเอง ‘มันชาแล้ว ยิ่งเดินก็ยิ่งชา’
เฉิงอี้เหิงมองเธออย่างจนใจ เขาเปลี่ยนมือที่ถือไม้ค้ำแล้วค่อยๆ ย่อตัวลง ‘ขึ้นมาสิ ผมจะแบกคุณไปเอง’
ลู่จยาใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งถึงจะปีนขึ้นไปบนหลังของเฉิงอี้เหิงได้ เพราะเธอออกแรงที่ขาไม่ได้จึงต้องใช้แรงจากมือเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอกลัวว่าตัวเองจะออกแรงดึงไหล่ของเฉิงอี้เหิงมากเกินไปและจะพากันหงายหลังไปทั้งคู่ ภาพคนสองคนล้มหงายท้องคงน่าเกลียดน่าดู
ยังดีที่ไม่ว่าลู่จยาจะออกแรงมากแค่ไหนเฉิงอี้เหิงก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ได้
รอจนกระทั่งลู่จยาปีนขึ้นมาบนหลังเรียบร้อย เฉิงอี้เหิงถึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วออกเดิน