ลู่จยาพยายามดันตัวขึ้นจากเตียง เธอคิดจะตามไปถามนางพยาบาลให้รู้เรื่อง แต่นางพยาบาลคนนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เห็นเพียงคุณหมอหนุ่มสวมเสื้อกาวน์เดินเข้ามาในห้อง บนหน้าอกของเขามีป้ายตัวอักษรแบบซ่งถี่สีน้ำเงินติดอยู่ เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ‘แผนกกระดูก : เฉิงอี้เหิง’
คุณหมอเฉิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าลู่จยามีดวงตาแดงๆ คล้ายว่าเขาเพิ่งจะร้องไห้มา อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะอดนอนมาหลายวันแล้วด้วย ชายหนุ่มมีท่าทางไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก แต่ว่าออร่าของคนหล่อยังไงก็ปิดไม่มิด โดยเฉพาะความสูงของเขาที่ทำให้เธอต้องเงยหน้ามอง
สายตาของลู่จยาหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของคุณหมอหนุ่มและไม่ยอมย้ายสายตาไปไหน ดวงตาแดงๆ กับจมูกโด่งๆ นั่นทำให้เขาดูเหมือนตุ๊กตาหิมะในฤดูหนาว เธอรู้สึกว่าคนคนนี้ถึงแม้จะรูปหล่อ แต่ก็ยังให้ความรู้สึกว่าเป็นคนทึ่มๆ ด้วย
นี่คือความรู้สึกของลู่จยาหลังจากได้พบเฉิงอี้เหิงครั้งแรก
คุณหมอเฉิงอธิบายกับลู่จยาอย่างรวบรัดว่า ‘ถ้าตัดขา ต่อไปคุณจะไม่สามารถขี่มอเตอร์ไซค์ได้อีก’ อธิบายจบเขาก็พูดต่อ ‘มีตำรวจรออยู่ด้านนอกมาหลายวัน ตอนนี้คุณฟื้นแล้ว จะให้ผมเรียกเขาเข้ามาไหมครับ’
ลู่จยาคิดในใจ นี่ฉันหลับไปหลายวันเลยหรือนี่
ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรออกไปก็ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากทางด้านนอก ดูเหมือนว่าจะมีคนมากมายกำลังยืนออกันอยู่ด้านหน้าประตูห้องพักคนไข้ ลู่จยามองประตูห้องพักที่ถูกผลักเข้ามาอย่างแรงจนมันล้มตึง หลังจากเสียงนั้นดังขึ้น คนกลุ่มใหญ่ก็ไหลทะลักเข้ามาในห้องราวกับกำลังเบียดกันเข้ามาในขบวนรถไฟใต้ดิน
คนกลุ่มนี้ถือไมโครโฟนกับกล้องเดินเหยียบประตูห้องพักเข้ามาด้านใน คนสุดท้ายของกลุ่มคือตำรวจที่อยู่ในเครื่องแบบ บรรดานักข่าวยืนชิดติดกันโดยไม่สนใจเสียงร้องของตำรวจที่พยายามห้ามปรามพวกเขา แสงแฟลชส่องกระทบใบหน้าของลู่จยาไม่หยุด กล้องของนักข่าวเกือบจะแปะอยู่บนหน้าของเธอแล้วด้วยซ้ำ
‘ตำรวจมาที่นี่ทำไมกัน! คิดว่ามาเที่ยวสวนสัตว์หรือไง!!’ ลู่จยาตะโกนออกไป
ตำรวจซึ่งโดนเบียดไปมาจนมึนงงถึงคิดขึ้นได้ว่า ตนจะต้องห้ามปรามบรรดานักข่าวที่ต้องการทำข่าวอย่างบ้าคลั่ง ตำรวจหนุ่มผู้ไม่รู้จะทำอย่างไรดีได้แต่กอดเอวของนักข่าวที่เข้าไปประชิดตัวลู่จยาไว้แล้วใช้แรงดึงออกมา นักข่าวที่ถูกตำรวจกอดตัวไว้ก็ไม่ยอมแพ้ เขายกไมโครโฟนขึ้นสูงพร้อมกับตะโกนถาม
‘ลู่จยา! ในฐานะที่คุณเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ คุณเองก็น่าจะทราบถึงอันตรายในการแข่งรถกันเองแบบนั้น คุณมีอะไรอยากจะพูดเกี่ยวกับคุณฮว่าถิงที่เสียชีวิตในการแข่งครั้งนี้ไหมครับ’
สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ของลู่จยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในสมองมีแต่คำถามว่า ‘ฮว่าถิงตายจริงหรือเปล่า’ ความคิดนั้นแวบผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ลู่จยาผลักกล้องที่จ่ออยู่แทบจะติดใบหน้าของเธอออก
‘อย่างแรก! นั่นไม่ใช่การแข่งรถ พวกเราแค่นัดกันไปซ้อมเท่านั้น อย่างที่สอง! สำหรับเรื่องของฮว่าถิง ฉันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง คุณยังต้องการถามอะไรอีกไหม?!’
พวกนักข่าวยังคงคาดคั้นเธอไม่หยุด ด้านลู่จยาเองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้
‘แล้วคุณคิดว่าตัวเองจะต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของคุณฮว่าถิงไหมครับ ตอนนี้คุณสองคนถือเป็นผู้เข้าแข่งขันที่น่าจับตามองที่สุดในการแข่งมอเตอร์ไซค์หญิงทางเรียบชิงแชมป์เอเชียรอบชิงชนะเลิศ แต่คุณฮว่าถิงเสียชีวิตไปแล้ว แบบนี้ก็หมายความว่าคุณอาจจะได้ครองทั้งตำแหน่งแชมป์ ทั้งฉายา ‘ควีนออฟเดวิล’ ไปโดยปริยายเลย ถูกต้องไหมครับ’
‘ควีนออฟเดวิล’ คือฉายาของฮว่าถิง
ฮว่าถิงเป็นแชมป์ในการแข่งขันมอเตอร์ไซค์นานาชาติอยู่หลายครั้งตั้งแต่อายุยังน้อย ถือได้ว่าเป็นดาวดวงใหม่ในวงการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ที่กำลังเจิดจรัส เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะต้องมามีจุดจบเช่นนี้