ลู่จยากับฮว่าถิงเป็นนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ที่มีผลงานใกล้เคียงกัน ถือได้ว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้นับว่าเป็นช่วงขาขึ้นของลู่จยา ทั้งยังมีแนวโน้มจะแซงนำหน้าฮว่าถิงได้อีกด้วย ก่อนหน้านี้ลู่จยาและฮว่าถิงได้เข้าร่วมการแข่งเดียวกันอยู่หลายครั้ง ซึ่งจากสถิติการแพ้ชนะของทั้งสองคนนั้น ลู่จยาออกจะเหนือกว่าฮว่าถิงอยู่เล็กน้อย ทำให้การแข่งขันในทัวร์นาเมนต์นี้จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างมากว่า ลู่จยาจะสามารถเลื่อนอันดับทิ้งห่างจากฮว่าถิงได้หรือไม่ หรือจะเป็นฮว่าถิงที่สามารถรักษาอันดับเดิมของตัวเองไว้ได้ ถือได้ว่านี่คือการแข่งที่สำคัญมากสำหรับทั้งคู่
ทว่าในช่วงเวลาสำคัญขนาดนี้ เหตุใดทั้งคู่ยังนัดกันออกไปซ้อมตามลำพังอีก นั่นทำให้ผู้คนคิดกันไปต่างๆ นานา
ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะลู่จยาปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็นนั่นเอง จึงทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ขึ้น
ดังนั้นในการเผชิญหน้ากับนักข่าวที่กำลังพยายามสอบสวนเธออยู่นี้ ลู่จยาจึงได้แต่นั่งนิ่งไม่ตอบคำถามใดๆ อีก เธอมองไปที่ตำรวจเพียงคนเดียวซึ่งยืนอยู่ตรงนั้นแล้วถามออกไป ‘ฮว่าถิงตายแล้วจริงๆ เหรอ’
ชั่วขณะนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ตำรวจที่พยายามจะกอดขานักข่าวเพื่อหยุดไม่ให้นักข่าวถ่ายวิดีโอชะงักไปจนกระทั่งเห็นสายตาที่ทั้งเย็นชาและกดดันของลู่จยาจึงมีสติอีกครั้ง เขาพยักหน้ารับ
‘จริงครับ รถของคุณฮว่าถิงพุ่งชนกับรั้วกั้นทางด้วยความเร็วสูง ทำให้ทั้งคนและรถตกลงไปในหน้าผา หลังจากนั้นถึงมีคนขับรถผ่านมาพบว่าคุณหมดสติอยู่จึงโทรแจ้งกู้ภัยและตำรวจ พอพวกเราไปถึง คนจากกู้ภัยก็นำตัวคุณไปแล้ว เช้าวันต่อมาพวกเราถึงลงไปที่หน้าผาเพื่อค้นหาร่างของคุณฮว่าถิง ตอนที่พบเธอหายใจเบามากๆ เราจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที แต่อาการบาดเจ็บของเธอค่อนข้างสาหัส สุดท้ายจึงเสียชีวิตครับ’
ลู่จยายกมือขึ้นกุมศีรษะด้วยความมึนงง นาทีนี้เธอรู้สึกราวกับว่าในหัวตัวเองมีเสียงวิ้งๆ ดังขึ้น ข้อมูลมากมายกำลังไหลบ่าเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็วจนเธอไม่สามารถคิดอะไรได้ตามปกติ เธอไม่คิดเลยว่าฮว่าถิงจะตกเหวเสียชีวิต
ว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว ตอนที่เธอเกิดอุบัติเหตุ ฮว่าถิงซึ่งขี่รถตามหลังมาย่อมต้องเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ฮว่าถิงควรจะหลบหลีกอุบัติเหตุครั้งนี้ได้สิ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น…
ระหว่างที่เธอหมดสติไป มันเกิดอะไรขึ้นกับฮว่าถิงกันแน่
อันที่จริงเธอไม่ได้สนิทกับฮว่าถิงเท่าไหร่นัก ทว่าการต้องมาถูกตราหน้าว่าตนเป็นคนทำให้ฮว่าถิงเสียชีวิตเพราะการซ้อมแข่งในครั้งนี้นั้นเธอรับไม่ไหวจริงๆ และไม่ต้องการที่จะแบกรับไว้ด้วย
และทั้งหมดนั่นทำให้ลู่จยาตัดสินใจได้ในทันทีว่า เธอจะต้องหาความจริงของเบื้องหลังการเกิดอุบัติเหตุนี้ให้ได้
ในขณะที่ทุกอย่างกำลังสับสนวุ่นวายอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีหญิงชายวัยกลางคนพุ่งเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ทั้งคู่แหวกกลุ่มนักข่าวกับตำรวจเข้ามาโดยไม่สนใจอะไร และในตอนที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว ผู้หญิงคนนั้นก็ยกกระติกเก็บความร้อนขึ้นมาแล้วสาดสิ่งที่อยู่ข้างในไปที่ลู่จยา ส่วนผู้ชายกดตัวลู่จยาเอาไว้แน่น
นักข่าวเห็นฉากเด็ดก็ต่างพากันยกกล้องขึ้นถ่ายภาพอย่างเมามัน หากเป็นเมื่อก่อนลู่จยาคงจะถีบผู้ชายคนที่กดตัวเธอเอาไว้ไปแล้ว แต่ตอนนี้ขาของเธอไม่มีแรงจึงได้แต่นอนเป็นหมูบนเขียง
ลู่จยายังพยายามจะถีบขา ‘คนของโรงพยาบาลอยู่ไหนกันหมด! คนเยอะแยะขนาดนี้ทั้งนักข่าวทั้งตำรวจ นี่กะจะปล่อยให้ฉันตายวันนี้ที่นี่เลยหรือไง?!’
ดูเหมือนว่า รปภ. ของโรงพยาบาลจะได้ยินเสียงตะโกนของลู่จยาจึงรีบวิ่งเข้ามา คนหนึ่งเข้ามาช่วยดึงตัวชายวัยกลางคนที่กดตัวเธออยู่เอาไว้ออกไป ส่วนอีกสองคนพยายามคุมตัวหญิงวัยกลางคนที่กำลังระงับอารมณ์ไม่อยู่ แต่หญิงวัยกลางคนนั้นแรงเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่ง รปภ. สองคนก็ยังไม่สามารถหยุดหล่อนเอาไว้ได้ หญิงวัยกลางคนผู้นี้สาดน้ำซุปใส่ลู่จยาไม่พอยังเข้ามาตบตีเธออีก
ในตอนนี้เองที่ลู่จยาไม่อาจควบคุมอารมณ์ไว้ได้อีกต่อไป ครั้งนี้เธอไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ แต่กลับรับหมัดที่พุ่งเข้ามาเอาไว้และตั้งใจจะตอบโต้ด้วยการบิดข้อมือหญิงวัยกลางคน ทว่าหญิงวัยกลางคนกลับยกกระติกเก็บความร้อนขึ้นฟาดมาที่ศีรษะของลู่จยา เท่านั้นไม่พอ ชายวัยกลางคนที่ทีแรกถูก รปภ. คุมตัวไว้ออกแรงสะบัดตัวจนหลุดจากการจับกุมแล้วแทรกเข้ามากำหมัดขึ้นตั้งใจจะชกเธอ ลู่จยาจึงยกแขนขึ้นป้องกันตัวโดยอัตโนมัติ
จากนั้นภาพตรงหน้าของลู่จยาก็พร่ามัวไป เธอคิดว่าตัวเองคงจะต้องตายเสียแล้ว
แต่ในขณะที่ยังมึนงงอยู่นั่นเองก็มีคนสวมชุดกาวน์เดินเข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมๆ เขาอุ้มตัวเธอขึ้นแล้วพาเธอออกมาจากวงล้อมโดยการช่วยเหลือของ รปภ. และในเวลาเดียวกันนั้นลู่จยาก็คิดว่าตัวเองได้ยินสามีภรรยาแสนร้ายกาจคู่นั้นตะโกนออกมาว่า ‘เฉิงอี้เหิง เธอ…ไปช่วยมันทำไม?!’