เมื่อลู่จยาได้สติอีกครั้งในห้องพักผู้ป่วยก็ไม่มีใครแล้ว ผ่านไปสักพัก คุณหมอเฉิงคนเดิมก็ผลักประตูห้องเดินเข้ามา
ลู่จยาคลึงศีรษะที่ปวดอยู่ เมื่อเธอก้มหน้าลงจึงเห็นว่าตัวเองเปลี่ยนชุดคนไข้เรียบร้อยแล้ว ผมก็สระเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่ยังคงได้กลิ่นซุปไก่อยู่เล็กน้อย
‘คนที่ทำร้ายคุณคือพ่อแม่ของฮว่าถิง พอดีว่าวันนี้มีการนำศพฮว่าถิงออกจากโรงพยาบาลไปที่สถานที่ทำพิธีเผา เมื่อช่วงสายนี่เพิ่งจะจบพิธีบอกลา’
ลู่จยานวดขมับของตัวเอง เวลานี้ในหัวของเธอมีแต่ความว่างเปล่า แต่แล้วอยู่ๆ ก็คล้ายมีแสงสว่างวาบขึ้น เธอมองไปที่คุณหมอซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัยแล้วเอ่ยถามออกไป ‘คุณรู้จักชื่อฮว่าถิงได้ยังไง’
เฉิงอี้เหิงซึ่งยืนหันหลังกำลังจัดการกับอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่นั้นก็เกร็งตัวขึ้นมา
‘ผมต้องรู้สิ ก็อุบัติเหตุของพวกคุณมันเป็นข่าวใหญ่โตมาก จะว่าไปแล้วบังเอิญมากเลยนะครับ เพราะผมเองก็เคยดูการแข่งขันของพวกคุณด้วย’
ลู่จยาซึ่งนอนพิงอยู่กับหมอนรองหลังคิดทบทวนคำพูดของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็สับสนอลหม่าน ทำให้ไม่มีเวลาจะไล่เรียงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ฮว่าถิงเสียชีวิตแล้ว…
เสียชีวิตในอุบัติเหตุนั่น…
ตัดเรื่องสมองถูกกระทบกระเทือนกับเรื่องความทรงจำสูญหายออกไปได้เลย เพราะเธอมั่นใจว่าหลังจากชนเข้ากับสิ่งกีดขวางข้างทางแล้วหน้าผากไปกระแทกกับอะไรบางอย่างจนเลือดออกทำให้สายตาพร่ามัว เธอยังมีสติอยู่ราวๆ สิบกว่าวินาทีก่อนสลบไป
ลู่จยาจำได้ว่าในตอนนั้นรถฮว่าถิงที่อยู่ข้างหน้าลดความเร็วลงแล้ว ทั้งยังจำได้รางๆ อีกด้วยว่าฮว่าถิงลงจากรถเข้ามาดูอาการของเธอ…
แต่แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ความทรงจำที่เลือนรางซึ่งเธอเองก็ไม่อาจจะมั่นใจได้
ตำรวจแจ้งกับเธอว่ารถมอเตอร์ไซค์ของฮว่าถิงพุ่งชนรั้วกั้นทางตกลงไปในเหวทำให้ตัวรถพังยับและฮว่าถิงบาดเจ็บหนักจนเสียชีวิต แต่ลู่จยายังไม่อยากจะเชื่อ
หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุนั้น ฮว่าถิงนัดเธอออกไปประลองความเร็วกัน ลู่จยาไม่อยากไปเลยสักนิดเพราะวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันแข่งขันจริงแล้ว โดยทั่วไปแล้วในคืนก่อนการแข่งขันบรรดานักแข่งรถจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรมากมายนัก ส่วนใหญ่มักเลือกเก็บแรงเอาไว้เพื่อที่วันแข่งจะได้แสดงความสามารถกันอย่างเต็มที่ ทว่าฮว่าถิงกลับติดต่อเธอมา
ตอนที่ฮว่าถิงติดต่อมานั้น สิ่งแรกที่ลู่จยาคิดคือ ฮว่าถิงอาจจะตั้งใจใช้วิธีนี้เพื่อตัดกำลังของเธอ เพราะในการแข่งขัน พวกนักแข่งรถบางคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมากๆ มักจะไม่ค่อยใส่ใจกับการพักเท่าไหร่นัก อีกทั้งฮว่าถิงยังบอกว่าอยากจะประลองความเร็วกับเธอตามลำพังดูสักครั้ง ลู่จยาจึงได้แต่ยอมสละชีพตามสุภาพชนทำตามความต้องการของฮว่าถิง
คิดไม่ถึงว่าเธอจะได้สละชีพจริงๆ
ก่อนจะเริ่มการซ้อมแข่งในคืนนั้น ฮว่าถิงเคยพูดกับเธอทั้งอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจอยู่บ่อยๆ ว่าอาจจะถอนตัวจากวงการ คำพูดนั้นทำให้ลู่จยารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ในเมื่อฮว่าถิงกำลังอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพแล้ว ทำไมหล่อนถึงได้รีบร้อนจะถอนตัวกัน หรือเป็นเพราะทักษะในการแข่งรถของฮว่าถิงกำลังลดลงโดยไม่รู้ตัว หล่อนจึงอยากเก็บความทรงจำดีๆ ไว้ให้กับแฟนคลับ
ทว่าในเวลานั้นลู่จยาไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะในสมองของเธอมีแต่เรื่องการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง หากเธอชนะการแข่งขันในครั้งนี้ก็จะสามารถบินไปเจอกับหมิ่นลู่และออกเที่ยวห้าประเทศในยุโรปได้สักที แต่ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงยุโรปเลย เอาแค่ในเมือง อ. เธอก็ออกไปไหนไม่ได้แล้ว ไม่สิ อันที่จริงจะออกจากโรงพยาบาล ซ. ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
จู่ๆ ลู่จยาก็คิดขึ้นมาได้ว่าในคืนนั้นท่าทางของฮว่าถิงดูไม่ปกติเท่าไหร่นัก ดวงตาของฮว่าถิงซึ่งจ้องมองเธออยู่เหมือนจะมีน้ำตาคลอๆ ทีแรกเธอยังคิดว่าฮว่าถิงน้ำตาไหลเพราะโดนลม ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย แต่แล้วสุดท้ายก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ในขณะที่ลู่จยากำลังทบทวนเรื่องราวในคืนนั้น เฉิงอี้เหิงก็พูดเรื่องการตัดขาขึ้นมาอีกครั้ง
‘หัวหน้าแผนกของเราคิดว่าควรจะตัด…’
‘ไม่ตัด!’
ความคิดของลู่จยาถูกดึงกลับมาด้วยคำว่า ‘ตัดขา’ หากเทียบกันแล้ว เรื่องการรักษาขาของเธอเอาไว้ดูจะเป็นสิ่งที่ต้องกังวลมากกว่าการค้นหาความจริงเรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้ฮว่าถิงเสียชีวิต