ลู่จยากับหมิ่นลู่รู้จักกันมาตั้งแต่แบเบาะทำให้ทั้งสองคนสนิทกันราวกับฝาแฝด ในความเป็นเพื่อนรักกันนั้นช่วงระยะเวลาสิบสองปีแรกของชีวิตทั้งคู่แทบจะไม่มีความแตกต่างอะไรกันเลย ดังนั้นลู่จยากับหมิ่นลู่จึงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสงบมาตลอด
ทว่าหลังจากเข้าเรียนมัธยมร่างกายหมิ่นลู่ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เธอตัวสูงขึ้น ขายาวขึ้น พอถึงชั้นมัธยมต้นปีที่สามเธอก็กลายเป็นดาวเด่นของโรงเรียน ส่วนลู่จยายังคงเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่นอกจากมีพรสวรรค์ทางด้านการขี่รถแล้วก็เป็นเพียงเด็กมัธยมต้นธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น
ซ้ำร้ายพ่อแม่ของเธอยังมาเสียชีวิตไปอย่างกะทันหันอีกทำให้ลู่จยาเสียใจอยู่นาน ใบหน้าของลู่จยามักแสดงอาการซึมเศร้า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่อยากจะคบค้าสมาคมกับใครอีก
ชีวิตของหมิ่นลู่ในช่วงเวลาไม่กี่ปีนั้นครอบครัวของเธอก็เหมือนมีโชคหล่นทับ พ่อหมิ่นลู่ลาออกจากงานมาเปิดบริษัทเองและประสบความสำเร็จใหญ่โตทำให้หมิ่นลู่กลายเป็นคุณหนูแสนสวย
ส่วนลู่จยาเป็นเพราะเธอมีพรสวรรค์ด้านการขับขี่ทำให้ได้รับคัดเลือกให้เข้ามาอยู่ในสโมสรแล้วในเวลานั้นจึงยังไม่ได้รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองกับหมิ่นลู่มากนัก จนกระทั่งตอนมัธยมปลาย หมิ่นลู่ที่งดงามเป็นที่ประทับใจแก่ผู้คนที่ได้พบเห็นเสมอมาที่สโมสรเพื่อดูลู่จยาฝึกซ้อม เมื่อเธอเห็นสายตาของเว่ยอิ้งที่มองหมิ่นลู่ ลู่จยาก็รับรู้ได้ทันทีว่าดวงตะวันของเธอได้เปลี่ยนทิศไปแล้ว และจะไม่ส่องแสงสว่างมาที่เธออีกต่อไป
แววตาที่เว่ยอิ้งใช้มองหมิ่นลู่นั้นเธอเองก็รู้จักมันดี เพราะมันคือแววตาแบบเดียวกันกับที่เธอใช้มองเว่ยอิ้ง
เว่ยอิ้งเป็นคนที่เก็บอะไรๆ ไว้ในใจไม่อยู่ ดวงตะวันมักจะแสดงความกระตือรือร้นออกไปโดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นเป็นการทำร้ายคนอื่น ดังนั้นเมื่อเว่ยอิ้งไปสารภาพรักกับหมิ่นลู่ นอกจากหมิ่นลู่จะไม่ดีใจแล้วยังโมโหเขาเสียยกใหญ่
ความในใจของสาวน้อยก็เหมือนกับบทกลอนที่แบ่งปันให้กับเพื่อนรักได้รับรู้ หมิ่นลู่รู้มานานแล้วว่าลู่จยารู้สึกอย่างไรกับเว่ยอิ้ง แต่คิดไม่ถึงว่าเว่ยอิ้งจะมาสารภาพรักกับเธอ เพราะอย่างนั้นหมิ่นลู่จึงปวดหัวหนักแม้จะปฏิเสธเขาไปอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม
เดิมทีลู่จยาคิดว่าด้วยนิสัยของเว่ยอิ้งไม่เกินสามวันเขาก็คงลืมความเจ็บปวดนี้ได้แล้วหันไปชอบผู้หญิงคนอื่น แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมีความยึดมั่นกับหมิ่นลู่เป็นอย่างมาก เว่ยอิ้งไม่ไปชอบผู้หญิงคนไหนอีกเลยซึ่งความมั่นคงและแน่วแน่ของเว่ยอิ้งได้ทำให้ลู่จยาเสียใจมากขึ้นไปอีก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอจึงทุ่มเทใจให้กับการแข่งรถเพียงอย่างเดียว
หลายปีที่ผ่านมานี้ลู่จยาค่อยๆ สร้างผลงานของตัวเองขึ้นมาด้วยความยากลำบาก แต่แล้วก็กลับเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นก่อนการแข่งขัน ในเวลานี้ดูเหมือนว่าอนาคตของเธอจะดับลงซะแล้ว
เฉิงอี้เหิงได้รับสายด่วนจากทางโรงพยาบาลเขาจึงต้องรีบออกไป แต่ก่อนไปก็ทิ้งท้ายไว้ว่า เขาจะติดต่อมาอีกทีและบอกเธอไว้ว่าอย่ากังวลไปเขาจะคิดหาวิธีช่วยเธอจัดการเรื่องห้องพักเอง
ลู่จยาคิดว่าเฉิงอี้เหิงคงจะช่วยเหลือเธอตามมารยาท อาจจะเพราะเขาเป็นหมอจึงต้องมีเมตตาอย่างถึงที่สุด
เมื่อกลับเข้ามาในห้องที่คอนโดฯ แล้ว ลู่จยาก็ไปนั่งอยู่บนโซฟาสักพักจนแสงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังจุดอื่น
การนั่งอยู่ในห้องคนเดียวนานเกินไปทำให้เธออดคิดอะไรฟุ้งซ่านไม่ได้ ลู่จยาจึงลุกขึ้นเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวออกจากคอนโดฯ
วันนี้เธอวางแผนจะออกจากคอนโดฯ ไปที่ธนาคารเพื่อดูว่าจะรวบรวมเงินจากทรัพย์สินที่มีอยู่ได้สักเท่าไหร่ แล้วหลังจากนั้นก็จะหาที่พักใหม่ แต่จะว่าไปแล้ว หลายปีที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยจัดการทรัพย์สินของตัวเองเลย