ลู่จยาใช้ไม้ค้ำช่วยโบกแท็กซี่เพื่อไปที่ธนาคาร และเมื่อไปถึง ขณะที่เธอเข้าคิวอยู่นั้นจู่ๆ ก็ถูกชน ลู่จยายังไม่ทันจะได้ทำอะไร หญิงวัยกลางคนซึ่งเตี้ยกว่าลู่จยาประมาณหนึ่งช่วงหัวก็เริ่มชี้หน้าด่าเธอ
“ฆาตกรฆ่าคน!”
ลู่จยาขมวดคิ้วแน่น เธอถอยหลังออกมาเล็กน้อยถึงมองเห็นได้ชัดเจนว่าคนที่กำลังด่าเธออยู่ตอนนี้คือคนเดียวกับที่สาดซุปไก่ใส่เธอที่โรงพยาบาล แม่ของฮว่าถิง
“คุณน้า…” เมื่อรู้ว่าเป็นแม่ของฮว่าถิง ลู่จยาก็ยึดไหล่ของหญิงวัยกลางคนเอาไว้ “นี่เป็นที่สาธารณะนะคะ ช่วยควบคุมอารมณ์หน่อยเถอะค่ะ”
แม่ของฮว่าถิงปัดมือของลู่จยาออก “แกทำให้ลูกสาวฉันตาย ตอนนี้ยังมีแก่ใจจะมาธนาคารอีกเหรอ”
แล้วฟางเส้นสุดท้ายของลู่จยาก็ขาดลง เธอสังเกตเห็นว่าในมืออีกข้างหนึ่งของแม่ฮว่าถิงถือใบเบิกเงินอยู่ บนนั้นเขียนตัวเลขไว้ห้าล้านหยวนพอดิบพอดี ลู่จยาจับมือของแม่ฮว่าถิงที่กำลังสะบัดไปมาเอาไว้
“ข้อแรก! ฉันไม่ใช่ฆาตกรฆ่าคน จะใช้คำว่าฆาตกรฆ่าคนได้ก็ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่นิติเวชและศาลตัดสินก่อน ตอนนี้ต่อให้คุณเป็นตำรวจก็เรียกฉันได้แค่ว่าเป็นผู้ต้องสงสัย แม้แต่พวกตำรวจก็ยังไม่กล้าเรียกฉันแบบนี้ เพราะอะไรน่ะเหรอ…เพราะพวกเขากลัวว่าฉันจะฟ้องหมิ่นประมาทไง ข้อสอง! ถ้าฉันดูไม่ผิด เงินห้าล้านในมือของคุณนั่นน่าจะเป็นเงินที่คนชื่อเสี่ยวเข่อโอนให้ล่ะสิ”
“แกรู้ได้ยังไง?!” สีหน้าของแม่ฮว่าถิงเปลี่ยนไปทันที
“เสี่ยวเข่อเป็นอดีตผู้จัดการของฉัน แล้วที่คุณถามฉันว่ายังมีแก่ใจมาธนาคารได้ยังไง ก็ เพราะฉันเอาเงินทั้งหมดที่มีโอนให้กับพวกคุณสองคนไปแล้ว ตอนนี้ฉันไม่มีแม้แต่ที่จะอยู่ถึงต้องมาที่ธนาคารเพื่อดูว่ามีทรัพย์สินอะไรเหลืออยู่อีกเท่าไหร่ เปลี่ยนมันเป็นเงินแล้วฉันจะได้กลับไปเช่าห้องถูกๆ สักห้อง”
แม่ของฮว่าถิงรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังเถียงกลับไป “ถ้าแกไม่ได้รู้สึกผิด แกจะโอนเงินมาให้ฉันทำไม”
ลู่จยารู้สึกสงสารฮว่าถิงขึ้นมาที่มีพ่อแม่แบบนี้ แต่เธอก็เข้าใจ ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาก็สูญเสียลูกสาวซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวไปแล้ว
แม้ว่าเธอจะสูญเสียอนาคตไปแต่ก็ยังอายุน้อย ขอเพียงแค่เธอต้องการมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างก็ยังมีความหวัง ลู่จยาได้แต่คิดเช่นนี้ เพราะหากเธอมัวจมอยู่ในโลกที่มืดมิดก็คงจะหาทางออกมาไม่ได้ง่ายๆ
ก่อนหน้านี้ในระหว่างที่ลู่จยาเดินทางมาธนาคารนั้น เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยวเข่อ
‘พี่จยา เมื่อวานฉันโอนเงินไปแล้วนะ ฉันอยู่กับพี่มาตั้งหลายปีไม่อยากให้พี่ต้องมาถึงจุดนี้เลย แต่ฉันรู้ว่าพี่เป็นคนดี หวังว่าจากนี้ไปพี่จะหางานทำเป็นเรื่องเป็นราว ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ประสบการณ์ช่วงการแข่งรถที่ผ่านมานั้นก็ให้ถือซะว่าเป็นความฝันแล้วกันนะ’
‘อืมๆ’ ลู่จยาคุยโทรศัพท์ขณะที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ในลำคอของเธอรู้สึกขมปร่าจนแทบทนไม่ไหว
ทุกคนต่างบอกให้เธอจำนนต่อชะตากรรม แต่เธออยากจะไม่ยอม
ตั้งแต่อายุสิบสี่จนถึงตอนนี้เธอทุ่มเททั้งชีวิตให้กับการแข่งรถ จะให้มาล้มเลิกทุกอย่างที่ทำมาเพียงเพราะอุบัติเหตุครั้งเดียวได้อย่างไร
ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องการที่จะเริ่มต้นใหม่
“นั่นก็เพราะฉันเป็นห่วงว่าชีวิตคนแก่สองคนอย่างพวกคุณจะไม่มีที่พึ่งไง” ลู่จยารู้สึกว่าถ้าเธอต้องพูดกับแม่ฮว่าถิงต่ออีกคำคงจะต้องโมโหจนตายแน่ๆ “ฉันไม่ได้รู้สึกผิด ที่โอนเงินให้เพราะฉันสงสารพวกคุณก็เท่านั้น สงสารพวกคุณที่เป็นคนผมขาวต้องมาส่งคนผมดำ”
คำว่า ‘สงสาร’ ที่ลู่จยาพูดออกมาเหมือนมีดแหลมแทงเข้าไปในหัวใจของแม่ฮว่าถิง หญิงวัยกลางคนเริ่มอาละวาดพุ่งเข้าใส่ลู่จยาพร้อมผลักเธออย่างแรง ลู่จยาที่ต้องพยุงตัวด้วยไม้ค้ำจึงหงายหลัง เธอยื่นมือออกไปคว้าอะไรสักอย่างเพื่อยึดไว้ แต่กลายเป็นคว้าข้อมือของแม่ฮว่าถิง