ทดลองอ่าน หยกเร้นชะตา บทที่ 4.1-4.2 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หยกเร้นชะตา บทที่ 4.1-4.2

4 of 4หน้าถัดไป

เรื่องของซูฮุ่ยยังทำอะไรไม่ได้ ฉู่จิ่นเหยาเพิ่งกลับมาที่ตระกูลยังยืนหยัดได้ไม่มั่นคง แล้วจะยื่นมือออกนอกจวนไปช่วยพี่สาวได้อย่างไร เกรงว่าของของนางยังไม่ทันส่งออกจากจวนก็คงถูกพวกบ่าวไพร่แบ่งสันปันส่วนกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเองอีกด้วย ฉู่จิ่นเหยาเข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี เรื่องซูฮุ่ยจะรีบร้อนไม่ได้ เรื่องหาเงินก็รีบร้อนไม่ได้เช่นกัน นางทำได้เพียงค่อยๆ เรียนรู้กิริยามารยาทที่สตรีชั้นสูงพึงมีภายใต้การชี้แนะของฉีเจ๋อ

อันที่จริงธรรมชาติของมนุษย์ในใต้หล้าแต่ไหนแต่ไรล้วนเชื่อมโยงกัน ช่วงแรกๆ ที่ฉู่จิ่นเหยาเข้าจวนโหวนางยังไม่รู้ว่าต้องวางตนอย่างไร แต่บัดนี้มีฉีเจ๋อชี้แนะอยู่ข้างๆ ฉู่จิ่นเหยาก็ปรับตัวได้ในเวลาไม่นาน อีกทั้งเรื่องกิริยามารยาทเช่นนี้ หากผู้ไม่สันทัดหัดเองอย่างส่งเดช ยังมิสู้มีผู้สันทัดชี้แนะเพียงคำเดียว ยิ่งมีผู้ที่มีสายตาคมกริบอย่างฉีเจ๋อคอยช่วยและฉู่จิ่นเหยาเองก็พยายามอย่างหนัก ราวสิบวันผ่านไปนางก็ทำท่าทำทางได้เข้าทีแล้ว

แม้แต่สาวใช้ในเรือนจ้าวซื่อยังพูดกันว่าคุณหนูห้าคล้ายกลายเป็นคนใหม่ เข้าใจอะไรๆ ได้ในเวลาเพียงสั้นๆ แม้กิริยามารยาทจะยังไม่สู้คุณหนูคนอื่นๆ แต่ลำพังดูจากท่าทางนับว่าดีขึ้นมากแล้ว

ส่วนพวกเรื่องการแต่งตัว…ในเรื่องนี้สตรีล้วนมีความสามารถโดยธรรมชาติ ไม่นานนักฉู่จิ่นเหยาก็คุ้นเคยกับเครื่องประทินโฉมปานนับสมบัติในเรือนตนเอง ฉินอี๋เองก็รู้สึกนับถือนางอย่างมาก

หลังผ่านช่วงปรับตัวที่ยากลำบากมาแล้ว เมื่อฉู่จิ่นเหยามาเดินบนระเบียงทางเดินอันลดเลี้ยวของจวนโหวอีกครั้ง ในที่สุดในใจก็ไม่รู้สึกเคว้งคว้างวูบโหวงอีกต่อไป ช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานนี้มารดาของนางมิได้สนใจนางแม้แต่น้อย บิดาของนางก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ญาติพี่น้องคนอื่นๆ ของนางล้วนทำเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง ผู้ที่ช่วยนางอย่างแท้จริงคือฉีเจ๋อที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน

เมื่อก่อนฉู่จิ่นเหยามักอยากจะใกล้ชิดกับมารดา แต่มารดาของนางแค่มองยังไม่ยอมมองนางตรงๆ พอฉู่จิ่นเหยาผ่านช่วงปรับตัวที่ยากลำบากมาได้กลับกลายเป็นมิได้รู้สึกเคารพรักและอยากใกล้ชิดจ้าวซื่อเท่าแต่ก่อน เพราะช่วงเวลาที่นางต้องการมารดาที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ฉู่จิ่นเหยาสวมเสื้อตัวสั้นผ่ากลางคอตั้งสีเขียวเข้ม บนสาบเสื้อติดกระดุมลายสมปรารถนา ท่อนล่างสวมกระโปรงหม่าเมี่ยนสีเขียวอ่อนลายกิ่งไม้พัน และสวมรองเท้าขนกระต่าย นางเดินไปยังเรือนอี๋อันด้วยฝีเท้าแผ่วเบาเชื่องช้า มองไปยังทางข้างหน้า ไหล่ตั้งตรง หลังก็ยืดตรงเช่นกัน ระยะของแต่ละก้าวแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เร็วไม่ช้า คล่องแคล่วสม่ำเสมอ หลังก้าวเข้าประตูเรือนบ่าวหญิงสูงวัยที่ทำความสะอาดอยู่ในลานเรือนก็หยุดมือแล้วกล่าวทักทายฉู่จิ่นเหยา นางหยุดฝีเท้าเล็กน้อยแล้วพยักหน้ายิ้มให้บ่าวไพร่

ฉู่จิ่นเหยาทำตามคำบอกของฉีเจ๋อ เวลายิ้มให้ยิ้มบางๆ อย่ายิ้มกว้างเกินไป แต่ดวงตาของนางทั้งกลมและดำสนิท ช่วงเวลาที่ผ่านมาใบหน้าก็อวบอิ่มขึ้นแล้ว ใบหน้าซูบตอบกลายเป็นใบหน้ารูปไข่ ยามคลี่ยิ้มดวงตาคล้ายมีประกายดาว ลักยิ้มตรงข้างแก้มก็ปรากฏให้เห็นรำไร หวานล้ำไปถึงหัวใจคนได้ทีเดียว

บ่าวหญิงสูงวัยเห็นฉู่จิ่นเหยาแล้วก็แย้มยิ้มให้เช่นกัน รอยย่นบนใบหน้าแทบจะเผยออกมาทั้งหมด แม้คุณหนูห้าจะมีชีวิตที่น่าสงสาร แต่กลับยิ้มแย้ม ดูเข้าถึงได้ง่ายกว่าคุณหนูสี่ ความชมชอบของคนสูงวัยไม่เหมือนบุรุษ พวกนางมักจะชอบแม่นางน้อยที่มีใบหน้ารูปไข่ ร่างสูงโปร่ง อีกทั้งชอบยิ้มแย้มเหมือนฉู่จิ่นเหยา

หลังทักทายกับบ่าวไพร่ในลานเรือนแล้ว ม่านประตูก็เปิดออก ชิวเยี่ยชะโงกหน้าออกมาแล้วกล่าวยิ้มๆ “ได้ยินเสียงหัวเราะแต่ไกลบ่าวก็รู้แล้วว่าเป็นคุณหนูห้า คุณหนูห้ารีบเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ!”

ฉู่จิ่นเหยารักษารอยยิ้มไว้ เดินผ่านระเบียงเชื่อมเข้าไปในห้องอย่างไม่เร็วไม่ช้า ขณะเข้าประตูนางเบี่ยงกายน้อยๆ หลบม่าน แต่เพียงไม่นานก็กลับมายืนตัวตรง ระหว่างนั้นลำคอเรียวยาวของฉู่จิ่นเหยายืดตรงตลอด มิได้ทำหน้ายื่นหลังค่อมเช่นแต่เดิม

ชิวเยี่ยมองเห็นภาพนี้ก็ทอดถอนใจ ตอนที่คุณหนูห้าเพิ่งมามีท่าทางเกรงกลัวอยู่พอสมควร แม้จะมีเหตุให้เข้าใจได้ แต่ถึงอย่างไรก็ดูไม่รื่นตา ทว่ายามมองในตอนนี้ท่าทางเหมือนในตอนแรกเสียที่ใด ต่อให้เป็นบุตรสาวสายรองของบ้านใหญ่ก็ยังแสดงท่าทียิ้มแย้มอบอุ่นและอกผายไหล่ผึ่งเช่นคุณหนูห้าออกมาไม่ได้

ท่าทางเช่นนี้ดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย เช่นนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์!

ตั้งแต่ฉู่จิ่นเหยาได้ฉีเจ๋อช่วยชี้แนะก็ไม่ได้รีบมาคารวะแต่เช้าตรู่อีก ตนเองลำบาก แต่ผู้อื่นกลับไม่คิดถึงความดีของเจ้า เช่นนั้นจะลำบากไปไย ทุกวันนางจะคำนวณเวลาให้มาถึงพอดีเหมือนฉู่จิ่นเมี่ยวกับฉู่จิ่นเสียน จะไม่รีบมาแต่เช้าตั้งแต่จ้าวซื่อยังไม่ลุกจากเตียง เพราะพอมาถึงแล้วจะได้ไม่ต้องรอนานเกินไป

แต่วันนี้พอฉู่จิ่นเหยาเข้าห้องมากลับต้องตกใจ เนื่องจากบิดาก็อยู่ที่นี่ด้วย

เมื่อเห็นฉางซิงโหว ฉินอี๋ก็อุทานในใจ ข้าลืมไปเสียได้ ทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าสามีล้วนต้องค้างคืนที่เรือนภรรยาเอก

ฉู่จิ่นเหยากลับมาตอนปลายเดือนหนึ่ง วันที่หนึ่งเดือนสองฉู่จิ้งไม่รู้ยุ่งอยู่กับงานอะไรจึงมิได้มาค้างที่เรือนจ้าวซื่อ เรื่องนี้ทำให้ฉู่จิ่นเหยาเพิ่งรู้ถึงกฎระเบียบที่เรียกว่า ‘ศักดิ์ศรีของภรรยาเอก’ หลังจากผ่านมาหนึ่งเดือน

ฉินอี๋คำนวณในใจ นางกลับจวนมาหนึ่งเดือนแล้ว ส่วนข้าสลบไสลไม่ได้สติมาหนึ่งเดือนแล้วเช่นกัน

นานถึงหนึ่งเดือน ถึงฉินอี๋ไม่พูดแต่เขาก็ร้อนรนอยู่บ้างอย่างยากจะเลี่ยง ไม่ได้สติถึงหนึ่งเดือน ต่อให้ข้างกายเขามีแต่คนสนิทที่ไว้ใจได้ เกรงว่ายังยากที่จะกลบเกลื่อน

เขาต้องคิดหาทางเสียแล้ว

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน กุมภาพันธ์ 2568)

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ช่วงเวลาผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ก็เปรียบดั่งผ้าพันเท้าของสตรี เป็นของเก่าเน่าเหม็นที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นผ้าผืนใหม่มี...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หยกเร้นชะตา บทที่ 1.1-1.2

บทที่ 1.1 การกลับมาของคุณหนู รัชศกเจี้ยนซิงปีที่ยี่สิบ พ้นวันที่สิบห้ากลิ่นอายวันปีใหม่ก็จางหายไปแล้ว แต่ละเรือนแต่ละครอ...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 3-4

บทที่ 3 หัวหน้าขันทีไม่แม้แต่จะเหลือบแลอวี้ฉือรุ่ย แต่ถามออกมาตรงๆ “ท่านใดคือคุณหนูเฟยเยี่ยน” เสียนเกอเอ๋อร์ข่มโทสะไม่อย...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 5-6

บทที่ 5 เถ้าแก่ร้านตกใจจนเบิกตากว้าง โบกไม้โบกมือเอ่ย “แม่นาง นี่มันสิงโตอ้าปากกว้าง นี่! เห็นว่าพวกงานปักของเจ้าเป็นงาน...

community.jamsai.com