X
    Categories: ทดลองอ่านมากกว่ารักหวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม

ทดลองอ่าน หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม เล่ม 3 บทที่ 174-บทที่ 175

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 174

รอยยิ้มตรงมุมปากของเจียงหย่วนเฉาชะงักค้างไปกะทันหัน

“พี่สือซาน?”

“เอ่อ…ข้ารู้แล้ว ข้าจะส่งคนไปสืบดู”

เจียงซือหร่านยิ้มอย่างอ่อนหวาน นางคล้องแขนกับชายหนุ่มพลางพูด “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สือซานดีกับข้าที่สุด”

ชายหนุ่มหลุบตาลงมองที่มือนาง ฝ่ามือของเด็กสาวเนียนนุ่มขาวกระจ่างงามตาอย่างยิ่งยวด

เขาเบนสายตาออก ทำทีไต่ถามคล้ายไม่ตั้งใจ “แล้วบาดแผลบนหน้าของคุณหนูท่านนั้นหนักหนาถึงเพียงใดกันแน่”

เจียงซือหร่านนิ่วหน้า “เลือดไหลเยอะมากเจ้าค่ะ ข้าก็มองเห็นไม่ชัด ไม่รู้ว่าจะเสียโฉมหรือไม่”

“อย่างนี้เองหรือ” เจียงหย่วนเฉาหัวเราะเบาๆ ดึงแขนออกจากมือของนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้าทางนี้ยังมีงานต้องสะสางอีกมาก หร่านราน เจ้ากลับไปก่อนเถอะนะ”

“ได้เจ้าค่ะ” เจียงซือหร่านกล่าวลาอย่างอาลัยอาวรณ์ “พี่สือซาน เช่นนั้นวันนี้ท่านกลับไปเร็วหน่อยนะ ข้าอารมณ์ไม่ดี อยากให้ท่านอยู่เป็นเพื่อน”

เจียงหย่วนเฉาผงกศีรษะเล็กน้อย “ได้”

นางเห็นเขารับคำแล้วอดยกมุมปากโค้งขึ้นไม่ได้ จากนั้นออกไปอย่างเบิกบานใจเต็มเปี่ยม

เมื่อเจียงซือหร่านกลับไป รอยยิ้มบนริมฝีปากชายหนุ่มเลือนหายไปในพริบตา เขาออกคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาตรงนอกประตู “ไปส่งคุณหนูเจียงกลับจวนแทนเจียงเฮ่อ แล้วให้เขาไสหัวมาพบข้า”

ไม่นานนัก เจียงเฮ่อก็วิ่งเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง “ใต้เท้า ท่านเรียกข้าหรือขอรับ ข้ามีเรื่องรายงานท่านอยู่พอดี”

เจียงหย่วนเฉานั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ เอนหลังพิงพนักมองเขาด้วยสีหน้าปราศจากความรู้สึก

ใต้เท้าไม่ได้ยิ้มหรือนี่! เจียงเฮ่อใจหล่นดังตุบ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรนี่นา

“บอกให้เจ้าไสหัวเข้ามามิใช่หรือ” เจียงหย่วนเฉาอ้าปากพูดเสียงเย็นๆ

“เอ๊ะ?”

“ออกไป เข้ามาใหม่”

เจียงเฮ่อกะพริบตาปริบๆ “ใต้เท้า?” ยังต้องไสหัวจริงๆ หรือ

“หือ?”

ใต้เท้าไม่ยิ้มน่ากลัวเหลือเกิน เขา ‘ไสหัว’ เข้ามาดีกว่า

เจียงเฮ่อลนลานถอยกรูดออกไปทิ้งตัวลงบนพื้นกลิ้งเข้ามา

เขากลิ้งตัวไปจนถึงข้างเท้าเจียงหย่วนเฉาถึงผุดลุกขึ้นกอดขาผู้เป็นนาย กล่าวอย่างคับข้องหมองใจ “ใต้เท้า ท่านอารมณ์ไม่ดีใช่หรือไม่ ถ้าอารมณ์ไม่ดี ท่านพูดออกมาสิขอรับ ให้ข้ารู้ว่าเป็นใครทำให้ท่านอารมณ์ไม่ดีล่ะก็ ข้าจะไปซ้อมเขาเอง”

“เจ้าซ้อมเลยสิ”

“เอ๊ะ?” เจียงเฮ่อตกอกตกใจ “ใต้เท้า ข้าซ้อมท่านไม่ได้ขอรับ ข้าทำไม่ลงคอ!”

เจียงหย่วนเฉาถึงกับพูดอะไรไม่ออก “…”

เขาโกรธจนไม่พูดไม่จานานสองนาน ผ่านไปครู่หนึ่งถึงยกนิ้วโป้งให้ผู้ใต้บังคับบัญชา

เจียงเฮ่อเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขิน “ไม่ถึงเพียงนั้นกระมังขอรับ ข้ามิได้ทำอะไรเลย ใต้เท้าชมกันถึงเพียงนี้ ข้ารับไม่ไหว”

เจียงหย่วนเฉากล่าวเสียงเย็นๆ “เจียงเฮ่อ เจ้าเป็นคนแรกที่อารักขาคุณหนูเจียงแล้วโดนนางจับได้”

เขาต้องเสียสติไปแล้วเป็นแน่ ถึงปล่อยถังส้วมทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ให้เจ้าโง่ผู้นี้ไปขัด กลับส่งตัวไปอารักขาเจียงซือหร่านเสียได้!

เจียงเฮ่อเพิ่งรู้ในตอนนี้ว่าทำงานผิดพลาดอีกแล้ว เขายกมือตบหน้าตนเองสองฉาด ถึงมองเจียงหย่วนเฉาตาละห้อย

เจียงหย่วนเฉานวดหว่างคิ้ว กล่าวอย่างอ่อนใจ “พูดมา เรื่องในวันนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่”

เจียงเฮ่อรีบเล่าสิ่งที่ได้ยินได้เห็นในจวนกู้ชางป๋อตั้งแต่ต้นจนจบรอบหนึ่งแล้วไม่ลืมกล่าวสรุปว่า “ใต้เท้า วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่เลยทีเดียว คุณหนูพวกนั้นรู้จักสรรหาเรื่องเล่นสนุกกันเหลือเกินจริงๆ ขอรับ”

จุๆ วันหน้าข้าตบแต่งหญิงสาวชาวบ้านดีๆ สักคนเป็นภรรยาจะดีกว่า บุตรสาวตระกูลใหญ่ๆ ล้วนน่ากลัวยิ่งนัก!

เจียงหย่วนเฉานิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนถามขึ้น “คุณหนูหลี…อาการเป็นอย่างไรกันแน่”

เจียงเฮ่อเกาท้ายทอย “ตอนนั้นพวกคุณหนูพากันล้อมวงเข้าไป ต่อมาคุณหนูหลีใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดใบหน้าไว้ตลอด ข้าเห็นไม่ถนัดตา แต่นางเลือดไหลเยอะมาก ข้าคะเนว่าเก้าในสิบส่วนคงต้องเสียโฉมแล้ว”

เขากล่าวถึงตรงนี้แล้วทอดถอนใจอย่างเห็นอกเห็นใจอยู่บ้าง “สาวน้อยหน้าตาสะสวยอย่างคุณหนูหลีเสียโฉมไปน่าเสียดายปานใด วันหน้าจะออกเรือนได้อย่างไรเล่า เฮ้อ…ใต้เท้า ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนคุณหนูเจียงบอกให้คุณหนูหลีเป็นเป้าธนู นางตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยนิด แต่ข้าดูออกว่าคุณหนูหลีคงกลัวมากเอาการ นางยืนอยู่ตรงนั้นมือสั่นเทาไปหมด เห็นแล้วน่าสงสารพิกล”

เจียงหย่วนเฉามองเขาแวบหนึ่งด้วยสายตาเย็นชา “พล่ามมากไปแล้ว”

เจียงเฮ่อรีบก้มหน้าไม่กล้าพูดอีก วันนี้ใต้เท้าอารมณ์ไม่ดีจริงๆ เขายืนยันได้

“เจ้าไปที่จวนสกุลหลีแอบสืบดูว่าอาการบาดเจ็บของคุณหนูหลีเป็นเช่นไร”

“ขอรับ”

พอเห็นเจียงเฮ่อจะก้าวออกจากห้อง เจียงหย่วนเฉาพูดต่อท้ายอีกคำอย่างไม่วางใจ “ขืนทำงานไม่ได้เรื่องอีก ข้าจะให้เจ้าขัดถังส้วมไปทั้งปีทั้งชาติ”

เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาออกไปแล้ว เจียงหย่วนเฉาถึงยกมือกุมขมับโคลงศีรษะเบาๆ

แม่นางน้อยผู้นั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกล เหตุใดปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างนั้นได้ เขารู้สึกไม่วายว่านางมิใช่คนที่ยอมเสียเปรียบใคร

หรือว่าจะเสียโฉมจริงๆ

ภาพเด็กสาวยิ้มน้อยๆ อย่างเยือกเย็นผุดขึ้นในห้วงความคิด ในใจเจียงหย่วนเฉาก็หงุดหงิดอึดอัดชอบกล เขาลุกเดินกลับไปที่ข้างหน้าต่าง

ต้นไผ่เขียวขจีเป็นดงทางนอกหน้าต่าง มองดูแล้วชวนให้จิตใจปลอดโปร่งผ่อนคลาย

เจียงหย่วนเฉาพลันไม่มีแก่ใจกลับไปยังจวนท่านผู้บัญชาการเจียง

เด็กสาวเจ้าเล่ห์แสนกลปานใด เจอกับน้องสาวบุญธรรมเกรงว่าล้วนอับจนปัญญากระมัง

อันว่าอำนาจบารมีสยบยอดฝีมือได้ทุกสาย ยามเผชิญกับผู้มีศักดิ์ฐานะต่างกันลิบลับ จะมีช่องให้ความฉลาดปราดเปรื่องได้สำแดงอานุภาพสักเพียงใดเล่า

…ข้าก็แค่นึกเสียดายแทนแม่นางน้อยผู้นั้นอยู่บ้าง เจียงหย่วนเฉาคิดคำนึง

 

รถม้าม่านสีเขียวคันเล็กกะทัดรัดหยุดจอดที่จวนตะวันตกของสกุลหลี เฉินกวงกระโดดลงมาแล้วตะเบ็งเสียงบอก “คุณหนู ถึงแล้วขอรับ”

ม่านประตูรถม้าแหวกออก อาจูพยุงเฉียวเจาเดินออกมา

“กลับไปเรือนหยาเหอเลย” เฉียวเจาเอ่ยสั่งอาจู หากปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเห็นนางในสภาพนี้ คงไม่แคล้วต้องตกใจจนเป็นลม

“เจ้าค่ะ”

สองนายบ่าวตรงดิ่งกลับไปที่เรือนหยาเหอ แก้มขวาของเฉียวเจาเริ่มบวมทำให้กล่าววาจาได้ลำบากขึ้น นางยกมือชี้ทางเรือนเล็กฝั่งซ้าย

อาจูเข้าใจความหมาย นางอยู่ฝั่งด้านนอกใช้ตัวบังเอาไว้ ประคองเฉียวเจาเดินผ่านซุ้มประตูวงเดือน*เข้าสู่เรือนฝั่งซ้าย

ต้นทับทิมในเรือนฝั่งซ้ายติดผลดกถ่วงให้ปลายกิ่งโน้มลง

ปิงลวี่กำลังเดินวนเวียนอยู่รอบต้นทับทิม ตั้งใจจะหาผลใหญ่ๆ เด็ดมากินสักลูก แต่ช่วยไม่ได้ที่เพลานี้ผลทับทิมยังดิบมาก นางมองหาอยู่นานครู่ใหญ่ก็ไม่พบ ได้แต่หมุนกายกลับอย่างผิดหวัง

สาวใช้น้อยมองปราดเดียวเห็นเฉียวเจาเลือดไหลเต็มใบหน้า

หลังนิ่งงันไปชั่วพริบตา นางก็ร้องเสียงแหลมดังก้องฟ้า “ตายแล้ว! คุณหนูบาดเจ็บได้อย่างไร…”

เฉียวเจาอยากเบะปากอย่างมาก จนใจที่เจ็บหน้าเกินไปเลยทำไม่ไหว

ครู่หนึ่งต่อมา เหอซื่อวิ่งทะยานเข้ามาทางซุ้มประตูวงเดือน “เจาเจาบาดเจ็บตรงที่ใดหรือ!”

นางเพิ่งพูดจบแล้วเห็นสภาพของเฉียวเจาเต็มตา ก็มีเสียงร้องดังก้องฟ้าเป็นคำรบที่สองอย่างรวดเร็ว “ตายแล้ว! เจาเจาของข้า นี่เจ้าเป็นอะไรไป”

แม่นางเฉียวที่วิงเวียนตาลายอยู่ลอบรำพึงในใจ ดีมาก ครานี้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งคงรู้เรื่องแล้ว

เหอซื่อเข้าไปกอดบุตรสาวพลางร่ำไห้ยกใหญ่จนปิงลวี่ถูกเบียดออกไปด้านข้าง นางร้อนใจจนเต้นเหยงๆ พอมองเห็นอาจูก็ด่าทอ “อาจู นางตัวดี เจ้าติดตามคุณหนูประสาใดกัน ตอนออกจากจวนคุณหนูยังปกติดี ไฉนบาดเจ็บกลับมาเช่นนี้ เจ้ายังมีหน้าตามกลับมาอีกหรือ”

ใบหน้าของอาจูซีดเผือด แต่สีหน้าสุขุมดุจเก่า นางไม่แยแสเสียงถามไล่เลียงของปิงลวี่ เอ่ยเตือนขึ้นว่า “นายหญิง พยุงคุณหนูเข้าเรือนก่อนเถอะ ค่อยถามคุณหนูว่าสมควรทำอย่างไรต่อนะเจ้าคะ”

คุณหนูยืนกรานกลับมาจะต้องมีวิธีของนางแน่

เหอซื่อถึงได้สติ ตะโกนบอกปิงลวี่ “มัวยืนทื่ออยู่ด้วยเหตุใด รีบไปเชิญหมอมาสิ!”

บทที่ 175

อาจูมองไปทางเฉียวเจา

นางไม่แสดงท่าทีใดเป็นเชิงอนุญาตกลายๆ

แววตาของอาจูไหววูบหนึ่ง

ท่าทีของคุณหนูแปลกไปอยู่บ้าง หากเป็นเช่นนี้ ไยต้องฝืนทนกลับมาถึงเรือนแล้วค่อยเชิญหมอมานะ

ขณะที่ทางนี้กำลังวิ่งวุ่นจ้าละหวั่นไปเชิญหมอมา อีกด้านหนึ่งที่เรือนชิงซง ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งได้ข่าวอย่างว่องไว นางก็มาที่เรือนหยาเหอทันที

“เหอซื่อ เจาเจาเป็นเช่นไรบ้าง”

เหอซื่อร้องไห้จนตาแดงเรื่อ “ท่านหมอกำลังทำแผลให้เจาเจาอยู่เจ้าค่ะ เจาเจาของข้า บนใบหน้ามีบาดแผลใหญ่เพียงนั้นจะเจ็บสักเพียงใดนะ ข้ายังไม่กล้าแม้แต่จะมองดู เห็นแล้วใจแทบสลาย”

“ข้าไปดูสักหน่อย” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งย่างเท้าเข้าไป

ตอนหญิงชราเข้าไปในเรือน ท่านหมอทำแผลเสร็จพอดี ด้วยเหตุนี้มองปราดเดียวก็เห็นรอยแผลน่าเกลียดน่ากลัวบนแก้มขวาของเฉียวเจาได้

ลมหายใจของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งสะดุดขาดห้วงทันใด มือนางสั่นระริกอย่างสุดระงับ “ท่านหมอ โปรดใช้ยาดีที่สุดรักษาหลานสาวข้า ไม่ว่าเสียเงินเท่าไรก็มิเป็นไร”

ท่านหมอโคลงศีรษะ “รอยแผลบนใบหน้าหลานสาวท่านลึกเกินไป ใช้ยาดีเพียงใดก็ต้องเหลือรอยแผลเป็น”

เหอซื่อซึ่งตามเข้ามาได้ยินแล้วถลันเข้าไปจับแขนเสื้อของหมอ “ท่านหมอ ข้าขอร้องท่านล่ะ ท่านต้องคิดหาหนทางอย่าให้หน้าบุตรสาวข้ามีแผลเป็นให้ได้นะ”

ท่านหมอตะลึงตาค้าง เขารีบสะบัดมือเหอซื่อออกแล้วกล่าวอธิบาย “เรื่องนี้ข้าสุดปัญญาจริงๆ ไม่เกี่ยวกับว่าเสียเงินเท่าไร…”

“ข้าจะไปที่จวนตะวันออก” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอ้าปากพูดขึ้นฉับพลัน

“ท่าน?” เหอซื่อไม่เข้าใจเหตุผล

“ข้าไปถามท่านเซียงจวินดูว่ามียาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาของพระราชทานจากวังหลวงหรือไม่”

ยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆานี้ทำขึ้นเพื่อหมู่เชื้อพระวงศ์โดยเฉพาะ มีสรรพคุณรักษาบาดแผลภายนอกได้ดีเยี่ยม เป็นหนึ่งในของพระราชทานซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบของทุกๆ ตระกูลมาทุกยุคทุกสมัย ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงของจวนตะวันออกต้องมีอยู่ในมือเป็นแน่

ท่านหมอกล่าวตัดบทพวกนางสองคน “ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง ยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาที่ท่านเอ่ยถึง ข้าเคยใช้มาก่อน พูดตามสัตย์จริง ต่อให้เป็นยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาชั้นเลิศที่สุดก็ไม่อาจช่วยให้หลานสาวของท่านไม่มีแผลเป็น”

เรื่องเกี่ยวพันถึงบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน เหอซื่อย่อมไม่เสียดายเงินทองแน่นอน คนที่เชิญมาจึงเป็นหมอชื่อดังที่สุดของเมืองหลวง แล้วเป็นธรรมดาที่หมอระดับนี้จะมีลู่ทางหายาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆามาได้

พอหมอกล่าวถ้อยคำนี้ขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็พลันมีสีหน้าหม่นลงทันใด นางคิดคำนึงในใจ หลานเจาน่าสงสารจริงๆ ชะรอยฟ้าลิขิตไว้เฉกนี้ หลานเจาเสียโฉม วันหน้าก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะออกเรือน ดีที่เหอซื่อรักบุตรสาว ข้าเองก็ไม่ถือสาที่จะเลี้ยงดูหลานสาวผู้หนึ่งไว้เฉยๆ อีกหน่อยต้องชี้แนะตักเตือนฮุยเอ๋อร์เด็กผู้นั้นว่าอย่าแล้งน้ำใจกับน้องสาวผู้นี้ก็แล้วกัน

ฝ่ายเหอซื่อฟังแล้วกอดเฉียวเจาร้องไห้สุดเสียง “เจาเจา ไม่ต้องกลัวนะ ถึงแม่ต้องใช้สินเจ้าสาวทั้งหมดเชิญหมอชื่อดังทั่วทั้งแผ่นดิน ก็ต้องรักษาใบหน้าของเจ้าให้หายดี”

มุมปากของหมอกระตุกริก เขาอ้าปากพูด “ฮูหยิน ท่านถอยออกมาได้หรือไม่ ข้าจะใส่ยาให้บุตรสาวท่าน”

เหอซื่อได้ยินก็คลายมือออก น้ำตาหลั่งรินเป็นสายประหนึ่งสร้อยมุกขาดร่วงลง

เฉียวเจาปริปากขึ้นในที่สุด “ข้านึกขึ้นได้แล้ว ท่านปู่หลี่ทิ้งยารักษาบาดแผลไว้ให้ข้าเจ้าค่ะ อาจู เจ้าไปหยิบตลับหยกขาวตรงก้นหีบสมุนไพรในห้องคลังมาสิ”

อาจูฟังจบแล้วก็ออกไปทันที เฉียวเจายอบกายคารวะหมอ “ขอบคุณท่านหมอที่ทำแผลให้ข้า แต่ไม่ต้องใส่ยาแล้ว ข้ามียาที่ดีกว่าเจ้าค่ะ”

ท่านหมอได้ยินคำนี้ไม่พึงใจอย่างมาก หันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งทันที

หญิงชราอดถามขึ้นไม่ได้ “เจาเจา ดีกว่ายาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาจริงๆ หรือ”

“แน่สิเจ้าคะ ต่อให้เป็นยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาชั้นหนึ่งก็เทียบมันไม่ได้แม้แต่หนึ่งในหมื่น”

ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

มาตรว่าหมอเทวดาจะเก่งกาจ แต่ผู้เป็นแพทย์ต่างมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขามียาวิเศษรักษาบาดแผลได้

“อย่างน้อยก็ดีกว่ายาของหมอทั่วไปมากนักเจ้าค่ะ” เฉียวเจาพูดเหมือนไม่ตั้งใจ

ท่านหมอมีน้ำโหจนหนวดกระดิก แม่เด็กอมมือผู้นี้หมายความว่าอะไร หมอทั่วไปรึ? เขาเป็นถึงหมอชื่อเสียงโด่งดังของเมืองหลวง หากมิใช่อายุปูนนี้แล้วคร้านจะเข้าสู่สำนักแพทย์หลวงที่ต้องอยู่ใต้กฎเกณฑ์ จะรั้งตำแหน่งเป็นแพทย์หลวงก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

เขาน่ะหรือเป็นหมอทั่วไป?

ไหนเลยเหอซื่อจะมีแก่ใจพิศดูสีหน้าท่านหมอ นางได้ยินแล้วพยักหน้าเอ่ยขึ้นทันที “ใช่ๆ ยาที่ท่านปู่บุญธรรมของเจาเจาให้ไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเหนือกว่าของพวกหมอทั่วไปในโรงหมอ เรื่องหยูกยาจะใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”

ท่านหมออึ้งงัน “…” สมแล้วที่เป็นแม่ลูกกัน กล่าววาจาได้น่าโมโหเหมือนกัน เขาน่ะหรือเป็นหมอทั่วไป?

“ฮูหยินผู้เฒ่า…” ท่านหมอมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง

ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งทุ่มความสนใจไปที่ใบหน้าของเฉียวเจาอยู่เช่นกัน จะมีเวลาพูดปลอบท่านหมอที่โดนทำร้ายจิตใจที่ใดกัน นางผงกศีรษะพลางพูดขึ้นว่า “จริงของเจ้า อย่างนั้นก็ใช้ยาของเจาเจาเถอะ”

ท่านหมอฟังแล้วเดือดดาลแทบคลั่ง หนวดเขากระดิกริกๆ ขณะกล่าว “ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง หลานสาวท่านมีบาดแผลที่หน้า หากใช้ยาสุ่มสี่สุ่มห้า อีกทั้งอากาศร้อนระอุเยี่ยงนี้ ถ้าเกิดมีอาการกลัดหนอง นั่นจะยิ่งย่ำแย่มากขึ้นอีก”

ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพยักหน้าหงึกหงัก “ท่านหมอพูดถูก ใช้ยาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้จริงๆ”

ท่านหมอบรรเทาโทสะลงได้บ้างในที่สุด

เห็นหรือไม่เล่า สองแม่ลูกคู่นั้นไม่รู้เรื่องรู้ราว ยังคงเป็นผู้มีอาวุโสที่หนักแน่นมั่นคง

“คุณหนู ยามาแล้วเจ้าค่ะ” อาจูถือตลับหยกขาวขนาดเท่าฝ่ามือใบหนึ่งเข้ามา

“ใส่ยาให้คุณหนูสามเร็วเข้า!” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวเร่ง

ท่านหมอลมแทบจับ เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า “เหลวไหลๆ”

เหอซื่อรีบยื่นถุงผ้าปักใบหนึ่งให้ “ท่านหมออย่าโมโหโทโส เงินที่สมควรให้ พวกข้าไม่ให้ขาดแม้สักอีแปะเดียว…”

“ไม่ต้องแล้ว ข้าขออำลา” ไม่รอเหอซื่อพูดจบ ท่านหมอก็ทำหน้าบึ้งตึงและสะบัดแขนเสื้อจากไป

ท่านหมอออกไปไม่ทันไร หงซงของเรือนชิงซงก็เข้ามารายงาน “ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง คุณหนูใหญ่กลับมาพร้อมกับคุณหนูตู้ของจวนกู้ชางป๋อแล้วเจ้าค่ะ”

คุณหนูตู้?

แววตาของหญิงชราไหววูบหนึ่ง นางเพิ่งมีแก่ใจไต่ถามอาจูในเวลานี้ “อาจู คุณหนูสามบาดเจ็บได้อย่างไร เจ้าเล่ามาให้ละเอียด”

อาจูคุกเข่าลงตุบ “ข้าไปถึงจวนกู้ชางป๋อก็ถูกรั้งตัวไว้ด้านหน้าดื่มน้ำชาเหมือนๆ กับสาวใช้ที่พวกคุณหนูทุกตระกูลพามา มิได้อยู่ข้างกายคุณหนู ต่อมามีคนเรียกข้าเข้าไปถึงรู้ว่าคุณหนูบาดเจ็บ ข้าได้ยินคนอื่นพูดคุยกันว่าเป็นคุณหนูเจียงบุตรสาวของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินทดสอบคุณหนูด้วยการให้คุณหนูเป็นเป้าธนู…”

“รังแกกันเกินไปแล้ว!” สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งบูดบึ้ง

เหอซื่อยิ่งโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “บุตรสาวของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน? เป็นบุตรสาวของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินก็กระทำกับเจาเจาของข้าเยี่ยงนี้ได้หรือ แม้แต่องค์หญิงยังไม่ยโสโอหังถึงเพียงนี้ ไม่ได้ ข้าจะไปถวายฎีกาฟ้องร้อง”

“เหอซื่อ!”

เหอซื่อกะพริบตาปริบๆ น้ำตาไหลไม่ขาดสาย “ท่านจะห้ามข้าใช่หรือไม่ ธนูดอกนั้นยิงโดนหน้าเจาเจายังเจ็บปวดกว่ายิงเข้ากลางอกข้า หากไม่ระบายความแค้นนี้ให้เจาเจา ข้าคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้แล้ว”

เฉียวเจารู้สึกวาบลึกในอก นางหันไปมองเหอซื่อ

ปิงลวี่กำลังใส่ยาให้อยู่ พอขยับตัวอย่างนี้เลยกระทบถูกบาดแผลทันใด นางร้องครางในลำคอด้วยความเจ็บ

“โธ่ คุณหนู ท่านอย่าขยับสิเจ้าคะ คงเจ็บกระมัง ข้าเป่าแผลให้ท่านนะ…” ปิงลวี่ยื่นหน้าไปใกล้ๆ หน้านาง เป่าลมใส่แผลให้เบาๆ น้ำตาเอ่อคลอเบ้า

เฉียวเจายกมุมปากโค้งขึ้น มองเหอซื่อพลางกล่าวเสียงเบา “ไม่ ไม่เจ็บ…”

นางได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเปล่งเสียงพูด “แน่นอนว่าเรื่องนี้จะให้แล้วกันไปเท่านี้ไม่ได้! เหอซื่อ เจ้าไปที่เรือนหน้าบอกให้คุณหนูของจวนกู้ชางป๋อกลับไปก่อน พอเจ้ากลับมาค่อยว่ากันอีกที”

* ประตูวงเดือน คือประตูที่เจาะเป็นรูปวงกลม

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 15 .. 65  เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: