ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 5-7 – หน้า 9 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 5-7

9 of 9หน้าถัดไป

เมื่อได้ยินซูลั่วอวิ๋นไต่ถาม ลู่หลิงซิ่วก็กล่าวยิ้มๆ “เจ้าเดาไม่ผิด โรงปักผ้าของตระกูลข้าเป็นที่โปรดปรานขององค์หญิงเสมอมา ครั้งนี้พระองค์ทรงเลือกของตระกูลข้าเช่นกัน”

ซูลั่วอวิ๋นทาขี้ผึ้งหอมที่ตนปรุงขึ้นบริเวณข้อมือของลู่หลิงซิ่วให้ลองดมกลิ่นพลางเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ “เช่นนั้นจะไม่เหมือนกับที่ผ่านมาหรือ เจ้าคงได้ติดตามมารดาไปที่จวนราชบุตรเขยเพื่อวัดพระวรกายให้องค์หญิงด้วยกันใช่หรือไม่”

ลู่หลิงซิ่วยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าช่างเดาเก่งเสียจริง ข้ากับท่านแม่รอองค์หญิงบรรทมกลางวันแล้วจะไปเข้าเฝ้ายามบ่าย ครานี้องค์หญิงทรงสั่งปักลายมากมาย ท่านแม่ไม่วางใจพวกหญิงปักผ้า อยากไปจดบันทึกจุดสำคัญด้วยตนเองเพื่อป้องกันความผิดพลาด ส่วนข้าวาดแบบอาภรณ์ได้ดีจึงจะไปพร้อมกับท่านแม่ แล้วก็จะไปเข้าเฝ้าถวายพระพรองค์หญิงด้วย”

ในเมื่อลู่หลิงซิ่วยังมีงานสำคัญต้องทำ ทุกคนดื่มชาสองสามถ้วยแล้วจึงแยกย้ายกัน

 

ซูลั่วอวิ๋นกลับถึงเรือนก็ผลัดชุดสำหรับออกไปข้างนอก เตรียมตัวไปจุดพักม้าเพื่อพบท่านน้าที่มาถึงเมืองหลวง

เมื่อครั้งที่หูเสวี่ยซงทะเลาะกับพี่เขยซูหงเหมิงเพราะพี่สาวเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เขาได้พังประตูใหญ่จวนสกุลซูเป็นชิ้นๆ และตัดญาติขาดมิตรกัน

ซูลั่วอวิ๋นไม่อยากให้ท่านน้าต้องลำบากใจ ดังนั้นจึงส่งจดหมายนัดพบเขาที่จุดพักม้า

จุดพักม้าแห่งนั้นเป็นสถานที่ที่ขุนนางซึ่งเข้าเมืองหลวงมารายงานตัวเข้าพักแรมกันบ่อยครั้ง บริเวณโดยรอบมีโรงน้ำชากับหอสุราชั้นดีตั้งเรียงรายเป็นแถว มิหนำซ้ำยังมีร้านที่อยู่ลึกเข้าไปในตรอกมากมายแขวนโคมแดงเอาไว้ มีสตรีแต่งกายอวดเนื้อหนังมังสายืนอยู่ประจำตามตรอก

ด้วยเหตุนั้นละแวกนี้จึงพลุกพล่านขวักไขว่ ทั้งยังคึกคักจอแจเป็นพิเศษ

ซูลั่วอวิ๋นอยู่อย่างเงียบเหงาในชนบทมานานสองปี ไม่ค่อยคุ้นชินกับความรุ่งเรืองเฟื่องฟูเช่นนี้ กระนั้นเมื่อได้ยินเสียงดังอึกทึกเหล่านี้ในความมืดมิดก็ให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าตนเองยังมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้

ในตอนนี้พลันมีเสียงหัวเราะครืนใหญ่ดังขึ้นที่ข้างรถม้า

เซียงเฉ่ายื่นหน้าออกไปดูก็รีบหันมาบอกกล่าว “เป็นพวกบุรุษเมามายไร้ศีลธรรมกลุ่มหนึ่งเจ้าค่ะ คงจะแพ้เดิมพันสุราจึงส่งคนผู้หนึ่งออกมาดีดพิณแลกเงินข้างถนน ถึงดึงความสนใจของผู้คนให้มามุงดูกัน”

เพราะมีคนมุงดูเนืองแน่นจนขวางทางบนถนน รถม้าของสกุลซูจำต้องรอให้ฝูงชนแยกย้ายกันก่อนถึงจะเคลื่อนไปข้างหน้าต่อได้

ท่ามกลางเสียงเอะอะอื้ออึง เสียงพิณเสนาะหูลอยแว่วมากระทบโสตประสาท

คนดีดพิณกำลังบรรเลงเพลง ‘หงส์เกี้ยวหงส์’ ของซือหม่าเซียงหรู ท่วงทำนองสูงต่ำสอดประสานกลมกลืน ทว่าเสียงเพลงที่ควรสื่ออารมณ์หลงใหลใฝ่ฝันดั่งคำร้องว่า ‘พบหญิงหนึ่งงามจับตา ติดตรึงตรายากลืมเลือน เพียงวันเดียวมิเห็นหน้า คะนึงหาจวนเจียนคลั่ง’ อย่างที่ควรจะเป็นแต่เดิมกลับแตกต่างออกไป

พอซูลั่วอวิ๋นเอียงหูตั้งใจฟังกลับรู้สึกว่าเสียงเพลงนี้หนักแน่นทรงพลัง ขาดความเว้าวอนอ่อนช้อย แทนที่จะพูดว่าเป็นบุรุษที่ตกอยู่ในห้วงรักกำลังถวิลหาสตรีในดวงใจ มิสู้บอกว่าเป็นทหารนักรบที่เปิดเผยโผงผางกำลังถือดาบบังคับสตรีให้แต่งงานด้วยแล้วค่อยกลับเข้าค่ายทหารจะเหมาะกว่า

ด้วยเหตุนี้นางจึงหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เซียงเฉ่าถามคุณหนูใหญ่อย่างสนใจใคร่รู้ว่าหัวเราะอะไร นางจึงบอกสิ่งที่ตนคาดเดาในใจแล้วถามขึ้น

“คนดีดพิณอายุเท่าไร รูปโฉมเป็นอย่างไรหรือ”

เซียงเฉ่าชะโงกดูอีกครั้งถึงมองได้ถนัดตา พอนางเห็นอย่างชัดเจนแล้วก็ยกมือทาบอกพลางกระซิบทันที “โอ้ ใต้หล้าถึงกับมีบุรุษหล่อเหลาปานนี้…บ่าวคิดว่าคุณชายลู่เป็นบุรุษรูปงามหาตัวจับยากแล้ว บัดนี้ดูไปแล้วคุณชายลู่ก็แค่นั้นเอง…”

สาวใช้ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเถียนมามาหยิกต้นขา นางร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ จากนั้นถึงรู้ตัวว่าพลั้งปากเอ่ยถึงคุณชายลู่ต่อหน้าคุณหนู

รอยยิ้มบนหน้าซูลั่วอวิ๋นจางลง นางเพียงพูดตัดบทขึ้นว่า “หือ? ข้ายังนึกว่าเป็นพวกทหารนักรบวัยกลางคนเสียอีก ดูไปแล้วข้าคงไม่มีความสามารถในการอ่านคนจากเสียงเสียแล้ว”

จังหวะนี้เองในกลุ่มคนที่มุงดูความครึกครื้นอยู่ข้างรถม้ามีคนจำหน้าคุณชายรูปงามที่ดีดพิณผู้นี้ได้ “นี่คือหานหลินเฟิง เป่ยเจิ้นอ๋องซื่อจื่อมิใช่หรือ เขาวนเวียนดื่มตามหอสุราบนถนนสายนี้จนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว วันนี้มาก่อเรื่องชวนหัวอะไรที่นี่อีกเล่า”

อีกคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ได้ยินว่าเขาเดิมพันกับหย่งอันอ๋องซื่อจื่อว่าผู้แพ้ต้องดีดพิณแลกเงินตรงบริเวณที่ผู้คนพลุกพล่าน เมื่อได้เงินพอจ่ายค่าสุราถึงจะไปได้”

ทุกคนฟังแล้วก็มองไป ด้านหน้าเสื่อที่คุณชายสูงศักดิ์ผู้นั้นนั่งคุกเข่าอยู่วางอ่างสำริดงามวิจิตรใบหนึ่งไว้จริงๆ คงจะใช้แทนขันขอทาน

อ่างใบใหญ่เพียงนี้เห็นได้ชัดว่าค่าสุราที่พวกเขาดื่มกันเป็นเงินไม่น้อย

“น่าเศร้าที่บัดนี้สายเลือดของอดีตฮ่องเต้เว่ยจงกลับมีบุตรหลานรุ่นหลังเช่นนี้ เคราะห์ดีที่ในตอนนั้นฮ่องเต้เว่ยเซวียนได้สืบทอดบัลลังก์ มิฉะนั้นแคว้นต้าเว่ยของพวกเราคงย่อยยับด้วยน้ำมือคุณชายเสเพลพรรค์นี้ไปแล้ว”

คนรอบด้านเห็นพ้องกับวาจานี้ทันที เสียงจุปากอย่างเยาะหยันดังมาเข้าหูไม่ขาดสาย

ดูท่าว่าเป่ยเจิ้นอ๋องซื่อจื่อที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงได้สองปีผู้นี้คงสร้างชื่อเสียงฉาวโฉ่จนเป็นที่เอือมระอาของผู้คนไปแล้ว

 

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน ตุลาคม 2567)

9 of 9หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 66-67

บทที่ 66 ผืนฟ้าเหนือฉางอันมืดลง ม่านราตรีคลี่คลุมอีกครั้ง เสียงย่ำกลองแจ้งเวลาวิกาลลอยมาจากหอกลอง หลังกำแพงสูงตระหง่านขอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 62-63

บทที่ 62 เพียงตวัดตามอง สีหน้าของซู่เซิ่นฮุยก็เคร่งเครียดขึ้นทันที เขาหมุนตัวเดินกลับเข้ามาข้างในแล้วแกะตราครั่งภายใต้แส...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 64-65

บทที่ 64 จวงไท่เฟยหลบร้อนมาพักอยู่บนเขาเซิ่งซานทางตอนเหนือของเมือง วันนี้ซู่เซิ่นฮุยขี่ม้าออกจากที่พักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สา...

community.jamsai.com