ขณะเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง เฉาเพ่ยเอ๋อร์ก็เอ่ยปากว่าอยากกินโจ๊กลูกชิ้นปลาร้อนๆ จากแผงขายริมถนน
หลายวันที่ผ่านมาสตรีนางนี้ดื้อแพ่งไม่ยอมกินอาหารมาตลอดทาง ครั้นได้ยินนางบอกว่าจะกินโจ๊ก เฉาฮูหยินจึงถามว่าหยุดแวะกินได้หรือไม่
ชิ่งหยางกลัวจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน เขาจึงซื้อโจ๊กมาให้พวกนางกิน
ใครจะคาดคิดว่าตอนอยู่ในโรงเตี๊ยมเฉาเพ่ยเอ๋อร์ได้ยาสลบห่อหนึ่งมาจากที่ใดก็สุดรู้ นางเทยาใส่หม้อโจ๊กทั้งหมด จากนั้นก็ตักแบ่งให้หญิงรับใช้สองคนกิน
ชิ่งหยางเล่าถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงด้วยความโมโหโทโส “ไม่รู้ว่านางใส่ยาลงไปเท่าไร ตอนเฉาฮูหยินไปหาบุตรสาว หญิงรับใช้สองคนนั้นก็สลบไสลไม่ได้สติ มีน้ำลายไหลฟูมปากเจียนจะหมดลมอยู่แล้ว แต่ได้สารถีเอาปัสสาวะม้ามากรอกปากให้อาเจียนถึงช่วยชีวิตสองคนนั้นไว้ได้ ส่วนคุณหนูเฉาสบโอกาสหนีออกไปทางหน้าต่างห้องพัก เคราะห์ดีที่ข้าจัดกำลังคนเฝ้าไว้ด้านหลังห้องจึงสกัดเอาไว้ได้”
หานหลินเฟิงขมวดคิ้ว “ในเมื่อสกัดไว้ได้แล้ว เหตุใดนางยังหนีไปได้อีก”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ชิ่งหยางก็แทบสะอื้นไห้ น้ำตาเกือบไหลริน เขารู้สึกว่าตนเองไม่ต่างจากพญาวานรซุนอู้คงในซีโหยวจี้ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคร้อยแปดพันเก้า มีทั้งเทพเซียนบนสวรรค์และภูตผีปีศาจใต้พิภพแห่แหนกันมาก่อกวนไม่หยุด บัดซบจริงๆ!
เขาทำหน้าหดหู่พลางกล่าว “เฉาฮูหยินก็ตามใจบุตรสาวจนเคยตัว อาจเป็นเพราะเห็นคุณหนูเฉาแผลงฤทธิ์ก่อความวุ่นวายเช่นนี้จนนางทนไม่ไหว ถึงกับเปลี่ยนใจปล่อยบุตรสาวไปหาฉิวเจิ้นผู้นั้นแล้ว นางทำทีพูดว่าจะเกลี้ยกล่อมคุณหนูเฉาเอง ข้าก็หลงเชื่อ ใครจะไปคิดว่าขณะที่เฉาฮูหยินอยู่ในห้องกลับช่วยปิดบังให้บุตรสาวกระโดดออกทางหน้าต่างหนีไป และดูเหมือนจะมีคนรอรับนางอยู่ด้านนอกโรงเตี๊ยม ข้าคิดไม่ถึงว่าเฉาฮูหยินจะใช้อุบายนี้ ส่วนข้าก็ยังไม่ได้ส่งคนกลับไปเฝ้าด้านหลังห้อง…นายน้อย ข้าไร้ความสามารถ ท่านจะดุด่าทุบตีอย่างไรก็ได้ขอรับ”
พอหานหลินเฟิงรู้ว่าเฉาเพ่ยเอ๋อร์ไปตรงแม่น้ำแล้วจู่ๆ ก็กระจ่างแจ้งแก่ใจ น่าจะเกี่ยวข้องกับเด็กน้อยสองคนนั้นอย่างหนีไม่พ้น ต้องมีคนส่งข่าวถึงนาง มิหนำซ้ำยังมอบยาสลบห่อนั้นให้ด้วย
ส่วนคนที่ทำให้นางเชื่อฟังคำพูดได้เพียงนี้ นอกจากฉิวเจิ้นคู่หมั้นของนางแล้วก็นึกไม่ออกว่ายังมีใครอื่นอีก
เห็นทีว่าหลังฉิวเจิ้นเสียหน้าที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ย เขาก็กู้หน้าคืนมาได้เพราะเฉาเพ่ยเอ๋อร์แล้ว
ทันทีที่นางกลับไปอยู่ข้างกายฉิวเจิ้น ข่าวลือเรื่องที่ฉิวเจิ้นกับเฉาเซิ่งบาดหมางกันย่อมถูกลบล้างไปเอง
ฉิวเจิ้นสามารถยืมปากของเฉาเพ่ยเอ๋อร์สร้างเรื่องโกหกว่าเฉาเซิ่งล่วงลับไปแล้ว และใช้ฐานะผู้สืบทอดของเฉาเซิ่งเป็นฉากบังหน้าต่อไปได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพื่อหลอกลวงคนทั้งใต้หล้า…
หานหลินเฟิงไม่ได้ตำหนิชิ่งหยาง เพราะมิใช่ว่าพวกเขาทำงานบกพร่อง แต่เฉาฮูหยินจงใจปล่อยบุตรสาวหนีไปเอง เป็นเรื่องที่ยากจะป้องกันได้
“ผู้บัญชาการเฉารู้เรื่องนี้หรือไม่ เขาว่าอย่างไรบ้าง”
ชิ่งหยางกล่าว “ท่านผู้บัญชาการเฉาเกือบขาดใจตายเพราะโกรธภรรยากับบุตรสาวของตนขอรับ หากมิใช่ท่านหมอที่ติดตามไปด้วยฝังเข็มได้ทันท่วงที ถึงเป็นโสมพันปีก็ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ เขาเขียนหนังสือหย่าให้เฉาฮูหยิน ทั้งยังให้นางกลับบ้านเดิมไปเสีย เฉาฮูหยินผู้นั้นเป็นสตรีโง่เขลาเบาปัญญาโดยแท้ นางร้องไห้พลางพูดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของชายหญิง พวกเขาที่เป็นบิดามารดาต่างหากกีดกันคู่ครองดีๆ ของบุตรสาว”
ดูเหมือนว่าสองแม่ลูกอ่านบทละครมากเกินไป ถึงได้รู้สึกว่าฉิวเจิ้นเป็นดั่งนกอินทรีที่หมายสยายปีก แต่เฉาเซิ่งเป็นพวกคร่ำครึ ถึงขัดขวางไม่ให้นกอินทรีตัวนี้ได้สยายปีก
หากเป็นจริงตามที่ฉิวเจิ้นกล่าว เขาจะมิใช่เป็นว่าที่ฮ่องเต้ของราชวงศ์ในอนาคตหรือ ถ้าเช่นนั้นเฉาเพ่ยเอ๋อร์ก็คือฮองเฮาภรรยาที่ช่วยเขายึดครองแผ่นดิน แล้วคนเป็นมารดาจะขัดขวางความมั่งคั่งรุ่งเรืองของบุตรสาวได้อย่างไร