ทดลองอ่าน ออดอ้อน… เพียงเธอ บทที่7-บทที่8 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน ออดอ้อน… เพียงเธอ บทที่7-บทที่8

2 of 2หน้าถัดไป

 

บทที่ 8

ศัตรูคู่แค้น

 

งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์นมผงสูตรใหม่ของแบรนด์ดังที่ภวิลต้องมาควบคุมงานด้วยตัวเองจัดขึ้นในช่วงเย็นของวันเสาร์ ณ กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง

พาขวัญพานักเรียนมาเตรียมตัวตั้งแต่บ่ายเพราะเด็กทั้งสิบชีวิตเพิ่งจะอายุห้าขวบ แต่ละคนยังไม่ชินกับเวทีใหญ่ๆ จะเคยขึ้นแสดงมาบ้างก็แค่ในงานโรงเรียนเท่านั้น ดังนั้นเธออยากให้เด็กๆ ได้มาเตรียมตัว แต่งหน้า ทำผม เปลี่ยนชุด ขึ้นซ้อมบนเวทีจริง และทำสมาธิก่อนขึ้นแสดงเพื่อไม่ให้เด็กๆ ตื่นเวทีจนเกินไป

งานนี้มีผู้ปกครองของเด็กๆ มารอชื่นชมการแสดงของลูกหลานอยู่ด้านหน้าเวทีอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ภวิลเองเมื่อดูความเรียบร้อยของสถานที่ คิวการขึ้นเวที และต้อนรับสื่อมวลชนแล้วก็ไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปดูพาขวัญที่อยู่หลังเวทีด้วย เขาอดเป็นห่วงเธอไม่ได้เหมือนกัน

ชายหนุ่มเคยพูดไว้ว่าอยากเห็นเวลาหญิงสาวทำงานและเขาก็ได้เห็นจนสมใจ…ไม่รู้ว่าเขาหลงใหลในตัวเธอมากเกินไปหรือเปล่า เวลาเห็นเธอทำงานถึงได้รู้สึกชื่นชมเธออย่างบอกไม่ถูก

เด็กๆ วัยห้าขวบเป็นวัยที่กำลังซุกซน อยากเรียนรู้ ตกใจง่าย และไวต่อสิ่งเร้ารอบข้าง แต่พาขวัญก็สามารถดึงความสนใจของเด็กๆ มาไว้ที่เธอได้ ควบคุมเด็กๆ ให้อยู่กันอย่างเป็นระเบียบ ขณะเดียวกันก็ตกลงคิวขึ้นเวทีกับทีมงานได้อย่างมืออาชีพแม้ว่าทางทีมงานจะขอเลื่อนเวลาการแสดงเข้ามาจากที่เคยคุยกันไว้เกือบยี่สิบนาที เวลาเธอคุยกับผู้ใหญ่บุคลิกก็จะเป็นผู้ใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความนุ่มนวลอ่อนหวาน เวลาคุยกับเด็กๆ เธอจะสดใส ดูเป็นพี่สาวใจดี อ่อนโยนจนทำให้เด็กๆ ไม่เกร็ง และยังเป็นธรรมชาติ

สิ่งเหล่านี้อาจฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่ความจริงแล้วมันไม่ง่ายเลย ภวิลเคยต้องคอยกำกับเด็กๆ บนเวทีมาก่อน แค่ให้เด็กเดินบนเวทีไปตามจุดที่มาร์กเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว

เขาเชื่อแล้วว่าคนเราจะทำงานได้ดีและมีความสุขเมื่อได้ทำในสิ่งที่รักและถนัด…ก็คงเหมือนกับเขาที่ถ้าให้สลับงานกับพาขวัญ ไม่ใช่แค่เธอที่จะไม่รอด แต่เขาเองก็อาจจะไม่รอดเหมือนกัน

“พี่ภักดิ์มีอะไรหรือเปล่าคะ”

พาขวัญละสายตาจากเด็กๆ ไปมองภวิลเมื่อรู้สึกว่าถูกใครจ้องมองอยู่และประหม่าเล็กน้อยเมื่อถูกสายตาคมกริบคู่นั้นจับจ้อง นี่เขามาแอบยืนมองเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่แวะมาดูความเรียบร้อย ทุกอย่างโอเคใช่มั้ย” ภวิลตอบด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เป็นงานเป็นการ และไม่มีทางยอมรับว่าเขาตั้งใจมาแอบมองเธอ

“โอเคค่ะ ดีนะคะที่พลีสพาเด็กๆ มาเตรียมตัวก่อน พอถูกเลื่อนเวลาก็เลยไม่มีปัญหาอะไร”

“ผมต้องขอโทษแทนทีมงานด้วย ดาราที่เราขอคิวไปเขาจะมาเลต ผมก็เลยต้องเลื่อนคิวเด็กๆ ขึ้นมาก่อน” ภวิลชี้แจง ทีแรกคิวที่วางไว้จะให้ดาราพรีเซ็นเตอร์เดินโชว์ตัวก่อนแล้วให้เด็กๆ ขึ้นแสดง จากนั้นจะเป็นการพูดคุยกันระหว่างพิธีกรกับดารา แต่พอดารามาช้าเขาก็จำเป็นต้องสลับคิวการแสดง

“ไม่เป็นไรค่ะ พลีสเข้าใจ”

พาขวัญบอกเขาพร้อมรอยยิ้ม การแสดงหรืองานอีเวนต์แบบนี้ต่อให้วางแผนมาดีหรือรัดกุมแค่ไหนก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เสมอ แต่มันอยู่ที่ว่าคนดูแลงานจะควบคุมสถานการณ์และจัดการออกมาได้ดีแค่ไหน เธอเองก็พอมีประสบการณ์มาบ้าง จะไม่เข้าใจความจำเป็นของเขาได้ยังไง

“ใครเหรอคะคุณครู”

“แฟนคุณครูเหรอคะ”

“หนูเห็นพี่เขายืนมองคุณครูนานแล้วค่ะ”

เด็กๆ ที่นั่งรอขึ้นไปแสดงอยู่ด้านหลังเวทีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มเข้ามาคุยกับพาขวัญ แล้วทั้งสองคนก็มีท่าทีเหมือนสนิทสนมกันมาก่อน

“เอ่อ…ไม่ใช่ค่ะ พี่ภักดิ์เขาเป็นคนจ้างทุกคนมาแสดงวันนี้ไง สวัสดีพี่ภักดิ์สิคะ” พาขวัญแก้ตัวและบอกให้เด็กๆ ยกมือไหว้ภวิลกลบเกลื่อนความเขินอายเมื่อถูกทักว่าเป็นคนรักของเขา

“สวัสดีค่าาา” เด็กๆ ยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกัน

“สวัสดีครับ” เขายกมือรับไหว้พร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย จะว่าไปเด็กๆ เหล่านี้ก็ทำให้เขานึกถึงพาขวัญตอนที่ยังเป็นเด็กเหมือนกัน เขาจึงหันไปพูดกับเธอ “เด็กๆ น่ารักดีนะ ฉลาดด้วย”

พาขวัญแทบวางตัวไม่ถูกเมื่อสายตาของภวิลจ้องลึกลงมาในดวงตาเธอ ที่เขาชมว่าลูกศิษย์ของหญิงสาวฉลาดเป็นเพราะเด็กๆ ตั้งคำถามว่าเขากับเธอเป็นแฟนกันใช่หรือเปล่า

ทว่า…พาขวัญยังไม่ทันได้ถามและยังไม่ได้หาคำตอบ ทีมงานที่ควบคุมคิวการแสดงก็เข้ามาบอกว่าอีกสิบนาทีจะให้เด็กๆ ขึ้นไปแสดงแล้ว เธอจึงขอให้ภวิลออกไป ก่อนจะชวนเด็กๆ มาทำสมาธิ

 

การแสดงในวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะมีสะดุดอยู่บ้างตรงที่เด็กบางคนลืมคิวแสดงและเดินผิดบล็อกกิ้ง แต่พาขวัญที่คอยควบคุมเด็กๆ อยู่ด้านหลังคนดูก็ดึงสมาธิเด็กๆ กลับมาได้โดยไม่ทำให้เด็กๆ ตกใจ

การฝึกซ้อมมาอย่างดี บวกกับการแสดงที่นำเสนอธรรมชาติของเด็กๆ ได้อย่างน่ารักและไม่มากไม่น้อยเกินไปทำให้ผู้ชมปรบมือกันเกรียวกราว ผู้ปกครองของเด็กๆ ชื่นชมในความน่ารักของบุตรหลาน และเจ้าของงานก็ประทับใจมากจนขอเบอร์โทรศัพท์ของพาขวัญเอาไว้เผื่อมีงานต่อไปจะได้ติดต่อเธออีก ภวิลจึงแซวว่าเธอต้องให้ค่านายหน้าเขาแล้วที่ทำให้นักเรียนของเธอจะได้รับงานพิเศษเพิ่ม

หลังสิ้นสุดงานอีเวนต์ ภวิลสั่งให้ทีมงานจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเดินเข้ามาหาพาขวัญที่นั่งรออยู่ เขาอดจะรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้เมื่อเห็นว่าเธอมองเขาเหมือนที่เขาคอยมองเธอ

แต่…ทุกความรู้สึกยังถูกเก็บไว้ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบเฉยอยู่เสมอ

“เหนื่อยมั้ย” ภวิลถาม

“พลีสไม่เหนื่อยหรอกค่ะ” พาขวัญยิ้มเมื่อชายหนุ่มถามอย่างห่วงใยทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย “พลีสได้นั่งพักตั้งนานแล้ว พี่ภักดิ์นั่นแหละเหนื่อยมั้ย พลีสเห็นพี่ภักดิ์เดินไปเดินมาไม่หยุดเลย”

“แอบมองผมอยู่ตลอดเลยเหรอ”

“ก็…” พาขวัญชะงักเมื่อถูกย้อนถาม แม้สีหน้าเขาจะเรียบเฉย แต่เธอก็อดเขินอายไม่ได้ หญิงสาวต่อว่าตัวเองในใจที่หลุดปากพูดไปแบบนั้น “พลีสก็จับตามองพี่ภักดิ์แทนคุณพ่อไงคะ เผื่อว่าพี่ภักดิ์จะอู้งาน”

“ครับ” ภวิลรับคำด้วยสายตาที่เหมือนจะบอกว่าเขาไม่เชื่อเด็กปากแข็งอย่างเธอ

“พี่ภักดิ์!” พาขวัญทำตาดุใส่คนตัวสูง ระยะหลังๆ มานี้ผู้ชายหน้านิ่งอย่างภวิลขยันปั่นป่วนเธอ ที่เขากล้าทำคงเพราะมีพิธานคอยให้ท้ายอยู่แน่ๆ น่าหมั่นไส้ที่สุดเลย!

“กลับบ้านกันเลยมั้ย คุณพลีสหิวหรือยัง” ภวิลเปลี่ยนเรื่อง

“กลับเลยก็ดีค่ะ พลีสชักจะหิวแล้วล่ะ”

“ซื้อขนมไปกินบนรถมั้ย ห้างนี้มีร้านขนมหวานอร่อยๆ แบบที่คุณพลีสชอบด้วยนะ”

ภวิลจำได้ว่าตอนเด็กๆ พาขวัญชอบกินขนมกับลูกอมมาก ในกระเป๋าเธอมักจะมีขนมกับลูกอมพกอยู่เสมอ เวลาเธอเดินมาเจอเขานั่งเศร้าหรือนั่งเหงาเพราะคิดถึงพ่อกับแม่อยู่คนเดียว เธอก็จะยื่นขนมให้เขาแทนการปลอบใจ ‘จินหนมๆ’ น่าจะเป็นประโยคที่เธอพูดกับเขาบ่อยที่สุดแล้ว

“ทำไมถึงคิดว่าพลีสจะอยากกินขนมบนรถล่ะคะ พลีสยังไม่หิวขนาดนั้นสักหน่อย”

“ตอนเด็กๆ คุณพลีสชอบกินขนมหวานไม่ใช่เหรอ” ภวิลถามพร้อมกับมองใบหน้าอ่อนหวานไปด้วย “เวลาเดินไปเจอใครนั่งเหงาๆ ก็จะยื่นขนมให้แล้วบอกว่า ‘จินหนมๆ’ ”

พาขวัญทำตาโตเมื่อชายหนุ่มพูดล้อเลียนเรื่องในวัยเยาว์ของเธอด้วยสีหน้านิ่งๆ หญิงสาวไม่คิดไม่ฝันเลยว่าภวิลจะจำรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเธอได้มากขนาดนี้

“นี่แน่ะ! อย่ามาล้อเค้านะ” คนตัวเล็กกำหมัดไปทุบแขนคนตัวโตทำให้เขาต้องจับมือเธอเอาไว้ ถึงภวิลจะพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่เธอรู้ว่าเขาล้อเลียนเธอแน่นอน

และภาพที่ทั้งสองกำลังจับไม้จับมือกันก็ตกอยู่ในสายตาของใครอีกคนที่กำลังแอบมองอยู่ ความสนิทสนมของทั้งคู่ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันทำให้เขาไม่ลังเลที่จะก้าวเข้าไปขัดจังหวะ

“น้องพลีส…”

ราเมศข่มความไม่พอใจไว้แล้วทักทายหญิงสาวด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขาบังเอิญผ่านมาเจอเธอทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเขาจงใจมาที่นี่เพื่อเจอเธอหลังจากเช็กมาอย่างดีแล้วว่าเธอจะมาร่วมงาน

“พี่ราเมศ…เจอกันอีกแล้วนะคะ”

พาขวัญดึงมือออกจากมือของภวิลเบาๆ ซึ่งชายหนุ่มก็ยอมปล่อยแต่โดยดี เธอฝืนยิ้มให้ราเมศตามมารยาทซึ่งเขาก็รับรู้ได้ถึงความห่างเหินที่เธอมอบให้

เทียบกันแล้วเธอคงสนิทกับภวิลมากกว่าเขาซึ่งเป็นคนที่เธอเคยรักทั้งๆ ที่ภวิลก็เป็นแค่ ‘เด็กในบ้าน’ ที่พ่อเธอรับเลี้ยงเอาไว้ด้วยความสงสารเท่านั้น…ไม่มีอะไรคู่ควรกับเธอเลย

“ต้องเรียกว่าดวงสมพงศ์กันแล้วนะ” ราเมศพูดกับหญิงสาวโดยไม่มองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ราวกับไม่อยากมองหน้าภวิลให้หงุดหงิดใจ “เย็นแล้ว เราไปหาอะไรทานกันมั้ย เดี๋ยวพี่เลี้ยงน้องพลีสเอง”

“แต่ว่า…”

“ไปกันสองคนจะได้ไม่ต้องรบกวนคุณภักดิ์” ราเมศพูดแทรกขึ้นเมื่อเห็นเธอลังเลแถมยังมองภวิลเหมือนจะขอคำปรึกษา “ทานข้าวเสร็จเดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งน้องพลีสที่บ้านเอง จะได้ไปไหว้คุณพ่อด้วย”

“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ พลีสบอกคุณพ่อเอาไว้แล้วว่าจะกลับบ้านไปทานอาหารเย็นกับท่าน แล้วพี่ภักดิ์ก็มีธุระต้องเข้าไปคุยกับคุณพ่อด้วย ยังไงเราก็ต้องกลับพร้อมกันอยู่แล้ว” พาขวัญบอกโดยไม่ต้องให้ภวิลเป็นฝ่ายพูดเพราะอาจทำให้ราเมศขุ่นเคืองเขาแล้วมีผลกับการทำงานในอนาคต

เพียงประโยคเดียวของเธอก็ทำให้ราเมศหมดข้อโต้แย้งในทันที เขาจะขอไปทานข้าวด้วยก็ไม่ได้เพราะเธอบอกแล้วว่าภวิลจะเข้าไปคุยธุระ และหากเขาขอตามไปคงจะเสียมารยาท ครั้นจะขอไปส่งก็คงไม่ได้เพราะเธอคงบอกว่าภวิลจะไปที่นั่นอยู่แล้ว เธอกลับกับภวิลก็ได้ จะได้ไม่รบกวนเขา

ราเมศก็อยากจะชื่นชมในไหวพริบของพาขวัญอยู่หรอกนะที่เธอปฏิเสธเขาทางอ้อมได้ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค แต่เขาชื่นชมไม่ลงเพราะเธอกำลังปิดโอกาสไม่ให้เขาได้เริ่มต้นใหม่กับเธอ ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าเธอคงมีใจให้เด็กในบ้านอย่างภวิลอยู่เป็นแน่ เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าเธอจะยอมลดตัวลงไปหาอีกฝ่ายแบบนี้

“งั้นเอาไว้คราวหน้าก็ได้ แต่…น้องพลีสก็อย่าไว้ใจคนบางคนแถวๆ นี้มากนักนะ เห็นเขานิ่งๆ ท่าทางไม่มีอะไร แต่ที่จริงเขาอาจจะเป็นพวกอันธพาลและเลวร้ายกว่าที่น้องพลีสคิดเอาไว้ก็ได้”

เป็นอีกครั้งที่ราเมศมองภวิลด้วยสายตาโกรธแค้นก่อนจะเดินออกไป ทำให้พาขวัญสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเขามากยิ่งขึ้นไปอีก ระหว่างภวิลกับราเมศต้องเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนแน่ๆ สายตาที่ราเมศมองภวิลมันดูเจ็บแค้นมากเกินกว่าจะไม่พอใจที่ภวิลขัดขวางไม่ให้เขาได้ใกล้ชิดเธอ

ถึงกระนั้นพาขวัญก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

 

กระทั่งภวิลกำลังขับรถพาเธอกลับไปที่บ้านวงศ์วรารมย์และระหว่างเธอกับเขาก็เงียบมานานจนหญิงสาวเริ่มรู้สึกอึดอัดใจ

“พลีสถามจริงๆ นะคะ พี่ภักดิ์กับพี่ราเมศเคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อนหรือเปล่าคะ”

หญิงสาวตัดสินใจถามภวิลและครั้งนี้เธอคิดว่าเขาควรจะตอบ เพราะเธอไม่อยากมีอะไรค้างคาในใจเกี่ยวกับตัวเขา ทั้งสองกำลังศึกษาดูใจกัน เธอคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องนี้

“เขาคงไม่ชอบที่ผมใกล้ชิดคุณพลีสเพราะเขาอยากกลับมาคืนดีกับคุณพลีสล่ะมั้ง”

“แล้วเรื่องที่เขาพูดว่าพี่ภักดิ์เป็นอันธพาลอะไรนั่นล่ะคะ”

“คุณพลีสเชื่อเขาเหรอ…ผมคิดว่าคุณพลีสไม่ควรจะฟังหรือให้ราคาคำพูดยุยงของคนที่เคยบอกเลิกคุณพลีส แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็เปลี่ยนใจอยากกลับมาหาคุณพลีสอีกรอบนะ”

“พี่ภักดิ์! พี่ภักดิ์รู้ว่าพี่ราเมศบอกเลิกพลีสด้วยเหรอ”

“ทำไมผมจะไม่รู้ ช่วงนั้นน่ะ เวลาผมกลับไปที่บ้านใครๆ เขาก็พูดกัน”

ภวิลพูดราวกับว่าเขาบังเอิญไปได้ยินคนในบ้านพูดคุยกันเอง แต่ความจริงเขารับรู้เรื่องราวที่เกี่ยวกับเธอมาโดยตลอด แต่…คำพูดแทงใจดำนั้นก็ช่วยให้พาขวัญเงียบไปในทันที

นั่นสิ! เธอจะเชื่อคำพูดของผู้ชายอย่างราเมศไปทำไม

“งานวันนี้คุณพลีสคิดว่าเป็นยังไงบ้าง โอเคหรือเปล่า” ภวิลเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้เรื่องราเมศมาทำให้เสียความรู้สึกทั้งๆ ที่วันนี้บรรยากาศระหว่างเธอกับเขากำลังดีขึ้นแล้ว

“ก็ดีค่ะ” พาขวัญตอบ หญิงสาวกำลังปรับสภาพอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ “เด็กๆ สนุกและมีความสุขกันมาก ผู้ปกครองก็ชื่นชมที่เด็กๆ ทำออกมาได้ดี แล้วเจ้าของงานเขาว่ายังไงบ้างคะ”

“อย่างที่เขาบอกคุณพลีสนั่นแหละ เขาชอบมาก งานหน้าก็อยากให้นักเรียนของคุณพลีสมาแสดงอีก”

“จริงเหรอคะ” พาขวัญถามด้วยรอยยิ้มดีใจราวกับลืมเรื่องราเมศที่เคยทำให้เธออารมณ์เสียไปแล้ว

“ครับ ไว้ถ้ามีงาน ผมจะบอกคุณพลีสอีกที จะว่าไป…คุณพลีสก็เก่งเหมือนกันนะ”

ภวิลชื่นชมหญิงสาวจากใจจริง เขารู้ว่าการจะควบคุมและฝึกสอนให้เด็กๆ ทำการแสดงบนเวทีได้อย่างน่ารัก สวยงาม และยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกอย่างเธอก็ต้องเก่งและมีความสามารถพอตัว ไม่อย่างนั้นผู้ปกครองคงไม่ยอมให้เธอพาเด็กๆ มาแสดงในงานนี้

“พลีสยังไม่ได้เก่งอะไรเท่าไหร่หรอกค่ะ ก็ต้องฝึกไปเรื่อยๆ เหมือนกัน พลีสอาจจะดูไม่เอาไหนเวลาไปที่บริษัทกับพี่ภักดิ์นะคะ แต่เวลาที่พลีสได้ทำงานที่พลีสชอบ พลีสก็พอจะเอาตัวรอดได้นะ”

ภวิลไม่พูดอะไร แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเห็นด้วยกับเธอ ในใจก็นึกชื่นชมที่เธอมีความสามารถ เกิดมาพร้อมกับความเพียบพร้อม แต่เป็นคนถ่อมตัวและยังพร้อมจะรับฟังผู้อื่นเสมอ

“แล้วพี่ภักดิ์ล่ะคะ ชอบอะไร”

“ผมก็คง…ชอบทำงานล่ะมั้ง”

ภวิลตอบราวกับว่าตนเองไม่มีจุดหมายและเขารู้ว่าพาขวัญคงค่อนขอดในใจว่าเขาเหมือนหุ่นยนต์อีกแน่ๆ แต่ความจริงแล้วเขาก็มีเป้าหมายในชีวิตเช่นกัน…ชายหนุ่มชอบและรักที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้พิธานกับเธอพอใจ เพราะความสุขของเธอกับพิธานก็คือความสุขของเขา

ไม่นาน…ภวิลก็ขับรถมาถึงบ้านวงศ์วรารมย์ คืนนี้พิธานออกมายืนรอต้อนรับทั้งสองคนอย่างอารมณ์ดี พอลงจากรถพาขวัญก็ตรงเข้าไปอ้อนบิดาด้วยการกอดและหอมแก้มอย่างที่ทำเป็นประจำ

ภวิลมองภาพนั้นด้วยใบหน้าหล่อเหลานิ่งเรียบ แต่สายตาเปี่ยมสุขเหมือนทุกครั้ง

“ลูกสาวคนนี้อ้อนพ่อเป็นเด็กๆ ไปได้ ไม่อายพี่ภักดิ์เขาบ้างเหรอ”

“อายทำไมคะ พี่ภักดิ์เขาเห็นจนชินแล้วมั้ง”

พิธานหยิกแก้มลูกสาวด้วยความมันเขี้ยวก่อนจะหันไปรับไหว้ภวิล

“วันนี้ภักดิ์อยู่ทานข้าวด้วยกันนะ ฉันให้รุจาเตรียมกับข้าวไว้เผื่อภักดิ์ด้วย”

“ครับ”

“แล้ววันนี้น้องพลีสพาเด็กๆ ไปออกงานเป็นยังไงบ้าง ฮึ?”

พิธานชวนคุยขณะที่ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องทานอาหารพร้อมกัน

“ก็ดีค่ะคุณพ่อ คนดูชอบใจกันใหญ่ ปรบมือกันเกรียวกราวเลยนะคะ เด็กๆ ก็แฮปปี้ ผู้ปกครองของเด็กๆ ก็ประทับใจ เจ้าของงานยังชมเลยว่าเด็กๆ น่ารักมากกก แล้วก็ขอเบอร์พลีสเอาไว้เผื่อว่างานหน้าจะให้เด็กๆ ไปแสดงอีก” พาขวัญพูดเจื้อยแจ้วเสียงใสจนพิธานยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“โม้หรือเปล่าเนี่ยเรา”

“พลีสไม่ได้โม้นะคะ ไม่เชื่อคุณพ่อก็ถามพี่ภักดิ์ดูสิ” พาขวัญรีบหาพยาน

“ครับ” ภวิลรับคำเมื่อพิธานมองมาทางเขา

ทั้งสามคนเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร พิธานนั่งที่หัวโต๊ะ ส่วนภวิลกับพาขวัญนั่งตรงข้ามกันทางซ้ายมือและขวามือของพิธาน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความสงบสุข

“จริงสิ! คืนพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่บ้านนันทิวัฒน์นะ แต่ปีนี้พ่อว่าจะไม่ไป งานนี้น้องพลีสต้องไปกับพี่ภักดิ์เขานะลูก” พิธานพูดขึ้นขณะที่ทั้งสามคนกำลังลงมือทานอาหาร

ประโยคนั้นทำให้พาขวัญชะงักเล็กน้อยก่อนจะมองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่นั่งตรงกันข้าม แต่เขาก็ไม่มีท่าทีใดๆ เรื่องที่จะให้หุ่นยนต์อย่างเขาคัดค้านคนป้อนคำสั่งอย่างพ่อเธอน่ะลืมไปได้เลย

“ทำไมคุณพ่อไม่ไปล่ะคะ ทุกทีคุณพ่อก็ไปออกงานเองไม่ใช่เหรอ”

“ทุกทีพ่อไปกับพี่ภักดิ์ แล้วน้องพลีสก็แทบไม่ค่อยออกงานเลยไง ปีนี้น้องพลีสถึงต้องไปและเริ่มหัดออกงานบ้าง เพราะพ่ออายุมากขึ้นทุกวัน ต่อไปน้องพลีสก็ต้องไปออกงานแทนอยู่แล้ว นี่ไม่ไปทำงานที่บริษัทช่วยพี่ภักดิ์เขาแล้วยังจะปล่อยให้เขาไปออกงานคนเดียวอีกเหรอ” พิธานพูดเสียงดุนิดๆ เพื่อให้เธอเข้าใจว่าเหตุผลหนึ่งในการไปออกงานสังคมเพื่อพบปะกับคนในแวดวงเดียวกันมันเป็น ‘หน้าที่’

“พลีสไม่ได้จะเอาเปรียบพี่ภักดิ์นะคะ แต่คุณพ่อไม่บอกพลีสล่วงหน้าก่อน”

“พ่อก็กำลังบอกอยู่นี่ไง”

“งั้นปีนี้คุณพ่อไปด้วยกันก่อนได้มั้ยคะ ไปด้วยกันสามคนสนุกดีออก”

พิธานยิ้มขำกับความพยายามของลูกสาวที่ชักชวนให้ท่านไปร่วมงานด้วยเหมือนเด็กๆ ชวนเพื่อนไปเที่ยว ท่านรู้ดีว่าข่าวที่หลุดออกมาคงทำให้เธอไม่อยากไปออกงานกับภวิลตามลำพัง

“ไม่ได้หรอก เพราะวันมะรืนพ่อจะไปญี่ปุ่นกับเพื่อน พ่อจะเก็บแรงไปเที่ยวญี่ปุ่น”

“อะไรกันคะ คุณพ่อไม่เห็นบอกพลีสเลยว่าจะไปญี่ปุ่น!” พาขวัญงุนงงสุดขีด ปกติพิธานจะไปเที่ยวที่ไหนหรือไม่กลับบ้านก็มักจะบอกเธอล่วงหน้าเสมอเพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วง “อีกอย่างปีนี้สุขภาพของคุณพ่อก็ไม่ค่อยดีด้วยนะคะ จะไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ไง แล้วไปกับใครบ้างคะเนี่ย”

“ไปกับพวกลุงๆ ที่เคยมากินข้าวที่บ้านเราไง น้องพลีสก็รู้จักดี พวกนั้นเพิ่งชวนพ่อไม่นานนี้เอง คงเห็นว่าพ่ออุดอู้ไม่ได้ออกไปไหนถึงอยากชวนไปเที่ยวตามประสาหนุ่มใหญ่หัวใจเฟี้ยวฟ้าว” พิธานพูดอย่างอารมณ์ดี “แต่น้องพลีสไม่ต้องห่วงพ่อหรอก เราไปกันตั้งหลายคน แต่ละคนยังแข็งแรงกันทั้งนั้น อีกอย่างพ่อก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ยังแข็งแรงดี บางทีไปเที่ยวกลับมาอาจจะแข็งแรงกว่าเดิมก็ได้”

“แต่…คุณพ่อไปงานเลี้ยงกับพลีสก่อนก็ได้นี่คะ”

“พ่อบอกแล้วไงว่าจะเก็บแรงเอาไว้เที่ยว” พิธานยังยืนยันว่ายังไงท่านก็จะให้เธอไปออกงานกับภวิลสองคน “ทำไมเหรอ น้องพลีสไม่กล้าไปออกงานกับพี่ภักดิ์เขาสองคนหรือไง กลัวอะไร ฮึ?”

“พลีสไม่ได้กลัวนะคะ”

พาขวัญรีบปฏิเสธเมื่อถูกถามแทงใจดำ หญิงสาวไม่ได้กลัวภวิล แต่เธอแค่ไม่อยากไปออกงานกับเขาตามลำพังเพราะรู้ว่าพิธานอยากให้เธอควงเขาไปเปิดตัวเพื่อยืนยันข่าวที่ออกมาและท่านคงอยากให้ทั้งสองคนมีเวลาใกล้ชิดกัน…เห็นนิ่งๆ เงียบๆ แบบนี้พ่อเธอมีแผนการเพียบอย่าบอกใครเชียว!

“แล้วน้องพลีสติดขัดอะไรล่ะลูก”

“เปล่าค่ะคุณพ่อ”

ในที่สุดหญิงสาวก็ตอบตกลงที่จะไปงานเลี้ยงดังกล่าว เพราะปฏิเสธไปพิธานก็ต้องหาทางตะล่อมให้เธอไปงานได้อยู่ดี อีกอย่างเธอก็รับปากท่านไปแล้วว่าจะลองศึกษาดูใจกับภวิลอย่างที่ท่านขอ

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว…ลองตามน้ำดูสักตั้งก็แล้วกัน!

 

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com