ทดลองอ่าน ออดอ้อน… เพียงเธอ บทที่9-บทที่10 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน ออดอ้อน… เพียงเธอ บทที่9-บทที่10

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 9

แผนการจับคู่

 

‘พี่ภักดิ์ก็มีธุระต้องเข้าไปคุยกับคุณพ่อด้วย ยังไงเราก็ต้องกลับพร้อมกันอยู่แล้ว’

ราเมศนึกถึงคำพูดของพาขวัญบวกกับท่าทีของเธอในตอนนั้นแล้วรู้สึกหมดสนุกกับการปาร์ตี้ในคืนนี้จนเขาต้องออกจากผับและขับรถกลับบ้านทั้งๆ ที่เพิ่งจะเที่ยงคืนเท่านั้น

พาขวัญใส่ใจความรู้สึกของภวิลมากทั้งๆ ที่ตอนคบหากับเขานั้นเธอแทบจะไม่เคยพูดถึงภวิลด้วยซ้ำ ทำให้เขาเข้าใจว่าต่อให้เธอไม่ได้ดูถูกภวิล แต่อีกฝ่ายก็คงมีสถานะแค่เด็กในบ้านคนหนึ่ง

นี่แสดงว่าเรื่องที่คนลือกันว่าทั้งสองอาจกำลังคบหาดูใจกันคงเป็นเรื่องจริง…

ยิ่งคิดหัวใจของราเมศก็ยิ่งปั่นป่วนร้อนรุ่ม เขาไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนใกล้ชิดพาขวัญ เพราะเขาต้องการกลับเข้าไปในชีวิตเธอ และทำให้เธอกลับมาเป็นคนรักของเขาอีกครั้ง!

ชายหนุ่มยอมรับว่าเรื่องในอดีตเขาเป็นฝ่ายผิดเองที่บอกเลิกพาขวัญ แต่ในตอนนั้นเขายังเด็ก ยังรักสนุก ยังเป็นวัยรุ่นที่คึกคะนอง และยังอยากหาประสบการณ์ชีวิตไปเรื่อยๆ

แรกเริ่มราเมศเห็นว่าพาขวัญน่ารักดี ฐานะและความประพฤติก็เรียบร้อยงดงาม เธอมีผลการเรียนดี เป็นเด็กกิจกรรมจึงเป็นที่รักของครูอาจารย์ เพื่อนร่วมรุ่น และรุ่นพี่รุ่นน้อง

ใช่! พาขวัญโดดเด่นมากจนมีผู้ชายหลายคนในโรงเรียนให้ความสนใจ ราเมศคิดว่าเธอคู่ควรที่จะคบกับเขาเพราะตอนนั้นเขาก็จัดว่าเป็นรุ่นพี่ที่ป็อปปูล่าร์มากที่สุดคนหนึ่ง ชายหนุ่มสร้างสถานการณ์เพื่อเข้าไปทำความรู้จักกับพาขวัญอย่างแนบเนียน เขาคอยดูแลเอาใจใส่เธออย่างเป็นธรรมชาติจนไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ และเขาใช้เวลาประมาณสามเดือนก็สามารถจีบเธอได้สำเร็จ

ความรักครั้งนั้นเป็น ‘ปั๊ปปี้เลิฟ’ ทั้งสองคนคบหากันแบบไม่ลึกซึ้ง เขาเองก็รู้สึกได้ว่าเธอคบกับเขาเพราะเพื่อนเชียร์ เขาแสนดีกับเธอ และใครๆ ในโรงเรียนต่างก็คิดว่าทั้งคู่เหมาะสมกัน

อย่างไรก็ตาม…นี่ไม่ใช่การคบกันเพื่อ ‘สร้างภาพ’ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ พาขวัญน่ารักกับเขามาก แต่เธอขอให้การคบกันเป็นไปในทางที่ถูกที่ควรจนเขาคิดว่าเธอเด็กเกินไป

การคบกับพาขวัญในตอนนั้นมันจืดชืดเกินไปสำหรับเขา…

ราเมศเป็นวัยรุ่นชายธรรมดาๆ เมื่อคบกันเขาก็อยากพัฒนาความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งขึ้นไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายและหัวใจ แต่พาขวัญยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจความรักแบบผู้ใหญ่ สำหรับเธอทุกอย่างต้องผ่านความเห็นชอบจากบิดาเสมอ แม้กระทั่งจะไปดูหนังด้วยกันก็ยังมีคนขับรถตามไป ที่สำคัญราเมศแตะต้องเธอได้มากที่สุดก็แค่หอมแก้มเท่านั้น…ซึ่งตลอดระยะเวลาหกเดือนที่คบกันนั้นเขานับแล้วไม่เกินห้าครั้ง ทำให้เขายิ่งอยากหยุดความสัมพันธ์กับเธอ เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็คุยกับผู้หญิงอื่นไปด้วย

พอจะจบมัธยมปลายราเมศก็บอกพาขวัญว่าการที่ทั้งสองคนเรียนอยู่คนละที่กันทำให้ยากจะเจอกันได้ เขาขอลดสถานะกลับมาเป็นแค่พี่น้องกัน ซึ่งเธอเข้าใจ และทั้งสองก็จบกันด้วยดี

ลึกๆ ราเมศเสียดายเพราะพาขวัญเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขกายสบายใจ แต่เขาคิดว่าตัวเองอายุยังน้อย เขายังอยากหาประสบการณ์ชีวิต และไม่อยากหยุดชีวิตรักไว้แค่นี้

หลังเลิกกันราเมศไม่ได้ติดต่อกับพาขวัญอีกเลย เขาเริ่มต้นความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่แอบคบกันลับหลังเธออย่างเปิดเผย แต่เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้นจู่ๆ คืนหนึ่งภวิลก็มาดักเจอเขาตอนจะขับรถกลับบ้าน หมอนั่นไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตรงเข้ามาต่อยเขาจนบอบช้ำแทบยืนไม่อยู่ ก่อนจะชี้หน้าเขาแล้วบอกว่านี่คือบทลงโทษที่เขาทรยศพาขวัญ พร้อมทั้งขู่เขาว่าอย่าไปยุ่งกับเธออีกถ้าไม่อยากเจ็บตัว

ตอนนั้นราเมศยังเด็ก เขากลัวจะถูกทำร้าย และถูกแฉว่าเป็นฝ่ายนอกใจพาขวัญ เขาจึงไม่กล้าเอาเรื่องภวิลหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธออีกทั้งๆ ที่ครอบครัวเขาก็มีฐานะและมีอิทธิพล

ราเมศยอมปกปิดเรื่องนั้นไว้ ความน่ากลัวของภวิลในคืนนั้นฝังใจเขาอยู่นาน แต่พอเลิกยุ่งเกี่ยวกับพาขวัญแล้วมันก็ค่อยๆ รางเลือนไปจากความทรงจำ

ตลอดหลายปีที่เลิกรากับหญิงสาว ราเมศใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างคุ้มค่า ทั้งเรียน ทั้งปาร์ตี้ ทั้งคบหาผู้หญิงมากหน้าหลายตา และทำกิจกรรมทุกอย่างที่อยากลองทำเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต

แต่น่าแปลก…ที่ภาพของเธอไม่เคยจางหายไปจากใจเขาเลย

ราเมศไม่ได้คิดถึงพาขวัญทุกวัน ไม่ได้คิดถึงเธอบ่อยๆ ไม่ได้กระวนกระวายใจจะไปหาเธอ แต่หลายครั้งที่ใจหวนย้อนไปถึงชีวิตในวัยมัธยมแล้วเขาก็อดอมยิ้มไม่ได้ทุกครั้งที่นึกถึงเธอ

และเมื่อชีวิตเดินมาถึงจุดจุดหนึ่งที่ชายหนุ่มคิดว่าเขาหาประสบการณ์ชีวิตมามากพอแล้ว สนุกมามากพอแล้ว และอยากหยุดชีวิตอยู่กับใครสักคน…เขาก็นึกถึงเธอ

ที่ผ่านมาราเมศยังติดตามชีวิตพาขวัญบ้างเป็นบางครั้ง เข้าไปดูอินสตาแกรมเธอบ้างเป็นบางคราว เพราะถึงแม้จะไม่ได้ฟอลโลว์กัน แต่อินสตาแกรมของเธอไม่ได้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไว้

พาขวัญยังคงเป็นพาขวัญที่ถึงแม้จะงดงามหรือโดดเด่นแค่ไหนเธอก็ยังใช้ชีวิตเรียบง่าย ธรรมดา เป็นธรรมชาติ ไม่ได้พรีเซนต์ชีวิตแบบคนดังหรือว่าเซเลบริตี้เลย และเธอไม่ได้อัพเดตทุกอย่างแบบชีวิตประจำวัน ทว่านานๆ ครั้งจะลงที…ยิ่งเธอเป็นแบบนี้ราเมศก็ยิ่งเสียดายเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก

เอี๊ยดดด!

ชายหนุ่มรีบดึงสติกลับมายังปัจจุบันแล้วเหยียบเบรกรถอย่างกะทันหันเมื่อมีรถยนต์สีดำคันหรูขับสวนมาจอดดักหน้าเขาไว้ในขณะที่เขากำลังเลี้ยวรถเข้าไปในซอยบ้านซึ่งกลางดึกแบบนี้จะเงียบมากและไม่มีใครผ่านไปผ่านมาเลย ราเมศนิ่งงันไปหลายวินาที มือเขาเย็นเฉียบ เขาแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอเมื่อภาพเหตุการณ์ในอดีตเมื่อหลายปีก่อนวิ่งวนกลับมาในความทรงจำ

ตอนนั้นชายหนุ่มจำได้ดีว่าเขาเลือดร้อนจนไร้สติ พอมีคนขับรถมาขวางก็รีบเปิดประตูรถลงไปเพื่อเผชิญหน้ากับคู่กรณีแล้วถูกภวิลซ้อมจนบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว

ปึง!

แต่สุดท้ายราเมศก็ขับไล่ความหวาดกลัวออกจากจิตใจแล้วเปิดประตูรถอย่างไม่หวั่นเกรงอีกต่อไป เหตุการณ์นั้นผ่านมาหลายปีแล้ว และตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่จะสู้แรงภวิลไม่ได้

ที่สำคัญราเมศเรียนรู้ที่จะใช้อำนาจและบารมีให้เกิดประโยชน์จนเขาไม่มีอะไรต้องกลัวภวิลอีกแล้ว หรือต่อให้ภวิลอยากแฉเรื่องราวในอดีต เขาก็หาข้อแก้ตัวกับพาขวัญได้ไม่ยากหรอก

แค่อ้างว่าตอนนั้นเขายังเด็ก…เขาก็หลุดพ้นจากความผิดที่เคยนอกใจเธอแล้ว

หมับ!

“จะกลับมายุ่งกับคุณพลีสอีกทำไม!”

คู่กรณีที่เปิดประตูรถลงมาแทบจะพร้อมๆ กันนั้นพุ่งตรงเข้ามาหาราเมศแล้วกระชากคอเสื้อเขาด้วยความโกรธแค้น แรงกระชากทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก ดวงตาสีฟ้าคมกริบที่เคยมองพาขวัญอย่างอ่อนโยนจ้องมองเขาเหมือนอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือ…ช่างแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน

ภวิลในตอนนี้เหมือนพ่อมดเหมือนปีศาจที่พร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ!

“แล้วทำไมกูจะยุ่งไม่ได้!”

ราเมศกระชากมือภวิลออกแล้วผลักอีกฝ่ายให้ถอยไปจากตัวเขา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องหน้าภวิลกลับไปด้วยความโกรธแค้นไม่ต่างกัน ทั้งสองคนสู้สายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“มึงอย่าคิดนะว่ากูจะกลัวมึงเหมือนเมื่อก่อน” ราเมศเหยียดยิ้มอย่างเหนือกว่าขณะตะคอกเสียงดังลั่น “มึงคิดเหรอว่ามาดักทำร้ายกูแบบนี้แล้วกูจะไม่กล้าเข้าใกล้น้องพลีสอีก…มึงคิดผิดแล้ว!”

“มึงทิ้งคุณพลีสไปเอง มึงทำให้คุณพลีสเสียใจ แล้วมึงจะมายุ่งกับเธอทำไม!” ภวิลตะคอกกลับไปด้วยความโกรธจัด หากเป็นเมื่อก่อนที่เขายังเลือดร้อน เขาคงอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนราเมศอีกรอบ

ภวิลไม่ได้โกรธที่ราเมศจะกลับมาแย่งพาขวัญไปจากเขา แต่เขาโกรธที่อีกฝ่ายทำสันดานแย่ๆ ใส่ผู้หญิงที่เขารักและเทิดทูนมาตลอด…ที่ผ่านมาภวิลอาจทำเหมือนชีวิตเขาไม่ได้เกี่ยวข้องหรือใกล้ชิดกับพาขวัญ ทว่าเขาเฝ้ามองความเป็นไปของเธอมาตลอด เขารับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ

เขารู้ว่าในแต่ละวันเธอทำอะไร ที่ไหน อยู่กับใคร และใครทำให้เธอร้องไห้หรือเสียใจบ้าง

ภวิลทำใจยอมรับได้เสมอหากพาขวัญจะคบกับใครหรือรักใคร เพราะชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรักเธอหรือเป็นเจ้าของเธอ ดังนั้นเมื่อเห็นเธอมีความสุขที่ได้รักใครสักคน เขาก็มีความสุขด้วย แต่ราเมศ…กลับทำร้ายดวงใจของเขาทั้งๆ ที่เธอไม่มีความผิดอะไรและดีกับอีกฝ่ายมาโดยตลอด

หากทั้งสองเลิกรากันเพราะความรักเดินต่อไปไม่ได้ ภวิลจะไม่ว่าอะไรสักคำ แต่เขารู้ว่าราเมศแอบคบและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงคนอื่นก่อนที่จะเลิกกับพาขวัญเสียอีก

ภวิลไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เธอเสียใจและไม่อยากให้จิตใจเธอต้องแปดเปื้อน ดังนั้นเขาจะสั่งสอนราเมศแทนเธอเอง…ใครที่มันบังอาจทำให้เธอเสียใจ เขาไม่เอามันไว้แน่!

“มันเป็นเรื่องของกูกับน้องพลีส คนนอกอย่างมึงไม่ต้องมาเสือก อย่าคิดนะว่าจะเอาเรื่องในอดีตของกูไปแฉให้น้องพลีสฟัง เพราะถ้ากูแฉเรื่องของมึงกลับบ้าง…กูว่ามึงน่าจะเดือดร้อนกว่ากู”

ราเมศหัวเราะหึในคออย่างสะใจ

“ต่อหน้าน้องพลีสก็ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแสนดี แต่ลับหลังเธอ…มึงมันยิ่งกว่าพวกอันธพาลซะอีก มึงคิดเหรอว่าคนอย่างน้องพลีสจะยอมรับผู้ชายสองหน้าอย่างมึงได้!”

หากไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับด้านเลวร้ายของภวิลด้วยตนเองมาก่อน ราเมศก็คงไม่เชื่อเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ ที่สำคัญ…หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับตัวเองราเมศก็ได้รู้ว่ายังมีผู้ชายอีกหลายคนที่เคยล่วงเกินพาขวัญ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ล้วนแล้วแต่ถูกภวิลดักทำร้ายทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นพวกที่เคยลวนลาม พูดจาหยาบคายใส่ และในกรณีอย่างเขา!

ราเมศอดคิดไม่ได้ว่าภวิลบ้ามากที่ทำอะไรแบบนี้จนเหมือนเป็นพวกสองบุคลิก ต่อหน้าพาขวัญทำตัวเหมือนเจ้าชายแสนดี แต่ลับหลังเธอกลับทำตัวเหมือนอันธพาลที่ชอบใช้กำลัง

“น้องพลีสแสนดีขนาดนั้น…คงไม่อยากลงเอยกับพวกโรคจิตอย่างมึงหรอก ต่อให้มึงจะทำเพื่อปกป้องน้องพลีส แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดเลิกกัน น้องพลีสคงอดคิดไม่ได้ว่ามึงอาจจะทำร้ายทุบตีเธอ”

“มึงอยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เพราะกูไม่กลัว” ภวิลตอบกลับด้วยสายตาเกรี้ยวกราดไม่เปลี่ยนแปลง “คนอย่างกูไม่มีอะไรจะเสีย และมึงก็รู้ว่ากูยอมได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องคุณพลีส…ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบวันนั้นอีก มึงก็อย่ามาทำให้คุณพลีสเสียใจ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน!”

ภวิลทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถ เขาถอยรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งราเมศไว้เพียงลำพังกับคำขู่ที่ยังดังก้องอยู่ในหู…หากเป็นเมื่อหลายปีก่อนราเมศคงจะหวาดกลัว แต่ตอนนี้เขาไม่กลัวอะไรอีกแล้ว และไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะทวงหัวใจของพาขวัญกลับมาให้ได้!

 

วันนี้บนหน้าข่าวสังคมมีนักข่าวเขียนแซวว่าหนุ่มในฝันที่สาวๆ จับตามองอย่างภวิลอาจกำลังคบหาดูใจอยู่กับคนใกล้ตัว ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพาขวัญนั่นเอง ในข่าวอาจจะยังไม่ได้ฟันธงว่าเธอกับเขาคบหากันจริง แต่ก็ชี้ให้ประชาชนจับตามองความสัมพันธ์ของทั้งคู่

พาขวัญอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังข่าวนี้คงจะเป็นบิดาของเธอ เพราะหญิงสาวไม่ค่อยออกงานสังคมเท่าไหร่ ไม่ใช่คนดังขนาดที่นักข่าวจะเขียนถึง ส่วนภวิลเป็นคนดังก็จริง แต่เธอกับเขาก็เพิ่งเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันไม่นาน ยังไม่น่าจะมีคนรับรู้มากมายจนดังไปถึงหูนักข่าว

พาขวัญแอบคิดว่าที่พิธานต้องปล่อยข่าวเองเพราะท่านคงไม่อยากให้ใครเข้ามาสานความสัมพันธ์กับเธอและภวิลในระหว่างนี้ แล้วก่อนหน้านี้ท่านยังขอให้เธอกับภวิลไปงานเลี้ยงด้วยกันอีก มันยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าท่านต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอกับเขากำลังดูใจกันอยู่

คุณพ่อนะคุณพ่อ…

พาขวัญได้แต่หมั่นไส้คนเงียบๆ แต่แผนการเพียบอย่างพิธาน แต่เธอก็ไม่ได้ขัดใจท่านเพราะตัวเองดันรับปากกับท่านไปแล้วว่าจะลองศึกษาดูใจกับภวิล ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ เพราะตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงเธอคงถูกใครต่อใครจับตามองจนเกินเหตุเป็นแน่

คืนนั้นภวิลขับรถมารับหญิงสาวที่บ้านวงศ์วรารมย์ เขาอยู่ในชุดสูทสีกรมท่าที่ดูค่อนข้างเป็นทางการมากกว่าเวลาไปทำงาน เพราะตอนไปบริษัทบางวันก็ใส่กางเกงยีน เสื้อยืด แล้วทับด้วยเสื้อสูทเพื่อไม่ให้ดูเป็นกันเองจนเกินไป พาขวัญยอมรับว่าเวลาที่ภวิลอยู่ในชุดสูท เขาดูดีราวกับเจ้าชาย…ไม่รู้ว่าด้วยหน้าตาหล่อเหลาที่ค่อนไปทางตะวันตก รูปร่างสูงใหญ่โดดเด่น หรือว่าบุคลิกที่สง่างามของเขากันแน่ที่ทำให้เธอรู้สึกเช่นนั้น แต่โดยรวมแล้วเธอคิดว่าไม่มีคำไหนจะบรรยายภาพเขาได้ชัดเจนมากกว่าคำนี้อีกแล้ว

“คุณพลีสโอเคใช่มั้ย”

ภวิลถามเมื่อเห็นร่างบางเดินลงมาหาเขาซึ่งกำลังนั่งรออยู่ในห้องรับแขกกับพิธาน เธอสวมชุดราตรีเปิดไหล่สีพีชอ่อนๆ กระโปรงฟองฟูข้างหน้าสั้นแต่ข้างหลังยาวเป็นระบาย หญิงสาวแต่งหน้าอย่างพอดิบพอดี ผมสีน้ำตาลยาวสลวยที่เขาเห็นจนชินตาถูกดัดเป็นลอนอ่อนๆ ส่งให้เธอยิ่งดูน่าทะนุถนอมและงดงามอ่อนหวานจนเขาแทบไม่อาจละสายตา แต่เขาอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะรองเท้าส้นสูงของเธอ

ปกติพาขวัญมักจะสวมรองเท้าส้นสูงอยู่แล้วเพราะเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก แต่วันนี้ภวิลสังเกตได้ว่าส้นรองเท้าของเธอมันสูงกว่าทุกวัน จากปกติแค่สามถึงสี่นิ้ว แต่วันนี้…น่าจะหกนิ้วเห็นจะได้

“ทำไมเหรอคะ”

พาขวัญย้อนถามด้วยสีหน้าพร้อมปะทะคารม เธอคิดว่าภวิลจะตำหนิเรื่องเสื้อผ้าอีก ชุดนี้พิธานช่วยเธอเลือก ถ้าเขาตำหนิแม้แต่คำเดียวล่ะก็…เธอจะบอกให้เขาไปเคลียร์กับพ่อเธอ

“พี่ภักดิ์เขาคงเป็นห่วงว่าน้องพลีสจะเดินลำบาก” พิธานออกปากแทนว่าที่ลูกเขย

“ไม่ลำบากหรอกค่ะ พลีสใส่รองเท้าส้นสูงจนชินแล้ว” พาขวัญตอบเพื่อไม่ให้สองหนุ่มต่างวัยเป็นกังวลกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ แม้ลึกๆ จะนึกหวั่นใจอยู่ว่าเธอจะรอดกลับมาไหม

ปกติหญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงก็จริง แต่แค่สามถึงสี่นิ้ว ประเภทสูงหกนิ้วขึ้นไปนานๆ จะใส่สักที แต่…คืนนี้จะไม่ใส่คงไม่ได้เพราะเธอต้องไปออกงานกับผู้ชายที่สูงไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรอย่างภวิล เธอจะไม่คิดมากอะไรหรอกหากเธอไม่ได้สูงแค่เกือบหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร

ถ้าขืนใส่ส้นเตี้ยเดินกับเขา…เธอก็กลายเป็น ‘คนแคระ’ พอดีน่ะสิ!

“งั้นก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย”

พิธานเดินโอบไหล่ลูกสาวไปส่งที่รถก่อนจะฝากฝังให้ภวิลดูแลพาขวัญดีๆ ชายหนุ่มเปิดประตูรถให้เธอ ช่วยจัดชายกระโปรงที่หล่นออกมานอกรถ แล้วปิดประตูให้อย่างนุ่มนวลสมกับที่พิธานฝากฝังให้ช่วยดูแลจนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาดูแลเธอดีกว่านี้ เธอคงจะเป็นง่อยเข้าสักวัน

 

ระหว่างทางทั้งสองคนไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน กระทั่งภวิลขับรถมาถึงคฤหาสน์หลังงามซึ่งเป็นสถานที่จัดงานฉลองครบรอบเปิดบริษัทนันทิวัฒน์ซึ่งเป็นครอบครัวของจิณณพัตนั่นเอง

ปกติพิธานจะมางานกับภวิลเพราะต้องพาเขามาทำความรู้จักกับนักธุรกิจและผู้ใหญ่ในวงสังคม ส่วนพาขวัญนั้นนานๆ จะออกงานทีเพราะเธอไม่ชอบออกงานสังคมสักเท่าไหร่ พิธานจึงไม่อยากบังคับ ตัวภวิลเองก็ไม่ได้ชอบนักหรอก แต่เขาเข้าใจว่ามันจำเป็นสำหรับการทำงาน

ชายหนุ่มไม่เคยอิดออดหรือปฏิเสธเวลาที่พิธานบอกให้เขาไปงานสังคม เพราะเขาถือว่ามันคือการทำงานอย่างหนึ่งและเขาก็ทำได้ดีเสมอจนพิธานไม่เคยเป็นห่วงเขาเรื่องเข้าสังคมเลย

คฤหาสน์โอ่อ่ามีแขกเหรื่อแต่งตัวสวยงามมาร่วมงานมากมาย ส่วนใหญ่งานนี้จะมีแต่ผู้ใหญ่ในวงสังคม ถึงกระนั้นก็ยังมีคนหนุ่มสาวมาร่วมอยู่บ้าง ปีที่แล้วพิธานมางานคนเดียวเพราะภวิลต้องไปดูงานที่โรงแรมในเชียงใหม่ ส่วนพาขวัญนั้นอ้างว่ามีสอนตอนเช้าจึงขอไม่มาร่วมงานด้วย

“ถ้าไม่ไหวก็บอกผมนะ”

ภวิลย้ำขณะมองรองเท้าของคนที่กำลังก้าวลงจากรถหลังจากที่เขาเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ พาขวัญยืนทรงตัวบนรองเท้าส้นสูงหกนิ้วอย่างชำนาญ แต่เขาก็ไม่วายเป็นห่วงอยู่ดี

“พี่ภักดิ์ทำให้พลีสลำบากเวลาต้องเดินข้างๆ พี่ภักดิ์”

ร่างบางมองคนตัวสูงด้วยสายตาต่อว่าเล็กๆ ตอนที่อยู่ต่อหน้าพิธานเธอไม่กล้าค่อนขอดเขาเพราะท่านถือหางเขาตลอดเวลา แต่…อยู่ด้วยกันตามลำพังเมื่อไหร่ก็ของอแงสักนิดหนึ่งเถอะ!

“เวลาเดินข้างพี่ภักดิ์ทีไร พลีสรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ต้องใส่รองเท้าส้นสูงทุกที” เธออธิบายเมื่อชายหนุ่มเลิกคิ้วมองเธออย่างไม่เข้าใจ “ไม่งั้นพลีสจะดูเป็นคนแคระ”

“ส่วนสูงอย่างคุณพลีสเดินกับผู้ชายคนไหนก็เป็นคนแคระทั้งนั้นแหละ”

“ไม่จริง! ความสูงของพลีสคือมาตรฐานของผู้หญิงไทยนะคะ”

“แต่ถ้าคุณพลีสไม่อยากสวมส้นสูงและไม่อยากเป็นคนแคระ…ผมอุ้มคุณพลีสก็ได้นะ”

“ไม่ล่ะ พลีสใส่รองเท้าส้นสูงหกนิ้วตลอดคืนซะยังจะดีกว่า!”

ว่าจบพาขวัญก็เดินนำเข้าไปในงาน ภวิลจึงรีบก้าวตามมาเพื่อไม่ให้ทิ้งระยะห่างกันเกินไปจนเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน หญิงสาวอาจไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ จนผิดปกติ แต่เธอก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงแปลกๆ ที่เขาอาสาจะอุ้มเธออย่างนั้น เธอรู้ว่าเขาอาจพูดเล่น แต่…ปกติเขาไม่พูดเล่นกับเธอแบบนี้นี่นา

ทั้งสองเดินเข้าไปในงานก่อนจะควงกันไปมอบของขวัญให้กับประมุขของบ้านนันทิวัฒน์และแสดงความยินดีกับความสำเร็จของบริษัท ท่านมีท่าทีแปลกใจที่เห็นเธอกับเขามาด้วยกันแล้วถามถึงพิธานด้วยความห่วงใย จากนั้นก็พูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนจะเชิญทั้งคู่เข้าไปในงาน

“เวลาพี่ภักดิ์ไปออกงานกับคุณพ่อมีผู้หญิงจ้องพี่ภักดิ์ตาเป็นมันตลอดเลยเหรอคะ”

หญิงสาวถามหลังจากเดินเข้างานได้สักพักแล้วรู้สึกว่าตนเองตกเป็นเป้าสายตาจนอึดอัด ไม่รู้เพราะข่าวซุบซิบที่ออกมาก่อนหน้านี้หรือเพราะเธอควงมากับผู้ชายที่ดูดีมากที่สุดคนหนึ่งกันแน่ พาขวัญรู้ว่าภวิลคงมีสาวๆ ให้ความสนใจไม่น้อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมากจนใครๆ ก็มองเหลียวหลัง

“ผมไม่ค่อยได้สังเกต บางทีอาจต้องบอกว่าผมชินแล้วมากกว่า”

“หล่อจนน่าหมั่นไส้จังเลย” หญิงสาวประชดเมื่อภวิลตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องปกติ “รู้ตัวมั้ยว่าการมางานกับพี่ภักดิ์ทำให้พลีสอึดอัดเหมือนถูกจับตามองตลอดเวลา”

“มีเรื่องอะไรที่คุณท่านพอใจในตัวผมแล้วคุณพลีสยังไม่ค่อนขอดผมอีกบ้าง” ภวิลก้มมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เขายังพูดด้วยสีหน้าที่ไม่บอกอารมณ์ “ทั้งเรื่องความสามารถ รูปร่างของผม ส่วนสูงของผม และหน้าตาของผม…ผมเพิ่งรู้นะว่าความสมบูรณ์แบบเป็นความผิดมากขนาดนี้”

ต้องมั่นหน้าเบอร์ไหนถึงกล้าพูดได้ว่าตัวเองเป็นคนสมบูรณ์แบบ!

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com