ทดลองอ่าน ออดอ้อน… เพียงเธอ บทที่9-บทที่10 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน ออดอ้อน… เพียงเธอ บทที่9-บทที่10

2 of 2หน้าถัดไป

 

บทที่ 10

ปกป้อง

 

พาขวัญอยากจะกลอกตามองบนใส่ภวิลเสียเหลือเกิน เธอไม่แน่ใจว่าการที่เขาพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ หรือการที่เขาใส่อารมณ์ชื่นชมตัวเอง อย่างไหนมันจะน่าหมั่นไส้กว่ากัน แต่เขาทำให้เธอหมั่นไส้จริงๆ

ทว่า…หญิงสาวก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาพูดความจริง!

จะว่าไปแล้วภวิลก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบอวดอ้างตัวเองหรือคุยโม้โอ้อวด เขาค่อนข้างถ่อมตัวเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดมันคงเป็นความจริงที่เขาได้รับฟังจากคนรอบข้างตลอดมา

ด้านภวิลคิดในใจว่าไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ได้รับความสนใจ แต่พาขวัญเองก็เช่นกัน อาจเพราะเธอไม่ค่อยได้ออกงานสังคมเท่าไหร่ พอออกงานทีก็งดงามโดดเด่นขนาดนี้ย่อมจะได้รับความสนใจจากหนุ่มๆ ในงานเป็นธรรมดา นี่ยังดีที่ครอบครัวของราเมศไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวนันทิวัฒน์จึงไม่ได้ถูกเชิญมางานนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ยอมอยู่ห่างจากพาขวัญและไม่ยอมให้เธอคลาดสายตา

หากเป็นเมื่อก่อนภวิลอาจจะทำใจได้ถ้าหญิงสาวไปใกล้ชิดผู้ชายคนอื่นหรือมีคนรักอย่างราเมศ แต่ในตอนนี้…ทั้งสองกำลังคบหาดูใจกัน แล้วภวิลก็คิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะหึงหรือหวงเธอ

“เฮ้ย! ภักดิ์!”

ในตอนนั้นเอง…อิชยะที่ควงคู่มากับแก้วเกล้าและกำลังยืนคุยกับผู้ใหญ่อยู่อีกทางหนึ่งหันมาเจอภวิลเข้าก็ส่งเสียงทักทาย ผู้บริหารหนุ่มหันไปพูดกับคู่สนทนาอีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาหา

ภวิลทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกก่อนจะกลอกตามองบนเหมือนไม่อยากจะเจอหน้าเพื่อนสนิท ซึ่งพาขวัญอดแปลกใจไม่ได้ว่าเพราะอะไร ที่สำคัญมีน้อยครั้งมากที่เขาจะแสดงสีหน้าแบบนี้

“จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ”

อิชยะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน เขายิ้มทักพาขวัญก่อนที่เธอจะยิ้มตอบ ว่าไปแล้วเธอกับเขาก็เคยเจอกันผ่านๆ ในงานสังคมมาบ้าง แต่ยังไม่เคยพูดคุยหรือทักทายกันอย่างเป็นทางการเลย

“นายอิชย์ เป็นเพื่อนผมครับ ส่วนเกล้าเป็นแฟนของนายอิชย์” ภวิลแนะนำอิชยะกับแก้วเกล้าให้พาขวัญรู้จัก ก่อนจะแนะนำเธอให้ทั้งสองคนรู้จักบ้าง “และนี่คุณพลีส ลูกสาวของคุณพิธาน”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

“ยินดีเช่นกันค่ะ”

พาขวัญยิ้มให้อิชยะและแก้วเกล้าซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มเป็นมิตรตอบกลับมา เธอคิดว่าอิชยะกับคนรักของเขาดูเหมาะสมกันมากทีเดียว นอกจากจะเป็นสาวสวยกับหนุ่มหล่อแล้ว…ทั้งคู่ยังมีบุคลิกบางอย่างที่คล้ายกัน อย่างน้อยๆ ก็ความเป็นผู้นำ ความเซ็กซี่ และมีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย

“ไม่คิดเลยนะครับว่าจะได้เห็นคุณพลีสมางานกับนายภักดิ์สองคน” อิชยะชวนคุย

หากพาขวัญสังเกตดีๆ เธอจะเห็นว่าประโยคนั้นทำให้ภวิลมองเพื่อนสนิทเหมือนอยากจะเข้าไปบีบคอ นี่คือเหตุผลที่เขาไม่อยากเจออิชยะกับแก้วเกล้าเวลาอยู่ต่อหน้าพาขวัญ

เขารู้ไงล่ะว่าทั้งสองคนต้องแซวเขาแน่ๆ…ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม!

“อ้อ พอดีคุณพ่อไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ท่านก็เลยให้พลีสมางานกับพี่ภักดิ์แทน” พาขวัญตอบยิ้มๆ เธอยังคงไม่รู้ว่าอิชยะกับแก้วเกล้าล่วงรู้ความในใจของภวิลมากกว่าเธอเสียอีก

คำถามของอิชยะไม่ได้ถามไปเรื่อยเปื่อย แต่ตั้งใจถามเพราะอยากแซวภวิลที่ได้ควงคนที่รอคอยมาออกงานตามลำพังเป็นครั้งแรก อิชยะไม่แปลกใจเลยที่วันนี้เพื่อนเขาแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษ

“พลีสเห็นข่าวที่เขียนแซวว่าคุณอิชย์กับคุณเกล้าจะแต่งงานกันแล้ว ยินดีด้วยนะคะ” พาขวัญแสดงความยินดีจากใจ แม้จะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ

“ขอบคุณครับ แต่กว่าผมจะทำให้เจ้าสาวตกลงปลงใจได้นี่ไม่ง่ายเลย”

“ช่วยไม่ได้นี่คะ คุณสร้างเรื่องเอาไว้เยอะเอง”

“โธ่…ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เกเรแล้วนี่นา” อิชยะทำหน้าโอดครวญก่อนจะเอื้อมมือไปโอบเอวบางของว่าที่ภรรยา การกระทำของเขาเรียกรอยยิ้มจากแก้วเกล้าและพาขวัญได้เป็นอย่างดี

“ไม่รู้ว่าตอนตัดเค้กมือใครจะอยู่บนอยู่ล่างนะคะเนี่ย” พาขวัญแซวคู่รักบ้าง

“ไม่ต้องรอถึงตอนตัดเค้กก็รู้แล้วครับ” อิชยะหัวเราะ

ชายหนุ่มไม่เคยอายเลยที่จะยอมรับว่าตัวเองรักแก้วเกล้าจนสามารถยอมให้เธอได้ทุกอย่าง ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีความเป็นผู้นำ เป็นที่พึ่งพา คอยปกป้อง และดูแลคนรักได้อย่างดีที่สุด

ทั้งสี่คนคุยกันอย่างถูกคออีกหลายนาทีก่อนที่แก้วเกล้าจะสะกิดอิชยะเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าควรให้ภวิลได้มีโอกาสพูดคุยและดูแลพาขวัญเป็นการส่วนตัวเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์บ้าง ทั้งสองคนจึงขอตัวไปทักทายแขกท่านอื่นๆ ในงาน พอสองคนนั้นผละออกไป ระหว่างภวิลกับพาขวัญก็เงียบลงทันที

“คุณพลีสหิวมั้ย” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน

“ก็…นิดหน่อยค่ะ” เธอฝืนยิ้มให้เขา

“งั้นคุณพลีสรอผมตรงนี้นะ เดี๋ยวผมไปตักอะไรมาให้ทาน”

“ขอบคุณค่ะพี่ภักดิ์”

ภวิลไม่ถามหญิงสาวต่อว่าเธออยากทานอะไรและชอบดื่มอะไรเพราะนั่นเป็นข้อมูลที่เขารู้อยู่แล้ว ส่วนพาขวัญก็ยังคงไม่รู้หรอกว่าภวิลรู้ข้อมูลเหล่านี้ เธอไม่ได้เจาะจงบอกเขาว่าจะเอานั่นเอานี่เพราะไม่อยากทำตัวเรื่องมาก แค่เขาอาสาจะไปตักมาให้ก็ถือว่าเขาใจดีกับเธอมากแล้ว

งานเลี้ยงคืนนี้เป็นปาร์ตี้แบบค็อกเทล พาขวัญมองตามภวิลที่เดินหยิบอาหารมาให้เธอแล้วอดยิ้มไม่ได้ เธอไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงทั้งงานจะแอบมองเขา เพราะเขาดูดีในทุกอิริยาบถจริงๆ

เอ๊ะ! นี่เราจะชื่นชมพี่ภักดิ์เกินไปแล้วนะ

ร่างบางรีบดึงสติตัวเองกลับมาแล้วหุบยิ้ม เธอเคยค่อนขอดพิธานว่าท่าน ‘อวย’ ภวิลมากเกินไป เธอก็ไม่ควรกลืนน้ำลายตัวเองและเดินตามรอยท่าน…แม้ว่าเธอจะแอบอวยเขาในใจก็เถอะ

“ยายพลีส! จะมางานนี้ทำไมไม่บอก” วาสิตาเดินเข้ามาทักทายด้วยความแปลกใจและยินดีที่ได้เจอเพื่อน พาขวัญจึงยิ้มตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มยินดีเช่นกัน

“ฉันยังไม่แน่ใจนี่นาว่าสุดท้ายจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า” พาขวัญตอบ “โห! แกนี่แซ่บไม่เปลี่ยนเลยนะ ไม่ใส่สีแดงแล้วไม่มีแรงเดินหรือไงกันยะ แต่ว่าชุดนี้ก็เข้ากับแกมากเลย สวยที่สุด”

“อ่ะ อวยกันเองก็ได้เนอะ” วาสิตาหัวเราะ

หญิงสาวไม่ปฏิเสธว่าวันนี้ตั้งใจแต่งตัวให้สวยเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะเธออยากจะเป็นจุดเด่นจนใครต่อใครสนใจหรอก เธอแค่จำเป็นต้องแต่งตัวให้ ‘เด็ด’ เพื่อให้ใครบางคนสนใจต่างหาก ผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆ อย่างเธอเจอชุดราตรีสีแดงเบอร์กันดีสุดเปรี้ยวแบบนี้…ถ้าเขาไม่สนใจก็เกินไปแล้ว

“ว่าแต่คืนนี้แกควงมากับพี่ภักดิ์สองคนเหรอ”

“ก็…”

พาขวัญเสียงสูงขึ้นมาทันทีเมื่อถูกเพื่อนสนิทจ้องด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ คิดแล้วเธอไม่น่าบอกเรื่องที่พิธานอยากให้เธอลงเอยกับภวิลให้วาสิตาฟัง ดูสิ! เพื่อนเธอคอยจับตามองตลอดเลย

“พ่อฉันไม่ค่อยสบายน่ะ ท่านก็เลยให้ฉันมางานกับพี่ภักดิ์สองคน”

“ฉันนึกว่าจะมาเปิดตัวซะอีก เห็นเมื่อวานนี้มีข่าวซุบซิบหลุดออกมา”

“เปิดตัวอะไรกันเล่า นี่แกอย่าจับผิดฉันนักเลยน่า”

“ฉันไม่ได้จับผิดสักหน่อย ฉันเชียร์ต่างหาก” วาสิตาบอกด้วยสีหน้าจริงจังสุดชีวิต “ยิ่งเห็นแกควงพี่ภักดิ์ มาออกงาน ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าแกกับเขาเคมีเข้ากันได้แบบดีงามมากกก”

“ไม่ใช่เพราะอยากให้ยายแพรวโมโหเหรอ” พาขวัญเหล่เพื่อนอย่างรู้ทัน

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง” วาสิตาหัวเราะ “ว่าแต่พี่ภักดิ์ไปไหนซะล่ะ ทำไมทิ้งแกไว้คนเดียว”

“ไปหาของกินให้ฉันอยู่โน่น” คนหิวพยักพเยิดหน้าไปทางภวิล

“แสนดีอ่ะแก คนอะไรดีขนาดนี้ นี่ถ้าแกไม่เอาเขา ฉันจะจีบแล้วนะ” วาสิตาทำสายตาเพ้อฝัน แต่พาขวัญรู้ว่าเพื่อนก็บิลด์เธอไปอย่างนั้น หากวาสิตาจะจีบภวิลก็คงจีบไปนานแล้ว “ว่าแต่…นั่นใครอ่ะ”

ทั้งสองสาวต่างเพ่งมองไปที่เป้าหมายซึ่งก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาคุยกับภวิลตอนเขากำลังจะเดินกลับมาหาพาขวัญจนเขาต้องหยุดคุยกับหล่อนอย่างเสียมิได้

มองไกลๆ ทั้งวาสิตาและพาขวัญยังรู้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นดูดีมาก…

“อ้อ! นั่นมันคุณ ‘นันทิตา’ นี่นา” วาสิตาพูดขึ้นหลังจากมองเป้าหมายและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แล้วนางเป็นอะไรกับพี่ภักดิ์ของแก ทำไมต้องตรงเข้ามาทักด้วยท่าทีสนิทสนมเบอร์นั้นด้วย”

พาขวัญไม่รู้จะพูดอะไรเพราะไม่แม้กระทั่งจะรู้จักคนที่กำลังถูกพูดถึงมาก่อน

“แกต้องระวังคุณนันทิตาไว้ด้วยนะ ท่าทางนางจะสนใจพี่ภักดิ์ของแกน่าดู ชวนคุยไม่หยุดเชียว” วาสิตาเห็นแล้วรู้สึกหึงหวงแทนเพื่อนอย่างบอกไม่ถูก “ตอนนี้นางฮอตยิ่งกว่ากระดังงาลนไฟ หนุ่มใหญ่ในวงสังคมต่างก็อยากจะเกี่ยวดองกับนางทั้งนั้น ฉันได้ยินว่ามีหนุ่มใหญ่ตามจีบนางตั้งหลายคน”

“แกรู้จักคุณนันทิตาคนนี้ด้วยเหรอ”

“ไม่เชิงรู้จักแบบสนิทสนมกันหรอก นางเป็นลูกค้าที่ร้านของฉันน่ะ” ที่จริงวาสิตาก็ไม่อยากจะเม้าท์หรือนินทาลูกค้า แต่เธอเห็นว่านันทิตามีท่าทีสนใจผู้ชายของเพื่อน เธออยากจะเตือนพาขวัญเอาไว้ก่อน “คือ…สามีของคุณนันทิตาเสียไปได้ประมาณครึ่งปีแล้ว และสามีนางก็ใจดีมากที่เขียนพินัยกรรมยกมรดกให้นางเกือบทั้งหมด เพราะทั้งสองไม่มีลูกด้วยกัน เขาคงกลัวว่าญาติๆ จะมารุมแย่งมรดกไปจากเมียรัก เอาง่ายๆ สรุปว่าคุณนันทิตาก็คือแม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์ที่ทั้งโสด ทั้งสวย และรวยมากกก”

แล้วพี่ภักดิ์เป็นอะไรกับคุณนันทิตา…หรือว่าเธอจะเป็นลูกค้า!

พาขวัญพยายามบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก แต่ลึกๆ ยังรู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก เพราะก่อนหน้านี้อติกันต์เคยบอกเธอเรื่องที่ภวิลเกี่ยวพันกับผู้หญิงมากมาย หญิงสาวไม่อยากฟังความข้างเดียวหรือทำตัวเป็นพวกผู้หญิงหูเบา แต่เธอเพิ่งเห็นเขาจูบกับจารวีเมื่อไม่นานมานี้

ไม่รู้ว่าภวิลจะยังมีผู้หญิงเกี่ยวพันในชีวิตอยู่อีกกี่คน

“แต่แกอย่าคิดมากเลยนะ บางทีมันอาจไม่มีอะไรก็ได้ ปกติพี่ภักดิ์ของแกเขาเป็นคนดีจะตายไป เอ่อ…แกรอพี่ภักดิ์คนเดียวได้ใช่มั้ย ฉันต้องพุ่งเข้าไปหาเป้าหมายของฉันก่อน”

วาสิตาบอกด้วยท่าทีร้อนรนขณะที่มองตรงไปยัง ‘เป้าหมาย’ พาขวัญแอบแปลกใจเพราะเมื่อหันไปมองตามสายตาของเพื่อนสนิท เธอก็เห็นจิณณพัตกำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนของเขา

“อ้าว! ไหนแกบอกว่าไม่อยากยุ่งกับคุณจิณณ์ไง”

“ตอนนั้นไม่อยากยุ่ง แต่ตอนนี้จำเป็นต้องยุ่งแล้ว” วาสิตาบอกอย่างขอไปที “เอาน่ะ! ไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังวันหลัง ขอโทษทีนะแกที่ฉันต้องทิ้งให้แกอยู่คนเดียว แต่ฉันต้องไปทำภารกิจก่อน”

“เออๆ แกไปเถอะ”

จากนั้นสาวสุดเปรี้ยวในชุดราตรีสีแดงเบอร์กันดีก็ทำทีเดินไปทางจิณณพัตเหมือนไม่ได้จงใจพุ่งเข้าไปหาเขาโดยตรง พาขวัญได้แต่ยืนงงว่าทำไมเพื่อนเธอถึงได้เปลี่ยนใจรวดเร็วขนาดนี้

พอวาสิตาผละออกไปหาจิณณพัต พาขวัญก็ยืนรอภวิลอยู่เพียงลำพัง เธอมองเขากำลังยืนคุยกับนันทิตาด้วยความรู้สึกอึดอัดจนน่าหงุดหงิดใจ หญิงสาวอยากรู้ว่าทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรและมีความสัมพันธ์กันอย่างไรถึงได้คุยติดพันทั้งๆ ที่ในมือภวิลมีแก้วน้ำส้มและจานอาหารว่างของเธอ

“สรุปว่าคุณภักดิ์เขาจะลงเอยกับลูกสาวคุณพิธานจริงๆ เหรอถึงได้ควงกันมาออกงาน ทีแรกฉันนึกว่าจะเป็นข่าวซุบซิบธรรมดาที่ไม่มีมูลความจริงเสียอีก น่าเสียดายคุณภักดิ์จัง”

ไม่รู้ว่าคนที่กำลังพูดถึงพาขวัญกับภวิลอยู่อีกมุมหนึ่งไม่เห็นเธอหรือจงใจให้เธอได้ยินกันแน่ถึงได้ ‘ตั้งวง’ นินทากันอย่างสนุกปาก แต่หญิงสาวก็ยังทำทีเป็นไม่สนใจเพราะไม่อยากมีเรื่อง

“แต่ลงเอยกันเพราะอะไรก็ไม่รู้นะ ควงผู้หญิงคนหนึ่งมาแต่ไปยืนจีบกับผู้หญิงอีกคน” เสียงนินทายังคงดังต่อเนื่องไม่หยุด และพาขวัญจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของ…แพรวอาภา

ยายนี่อีกแล้วเหรอ หาเรื่องกันไม่เลิกสักที!

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง คุณภักดิ์ออกจะดูดีแถมยังหนุ่มยังแน่น จะไปคว้าแม่ม่ายแบบนั้นมาเป็นแฟนได้ยังไง คงไม่ใช่หรอก” คำพูดเหมือนพยายามแก้ต่าง แต่น้ำเสียงเม้าท์สนุกมาก

“อาจจะไม่ถึงขั้นเป็นแฟน แค่กุ๊กกิ๊กกันสนุกๆ ไง แหม! คุณนันท์เธอก็ยังสาวยังสวย แถมสามีที่ตายไปแล้วก็ทิ้งมรดกไว้ให้ตั้งมากมาย เธอนั่งๆ นอนๆ ก็มีเงินใช้สบายๆ ไปอีกสิบชาติ”

“แล้วแบบนี้คุณพิธานเขาจะยอมรับว่าที่ลูกเขยเหรอ” ขาเม้าท์อีกรายถามเมื่อแพรวอาภาตั้งตนเป็นหัวหน้าวงเม้าท์เต็มที่โดยไม่แคร์ภาพลักษณ์นางเอกละครของตัวเองสักนิด

พาขวัญพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีแรกเธอคิดว่าจะไม่สนใจแล้ว แต่ยิ่งพยายามนิ่งอีกฝ่ายก็ยิ่งนินทาไม่เลิก…นอกจากพูดถึงเธอกับภวิลแล้วยังจะลามปามไปพูดถึงพ่อเธออีก

“เขาอาจจะกิ๊กกันเงียบๆ ไม่ให้คุณพิธานรู้ก็ได้ อีกอย่างตอนนี้เหมือนว่าคุณภักดิ์ก็ทำงานทุกอย่างแทนคุณพิธานแล้ว ถ้าไม่ได้เขาเป็นลูกเขยก็คงไม่รู้จะให้ใครมาทำงานแทน จะว่าไปคุณภักดิ์เขาก็แผนสูงนะ ทำงานไปทำงานมาได้เป็นลูกเขยเฉยเลย แถมคุณพิธานมีลูกสาวคนเดียวแบบนี้ทุกอย่างต้องตกเป็นของเขาอยู่แล้ว จากเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารเลยทีเดียว”

แพรวอาภาพูดจบวงเม้าท์ก็หัวเราะกันครื้นเครงจนพาขวัญอยากจะอาเจียนกับการกระทำของคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ผู้ดี’ และอยู่ในสังคมชั้นสูงบางคน แท้ที่จริงแล้วคนพวกนี้ก็เป็นแค่พวกผู้ดีจอมปลอม

“นี่เลยกลายเป็นว่าลูกสาวคุณพิธานก็คงไม่ต่างจากพวกสิ้นไร้ไม้ตอกที่ต้องมาแต่งงานกับเด็กในบ้านที่พ่อตัวเองชุบเลี้ยง น่าเสียดายนะ” คู่สนทนาของแพรวอาภารีบรับส่งกันอย่างดี

“เหมาะสมกันดีออกจะตาย” แพรวอาภาหัวเราะคิกคัก

พาขวัญหมดความอดทนในวินาทีนั้น เธอโกรธที่คนพวกนั้นพูดถึงพ่อเธอราวกับว่าท่านไร้ความคิด อับจนหนทางจนต้องชุบเลี้ยงผู้ชายไว้ให้แต่งงานกับเธอ โกรธที่พวกเขาพูดถึงเธอเสียๆ หายๆ ทั้งที่ไม่รู้จักเธอ และโกรธมาก…ที่คนเหล่านั้นกล่าวหาภวิลราวกับว่าเขาเป็นพวก ‘แมงดา’ เกาะผู้หญิงกิน

“ขอโทษนะคะ กรุณาพูดถึงครอบครัวฉันใหม่อีกทีสิคะ”

พาขวัญเดินตรงเข้าไปในวงสนทนา คำพูดนิ่มๆ เรียบๆ และรอยยิ้มอ่อนหวานที่มุมปากนั้นเยือกเย็นจนทำให้ทุกคนที่อยู่ในวงสนทนาหน้าเสียไปตามๆ กัน…ยกเว้นก็แต่แพรวอาภา

“ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามกับฉันเลยค่ะ พวกคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และจะได้ไม่เที่ยวเอาเรื่องไม่จริงไปพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดอีก ฉันจะบอกให้รู้เอาไว้นะคะว่าพี่ภักดิ์ไม่เคยทำตัวเป็นหนูตกถังข้าวสาร ไม่ได้มีท่าทีอยากจะมาเป็นสามีฉันมาก่อน และตอนนี้เราก็เพิ่งเริ่มศึกษากัน”

พาขวัญจ้องหน้าคนเหล่านั้น แต่ทุกคนล้วนหลบตาเธอ แน่ล่ะ! พวกหล่อนคงรู้ตัวว่าคำพูดตัวเองหลุดออกมาเพราะความคึกคะนอง แต่ความจริงเป็นอย่างไรนั้นพวกหล่อนแทบไม่รู้เลย

“ที่สำคัญที่สุด! สำคัญจนต้องขีดเส้นใต้สองเส้นเลยก็คือ…” หญิงสาวเน้นเสียง “พี่ภักดิ์เขาทำงานกับคุณพ่อมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว เขาหาเงินเข้าบริษัทมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ มีแต่คนอยากได้เขาไปทำงานด้วย และถ้าเขาเปิดบริษัทเองป่านนี้เขาก็รวยไปนานแล้ว ไม่ต้องมาคอยทำงานแทนพ่อฉันหรอกค่ะ และอย่าพูดถึงเรื่องเงินหรือทรัพย์สินที่เขามีเลย เพราะบางทีมันอาจจะมากกว่าทรัพย์สินจริงๆ ที่พวกคุณมีอยู่ก็ได้ เพราะบ้าน รถ หรือบริษัทของพวกคุณบางคนในนี้ต่อให้ขายไปก็ยังกลบหนี้ได้ไม่หมดเลย”

พาขวัญปรายตาไปที่ใครคนหนึ่งในวงสนทนาซึ่งเธอจำได้ว่าพ่อของหล่อนเพิ่งจะมายืมเงินพ่อเธอเมื่อไม่นานมานี้ และหล่อนก็น่าจะรู้ตัวว่าสถานการณ์ในครอบครัวไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ น่าแปลก…ที่พ่อเธออุตส่าห์ให้ความช่วยเหลือ แต่หล่อนกลับไม่สำนึกบุญคุณแล้วยังจะกล้านินทากันเสียๆ หายๆ อีก

“นี่พวกเราไม่ได้นินทาเธอนะ พวกเราก็แค่แสดงความคิดเห็น” แพรวอาภาเห็นทุกคนเงียบไปเหมือนกลัวจะถูกพาขวัญต่อว่าก็รีบพูดแทรกขึ้นมาราวกับต้องการแสดงอำนาจ

“อ้อเหรอ งั้นก็ดี! ฉันจะได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเธอบ้าง ทุกคนรู้มั้ยคะว่าความจริงแล้วแพรวเคยชอบพี่ภักดิ์มาก่อน ชอบมากถึงขนาดตามไปเฝ้าพี่ภักดิ์ที่ล็อบบี้คอนโดฯ แต่เขาก็ไม่เล่นด้วย แหม! พอถูกปฏิเสธแล้วมาพูดถึงเขาซะไม่มีดีแบบนี้มันเรียกว่าอะไรนะคะ ‘พวกองุ่นเปรี้ยว’ ใช่หรือเปล่า”

พาขวัญเหยียดยิ้มบางๆ และคำพูดของเธอทำให้บรรดาขาเม้าท์ต่างตาโตไปตามๆ กัน เชื่อเถอะว่าคนพวกนี้เม้าท์ครอบครัวเธอได้ พอลับหลังแพรวอาภาคนพวกนี้ก็เม้าท์หล่อนได้เหมือนกัน

อันที่จริงพาขวัญไม่อยากเอาเรื่องนี้มาประจานศัตรูของเธอ และที่ผ่านมาก็พยายามนิ่งมาตลอด เพราะไม่อยากมีเรื่องจนเหมือนเอามือไป ‘เปื้อนโคลน’ ทว่ากับคนบางคนเหมือนยิ่งนิ่งก็จะยิ่งได้ใจและหาเรื่องไม่เลิกสักทีเพราะคิดว่าคู่กรณีกลัว บางครั้งมันก็ต้องตอกหน้ากลับไปเจ็บๆ แบบนี้บ้าง

“พาขวัญ!”

เมื่อถูกคำพูดจี้ใจดำเข้าอย่างจังแถมยังถูกฉีกหน้าต่อหน้าคนอื่น แพรวอาภาก็โกรธจนระงับอารมณ์ไม่ไหวจึงตรงเข้ามาผลักไหล่พาขวัญอย่างรุนแรง ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวบวกกับไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นบ้าถึงขนาดนี้ทำให้พาขวัญเสียหลักจนล้มลงกับพื้นสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก จังหวะนั้นภวิลหันมาเจอเข้าพอดี เขารีบวางทุกอย่างที่อยู่ในมือแล้วผละจากนันทิตาตรงเข้ามาหาเธอ

“ยายพลีส!” วาสิตาเห็นเข้าก็รีบผละจากจิณณพัตแล้ววิ่งมาแทบจะพร้อมๆ กับอิชยะและแก้วเกล้า

“คุณพลีสลุกไหวมั้ย” ชายหนุ่มทรุดตัวลงข้างๆ แล้วประคองไหล่คนที่กำลังเจ็บอยู่บนพื้น

“ส้นสูงพลีสพลิกค่ะ พลีสเจ็บข้อเท้า…” พาขวัญกระซิบบอกเขา

ภวิลมองไปที่ข้อเท้าของร่างบาง เมื่อเห็นมันขึ้นรอยแดงเขาก็รับรู้ได้ว่ามันคงได้รับการกระทบกระเทือนไม่น้อย แต่ด้วยศักดิ์ศรีและความถือตัว เธอจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาให้คนอื่นเห็น เพราะไม่อยากดูน่าสมเพชและไม่อยากให้แพรวอาภาหัวเราะเยาะ

ในที่สุดภวิลก็ตัดสินใจอุ้มหญิงสาวขึ้นมาโดยไม่รอให้เธอเอ่ยปาก

“เราคงต้องกลับแล้ว ผมฝากคุณวาลาผู้ใหญ่ทางนี้แทนด้วยนะครับ” ชายหนุ่มบอกกับวาสิตาเพื่อให้เธอช่วยรับหน้ารวมถึงเคลียร์สถานการณ์ทางนี้แทน และเขามั่นใจว่าไว้ใจคนไม่ผิด

จากนั้นดวงตาคมกริบก็ปรายไปมองแพรวอาภา เขาไม่พูดอะไรสักคำ แต่คนที่ยืนอยู่รอบๆ รับรู้ได้ว่านั่นคือการตำหนิอย่างรุนแรงจนแพรวอาภาเองก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา

“ค่ะพี่ภักดิ์ เดี๋ยววาคุยกับผู้ใหญ่ให้ ฝากดูแลยายพลีสด้วยนะคะ” วาสิตารับคำ

ภวิลกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นก่อนพยักหน้าให้อิชยะกับแก้วเกล้าที่มองมาอย่างเป็นห่วงเพื่อบอกว่าเขาดูแลพาขวัญได้ ทั้งสองคนไม่ต้องกังวล จากนั้นก็อุ้มร่างบางออกไปท่ามกลางสายตาของใครต่อใคร

ชายหนุ่มทำทุกอย่างด้วยท่าทีนิ่งเฉย ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเรียบราวกับเป็นหุ่นยนต์ แต่วินาทีนั้นพาขวัญรู้สึกได้ว่าภายใต้ท่าทีเย็นชาของเขาช่างเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างร้ายกาจจริงๆ

 

“พี่ภักดิ์ไม่ต้องพาพลีสไปหาหมอนะคะ”

พาขวัญบอกเมื่อภวิลอุ้มเธอมาถึงรถยนต์คันหรู ชายหนุ่มวางเธอลงบนเบาะหน้าข้างคนขับอย่างนุ่มนวลแล้วช่วยจัดกระโปรงให้อย่างคล่องแคล่วราวกับการดูแลเธอเป็นหน้าที่ของเขา

“คุณพลีสโตแล้วยังกลัวหมออยู่อีกเหรอครับ” ภวิลถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงทุ้มต่ำที่นิ่งเรียบดุจเดิม แต่พาขวัญสัมผัสได้ว่าดวงตาสีฟ้าคมกริบคู่นั้นเจือด้วยความห่วงใย

“พลีสไม่ได้เป็นอะไร ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว อีกสักวันสองวันก็น่าจะหาย”

“งั้นถอดรองเท้าก่อนนะ จะได้สบายเท้า”

“ค่ะ”

พาขวัญเกือบลืมไปเลยว่าส้นรองเท้าเธอสูงมากและมันค่อนข้างรัดเท้าเธอไว้ หญิงสาวนึกขึ้นได้ก็ก้มลงจะถอดมันออก แต่เธอก็ช้าไปหลายวินาทีเพราะมือของภวิลไปถึงรองเท้าก่อนเธอเสียอีก

“พลีสถอดเองได้นะคะ” เธอบอกอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไร ผมทำให้สะดวกกว่า” ชายหนุ่มยืนยันว่าเขาจะถอดให้เอง จากนั้นก็ก้มลงปลดสายที่รัดข้อเท้าเธอและค่อยๆ ถอดรองเท้าออกอย่างทะนุถนอมราวกับเขากลัวว่าเธอจะบอบช้ำ

พาขวัญมองคนตัวสูงที่กำลังดูแลเธออย่างไม่รังเกียจใดๆ แถมยังยอมก้มศีรษะช่วยเหลือเธออย่างไม่เกี่ยงงอนอีก…พักนี้ภวิลช่างขยันทำให้เธอหวั่นไหวและหัวใจเต้นแรงจริงๆ

“เจ็บเหรอครับ” เขาถามเมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบไป

“เอ่อ…เปล่าค่ะ ขอบคุณนะคะ” พาขวัญรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

ภวิลไม่พูดอะไรต่อ ร่างสูงถอยออกมาก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำที่นั่งคนขับ พาขวัญใช้โอกาสนั้นในการปรับจังหวะหัวใจให้กลับมาเป็นปกติและวางตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ชายหนุ่มออกรถไป ระหว่างเขากับเธอแทบจะไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นเช่นนี้เสมอ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกได้ว่าช่องว่างระหว่างเขากับเธอแคบลงมาก รวมถึงความอึดอัดก็ลดน้อยลงเช่นกัน…แค่นั่งเงียบๆ โดยมีภวิลอยู่เคียงข้าง พาขวัญกลับสบายใจยิ่งกว่าอยู่ในงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเสียอีก

ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดจริงๆ!

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com