เดิมทีนึกว่าเขาจะพานางไปพบพ่อครัวหลวงที่กำลังจะเกษียณผู้นั้น คิดไม่ถึงว่าเขากลับพานางเดินออกจากประตูเล็กแห่งหนึ่งของวังหลวง คนเก่าแก่ในวังที่เป็นผู้นำทางนั้นดูเหมือนรู้ว่าเขาต้องการจะไปที่ใด ยังมอบดอกท้อสีแดงอ่อนที่เด็ดใหม่หนึ่งตะกร้าให้เขาอย่างรู้ใจด้วย
นอกกำแพงทิศตะวันออกของวังหลวงแห่งราชวงศ์ต้าหยวนคือเรือนพักส่วนตัวหลังหนึ่ง ลานสวนเงียบสงบ ทางเดินสายเล็กลดเลี้ยว กลางลานมีหอแห่งหนึ่งปลูกสร้างอยู่บนฐานสูง
ฉู่เสียพานางมาถึงริมลำธารในลานสวนก่อนกล่าว “ตรงนี้เชื่อมต่อกับแม่น้ำสายใหญ่ในเมือง ในเมื่อเป็นวันเทศกาลซั่งซื่อ ทั้งเจ้าเองก็ถึงวัยปักปิ่นแล้ว เจ้าก็ลอยโคมบุปผาขอพรตรงนี้เถอะ”
เขาพูดพลางให้องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังนำกล่องไม้มาใบหนึ่ง เมื่อเปิดดูด้านในถึงกับเป็นโคมดอกบัวที่วิจิตรประณีตหนึ่งดวง
ในเมื่อเป็นเจตนาดี ฉยงเหนียงย่อมไม่อาจปฏิเสธ นางยื่นมือรับโคมบุปผานั้นมา ก่อนหยิบพู่กันเขียนคำขอพรลงบนกลีบดอก นางคร้านจะเขียนบทกลอนที่พรรณนาอารมณ์อันเลื่อนลอยเหล่านั้นแล้ว จึงเขียนอักษรตัวใหญ่อย่างเรียบร้อยเพียงสี่ตัวว่า ‘ปลอดภัยทุกปี’ จากนั้นก็ปล่อยโคมไปตามกระแสธาร
รอจนฉู่เสียขึ้นไปบนหอสูงหลังนั้น ฉยงเหนียงที่ติดตามอยู่ด้านหลังของเขาถึงพบว่าตรงนี้สามารถมองเห็นหอชมจันทร์ในวังหลวงจากระยะไกลได้ ไม่รู้ว่าเป็นความจงใจใช่หรือไม่
ฉู่เสียยืนอยู่บนหอสูงครู่หนึ่ง ก่อนจะโปรยดอกท้อในตะกร้านั้นไปรอบๆ ตัวหอ
เขาไม่พูดจา ฉยงเหนียงจึงได้แต่ยืนเงียบอยู่ข้างหลังเขา ทว่าจนใจที่เมื่อครู่ชมละครฉากนั้นอย่างถึงอกถึงใจยิ่งนัก จึงเผลอกินลูกอมม่ายหยาถังมากไป ทำให้ระคายคอจนอดไม่ได้ต้องไอเบาๆ สองสามที
ฉู่เสียหันหน้านิดๆ มาจ้องมองฉยงเหนียง ก่อนจะยื่นมือมาหมายแตะหน้าผากของนางดูว่าเป็นไข้หรือไม่ ฉยงเหนียงมีหรือจะยอมให้เขาแตะตัว นางย่อมจะรีบหลบหลีก ทว่าฉู่เสียเพียงเหยียดมือก็รั้งลำคออันเรียบเนียนของนางไว้ได้แล้ว
“ท่านปล่อยมือนะ!” ฉยงเหนียงเอ่ยเสียงเย็นพลางพยายามเบี่ยงตัวหนี ทว่าถูกเรือนกายอันสูงใหญ่ของเขาโน้มลงมาคุกคาม จนกระทั่งนางถอยไปพิงกับผนังหอ
ฉู่เสียเพียงก้มศีรษะลงก็สูดได้กลิ่นหอมของม่ายหยาถังบนริมฝีปากผลอิง พาให้จิตใจเขาฟุ้งซ่านอยู่บ้างอย่างห้ามไม่อยู่ ขนตาที่โค้งยาวของเขาจึงหลุบลง ริมฝีปากบางก็ประชิดใกล้นางเข้าไปทีละนิด
เมื่อครู่แม้เขาอยู่ในโถงตำหนัก ทว่าหางตากลับชำเลืองมองถั่วลันเตาน้อยอยู่หลายหน นางช่างผ่อนคลายสบายอารมณ์นัก นั่งรวมกับข้ารับใช้ทั้งกลุ่มโดยไม่เห็นถึงท่าทีอึดอัดใจแม้แต่น้อย
ทว่าพอมองนานเข้า ฉู่เสียกลับไม่สบายใจขึ้นมาเสียเอง แม่นางน้อยที่บอบบางเพียงนี้เดิมทีควรถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม แต่เขากลับใช้อารมณ์ชั่ววูบส่งนางไปอยู่ในหมู่ข้ารับใช้เสียได้
เช้านี้หลังจากได้ยินฉู่เซิ่งรายงานเรื่องที่นางวิวาทกับสาวใช้ การตอบสนองแรกของฉู่เสียคือ…เดิมทีนางก็เปื้อนกลิ่นอายของชาวบ้านร้านตลาดอยู่แล้ว ขืนให้อยู่ในเรือนบ่าวนานนัก นางจะไม่ติดนิสัยมาจนยิ่งเสียคนหรอกหรือ
พอฉยงเหนียงเห็นฉู่เสียพลันบังเกิดความคิดอันชั่วร้าย นางก็รีบเอ่ยเสียงเบา “ยากนักที่วันนี้ได้ร่วมงานฉลองเทศกาลซั่งซื่อ มีสาวงามอยู่เต็มโถงตำหนัก ท่านอ๋องไม่คิดจะเฟ้นหาศรีภรรยาบ้างหรือไร ไยต้องมาถึงที่นี่เพื่อหยอกล้อข้าน้อยด้วยเล่า”
ฉู่เสียพิศมองดวงหน้าที่ระบายด้วยสีเมฆแดงพลางเลิกคิ้วเข้ม “หากไม่มีเหตุพลิกผันที่อุ้มบุตรสาวผิดคน ตามหลักเจ้าก็ควรจะอยู่ในโถงนั้นให้สามีภรรยาสกุลหลิ่วเฟ้นหาคู่ครองที่ดีแก่เจ้าเช่นกัน ว่าอย่างไร เมื่อครู่มีคนที่ถูกใจบ้างหรือไม่”
ด้วยกลัวว่าเขาจะจุมพิตถูกนาง ฉยงเหนียงจึงได้แต่ยืนตัวลีบชิดผนัง “ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวพ่อค้า คาดว่าวันหน้าพ่อแม่คงจะเลือกชายหนุ่มที่ซื่อตรงอยู่ในกรอบสักคนให้ข้าน้อยออกเรือนไป ผู้เก่งกาจปราดเปรื่องเต็มโถงนั้นหาได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้าน้อยไม่”