ฉู่เสียฟังจบก็หน้าบึ้งตึง เอ่ยประชดอย่างอดไม่ได้ “ตอนนี้ก็เริ่มวางแผนการแต่งงานในวันหน้าแล้ว? ช่างใจร้อนอยากจะออกเรือนเสียจริง…ถ้าอย่างไรข้ามอบฐานะชายารองให้เจ้า เจ้าก็แต่งเข้าจวนอ๋องของข้าดีหรือไม่”
ฉยงเหนียงไหนเลยจะคาดคิดว่าเขาอ้าปากก็กล่อมสตรีให้แต่งเป็นชายารองเช่นนี้ ช่างมักมากเหมือนจางวั่งในตลาดผู้นั้นไม่มีผิด!
นึกถึงผลลงเอยอันน่าสังเวชใจของหลิ่วผิงชวนหลังจากมาติดตามเขาในชาติก่อน ฉยงเหนียงก็โพล่งคำประชดออกมา “ดีอันใดกันเล่า มีลูกก็ไม่ได้เสียหน่อย มีแต่คนโง่เท่านั้นถึงจะเข้าห้องของท่านอ๋อง!”
ฉู่เสียคิดเพียงว่านางได้ยินกฎการรับนางบำเรอของจวนอ๋องมาจากเรือนบ่าว ใบหน้าที่เย็นชามาจนเคยชินจึงพลันอ่อนโยนอย่างห้ามไม่อยู่ ปากก็เอ่ยกระซิบแนบชิดติ่งหูนาง “ถ้าเช่นนั้น…ข้าจะให้เจ้ามีลูกจนพอใจเลยดีหรือไม่”
ฉยงเหนียงถูกเขายั่วโมโหจนพูดไม่ออกอยู่บ้าง อะไรเรียกว่า ‘มีลูกจนพอใจ’ เห็นนางเป็นแม่ไก่ฟักไข่หรือไรกัน
แต่ใจนางก็รู้ว่าฝืนปะทะกับท่านอ๋องผู้นี้จะไม่ลงเอยด้วยดี จึงพยายามเอ่ยเสียงนุ่มนวลเท่าที่จะทำได้ “ท่านอ๋องช่างเอาใจใส่และใจกว้างยิ่งนัก ทว่าองครักษ์เหล่านั้นล้วนเฝ้ามองอยู่จากข้างล่างหอ ท่านอ๋องคิดจะทำอันใด”
เดิมทีฉู่เสียแค่พลันนึกสนุกอยากจะหยอกเย้านางสักหน่อย ทว่าพูดไปเรื่อยๆ ตนเองกลับเก็บมาใส่ใจมากขึ้นทุกที
ว่าไปแล้วเดิมทีก่อนเข้าเมืองหลวงเขาก็คิดจะแต่งนาง แต่เพราะถูกเหตุพลิกผันระหว่างสกุลชุยกับสกุลหลิ่วก่อกวนให้มีอันเลิกล้มไปก่อน ถึงแม้ตอนนี้ตระกูลของนางจะต่ำต้อยดุจธุลี ทว่าเป็นชายารองไม่จำเป็นต้องมีชาติตระกูลหนุนเสริมเสียหน่อย เพียงทำให้เขาเบิกบานใจก็พอแล้ว
แม่นางน้อยนางนี้เดิมทีก็ปากคอเราะราย บัดนี้ยิ่งติดนิสัยแย่ๆ มาทั่วร่าง วันหน้ารับนางเข้ามาร่วมห้องแล้วไม่แคล้วที่เขาจะต้องอบรมด้วยตนเองให้ดีๆ…
เพียงคิดว่าหากนางเป็นเด็กดื้อ เขาควรจะกำราบด้วย ‘วิธีอันเฉียบขาด’ เช่นไรบ้าง หัวใจของชายหนุ่มก็ถึงกับร้อนผะผ่าวขึ้นมานิดๆ ยิ่งก้มหน้าเพ่งพิศพวงแก้มเนียนอมชมพูดุจดอกท้อซึ่งอวลอยู่ท่ามกลางกลิ่นหวานหอมของม่ายหยาถัง ก็ยิ่งดูเย้ายวนใจเขาเหลือเกิน
เมื่ออารมณ์ความรู้สึกนี้พลันวาบไหว วงแขนอันกำยำสองข้างก็เพิ่มแรงขึ้นอีกนิด ห่อหุ้มสาวน้อยที่นิ่มนุ่มไว้จนเต็มอ้อมกอดพลางอาศัยเรือนกายอันสูงใหญ่ของตนป้องบังสายตาจากด้านล่างที่อาจทอดมองขึ้นมา
“เมื่อครู่ไปกินอะไรมาจึงมีกลิ่นหอมเพียงนี้ แบ่งให้ข้าลิ้มชิมดูบ้างสิ…” ไม่ทันขาดคำเขาก็โน้มใบหน้าลงมาจุมพิตริมฝีปากอันนุ่มละมุนดุจขนมโก๋ซึ่งยั่วน้ำลายเขาอยู่นานแล้ว
ฉยงเหนียงแม้เคยออกเรือนเมื่อชาติก่อน ทว่ากิจในห้องนอนยึดถือระเบียบแบบแผนเสมอมา เรื่องแนบชิดริมฝีปากกันเช่นนี้สองฝ่ายล้วนไม่รู้วิธีอันเหมาะควร หลังลองทำไม่กี่คราก็เหนื่อยใจยุติไป ไหนเลยจะคาดคิดว่าชาตินี้นางกลับได้รับการชี้แนะจากท่านอ๋องเสเพลที่ชาติก่อนแทบหาความเกี่ยวพันกันไม่ได้!
ยามที่ถูกเรียวลิ้นอันเจ้าเล่ห์นั้นบุกรุกล่วงล้ำเข้ามา ฉยงเหนียงทั้งอับอายทั้งขุ่นเคืองหมายจะขบกัด ทว่ายังไม่ทันจะขบฟันลงไป นางก็ถูกเขายึดปลายคางไว้เสียก่อน
จวบจนผ่านพ้นไปครู่ใหญ่ ฉู่เสียลิ้มรสอันหอมหวนของม่ายหยาถังจนเป็นที่จุใจแล้ว ถึงค่อยเงยหน้าขึ้นอย่างพึงพอใจก่อนเอ่ยเสียงเบา “อร่อยอย่างยิ่งจริงเสียด้วย”
ฉยงเหนียงเม้มกลีบปากทั้งคู่สนิทแน่น ยังคงไม่กล้าเชื่อว่าตนถึงกับถูกลวนลามกลางวันแสกๆ
ฉู่เสียนึกว่านางขวยเขินจึงกุมมือเล็กมาบีบคลึง ในใจก็ใคร่ครวญว่าในเมื่อต้องการจะยกย่องนาง เขาก็ควรมอบหน้าตาให้นางอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเอ่ยปากว่า “เจ้าถึงวัยปักปิ่นแล้ว ในสองสามวันนี้ข้าจะไปพบบิดามารดาเจ้า ส่งของหมั้นและชี้แจงรายละเอียดงานพิธีดีหรือไม่”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน มกราคม 65)