นางกับบัณฑิตผู้นั้นนั่งยองอยู่ด้วยกัน ครั้นดวงตาสบประสาน ต่างก็ตะลึงงันอย่างห้ามไม่อยู่
ฉยงเหนียงลอบคิดในใจ…หรือนี่จะเป็นเวรกรรมแต่กำเนิด? เหตุใดคนที่พี่ชายช่วยไว้ถึงได้เป็นซั่งอวิ๋นเทียนไปได้เล่า
ต่างจากซั่งอวิ๋นเทียนที่ในใจยินดียิ่ง คิดเพียงว่า…ข้ากับแม่นางผู้นี้ช่างมีวาสนาต่อกันยิ่งนัก ถึงได้พบพานนางอีกครั้งแล้ว
ขณะที่ฉยงเหนียงประหลาดใจก็กวาดหางตาไปเล็กน้อย และค่อยพบว่าบนถนนใหญ่ของตำบลฝูหรงนี้ช่าง ‘แออัด’ เสียจริง เจ้ากรรมนายเวรทั้งชาติก่อนและชาตินี้ถึงกับมารวมตัวพร้อมหน้าอยู่ในที่เดียวกันได้ สตรีที่คลุมหน้าด้วยผ้าแพรและยืนอยู่ตรงจุดลับตาที่มุมถนนนั้นมิใช่หลิ่วผิงชวนหรือไร
สมองของฉยงเหนียงฉับไวเสมอมา ความคิดเพียงหมุนวูบก็พลันเรียบเรียงได้กระจ่างแล้ว ชาติก่อนซั่งอวิ๋นเทียนก็น่าจะถูกรถม้าชนขาหักในวันนี้ จึงเป็นเหตุให้พลาดกำหนดสอบ แต่ชาตินี้เขาถูกพี่ชายนางช่วยเอาไว้ เคราะห์ภัยจึงลามมาที่ตัวพี่ชายแทน เห็นสภาพขาที่ดูไม่เป็นธรรมชาติของพี่ชายแล้วต้องกระดูกร้าวเป็นแน่ ส่วนเหตุที่หลิ่วผิงชวนมาปรากฏตัวที่นี่ เกรงว่าความคิดเดิมที่ตั้งใจไว้ก็คือ ‘หญิงงามช่วยวีรบุรุษ’
คิดมาถึงตรงนี้ ฉยงเหนียงก็โกรธตนเองอย่างห้ามไม่อยู่ หากมิใช่หลังจากเกิดใหม่นางคิดแต่จะแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น สกุลชุยก็คงไม่มีทางจะมีเงินเหลือมาซื้อโคมบุปผาหรอก น่าจะทำโคมเองที่บ้านเสียมากกว่า
และหากมิใช่พี่ชายมาเดินเล่นซื้อโคมเป็นเพื่อนนาง มีหรือจะต้องรับเคราะห์แทนซั่งอวิ๋นเทียนจนร่างกายเจ็บหนักเช่นตอนนี้
อันที่จริงหลิ่วผิงชวนโกรธและหงุดหงิดใจยิ่งกว่าฉยงเหนียงเสียอีก ชาตินี้นางได้สลับตัวกลับคืนสกุลหลิ่วเร็วขึ้น กล่าวได้ว่าสุขกายสบายใจยิ่งนัก ทว่าต่อให้บ้านบิดามารดาดีสักเพียงใดก็มิใช่ที่พักพิงสุดท้ายของสตรีที่ยังไม่ออกเรือน นางยังคงต้องวางแผนเลือกสามีให้ตนเองเสียแต่เนิ่นๆ ชีวิตถึงจะมั่นคง
เนื่องจากชาตินี้นางคือบุตรีภรรยาเอกในตระกูลสูงศักดิ์ บุรุษที่จะเลือกได้จึงกว้างขวางอย่างยิ่ง เบื้องบนขึ้นไปถึงเชื้อพระวงศ์ เบื้องล่างลงมาถึงตระกูลขุนนางต่างๆ ในเมืองหลวง ล้วนแต่มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสิ้น ทว่าหลิ่วผิงชวนครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานก็ยังคงรู้สึกว่าไม่มีใครจะตรงใจยิ่งไปกว่าซั่งอวิ๋นเทียนอีกแล้ว
วันหน้าเขาจะเป็นถึงขุนนางสำคัญในหมู่เสนาบดี มีอำนาจล้นเหลือในราชสำนัก เกียรติยศสูงส่งถึงเพียงใด เพียงน่าแค้นใจที่หลังจากฉยงเหนียงตายไปในชาติก่อน ตนกลับไม่เคยได้นั่งตำแหน่งภรรยาเอกเสียที
ตอนนั้นพอฉยงเหนียงตกบ่อน้ำตาย ซั่งอวิ๋นเทียนก็สะเทือนใจอย่างหนัก ปฏิเสธคำแนะนำที่หลิ่วเมิ่งถังจะให้ยกนางขึ้นเป็นภรรยาอีกคน หากมิใช่ติดขัดที่เขาถูกจับได้คาเตียงว่าลักลอบมีสัมพันธ์กับนาง ไม่อาจบิดพลิ้วง่ายๆ เขาคงถึงขั้นไม่คิดจะให้นางขึ้นเกี้ยวแต่งเข้าสกุลเป็นอนุด้วยซ้ำไป
หลังจากนางแต่งเข้าสกุลซั่งในฐานะอนุแล้ว ความรู้สึกอันหวานล้ำละมุนละไมเช่นยามที่สองคนลักลอบเป็นชู้กันล้วนไม่หลงเหลืออยู่อีก หัวใจของซั่งอวิ๋นเทียนคล้ายตายไปพร้อมกับฉยงเหนียงแล้ว เขาไม่เคยย่างเท้าเข้าห้องนางอีกเลย นางนึกไม่ถึงสักนิดว่าผลลัพธ์ที่ตนซุ่มวางแผนบงการให้เด็กรับใช้ไปเอาชีวิตฉยงเหนียงจะกลับกลายเป็นทำให้ครึ่งชีวิตหลังของตนต้องเฝ้าห้องหออันว่างเปล่าอย่างเดียวดาย เป็นม่ายทั้งที่ยังมีสามี…
เมื่อนึกถึงความทุกข์ระทมดุจหวงเหลียน* ที่กินไม่หมดสิ้นในชาติก่อน ความเคียดแค้นที่หลิ่วผิงชวนมีต่อฉยงเหนียงก็ยิ่งทวีความลึกล้ำ และยิ่งเกิดทิฐิยึดมั่นต่อซั่งอวิ๋นเทียนจนไม่อาจยอมปล่อยมือได้
ชาตินี้นางโชคดีได้เกิดใหม่ ทั้งไม่มีฉยงเหนียงมากั้นกลางอีก นางย่อมต้องวางแผนอย่างถี่ถ้วนเพื่อเอาชนะใจซั่งอวิ๋นเทียน จะได้ผูกวาสนาครองคู่กับเขาจนแม้แต่เทพเซียนยังต้องนึกอิจฉา
ทว่านางไม่มีรูปโฉมที่งามจับตาเช่นฉยงเหนียง ยิ่งไม่มีความสามารถด้านโคลงกลอนเหมือนอีกฝ่าย หวนนึกถึงเมื่อแรกที่นางได้ฟังเหตุการณ์จากปากฉยงเหนียงว่าทั้งสองพบเจอกันด้วยบทกวี นางก็ไม่เหลือความมั่นใจสักนิดที่จะทำให้ซั่งอวิ๋นเทียนหลงรักนางแต่แรกพบได้
อีกอย่างต่อให้ซั่งอวิ๋นเทียนหลงรักปักใจต่อนางจริง หากเขาไม่มีความสำเร็จติดตัว บิดามารดานางก็ไม่มีทางจะรับปากตบแต่งนางที่เป็นบุตรีภรรยาเอกให้กับชายหนุ่มยากจนผู้หนึ่งเด็ดขาด