X
    Categories: ทดลองอ่านมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน เกิดใหม่อีกที ไม่ขอสามีสกุลหลี่ เล่ม 5 บทที่ 7

หน้าที่แล้ว1 of 7

บทที่ 7

เสิ่นหยวนมองเห็นหลี่เป่าผิงขวางทางเดินของนางไว้แล้ว ซ้ำปากยังพูดถ้อยคำกำเริบเสิบสานเช่นนี้กับนาง คิ้วเรียวยาวทั้งสองข้างของนางก็อดจะขมวดมุ่นกว่าเดิมไม่ได้

ไฉ่เวยเป็นห่วงผู้เป็นนาย นางจึงจับแขนเสิ่นหยวนไว้แน่น พร้อมกันนั้นก็พูดกับหลี่เป่าผิงอย่างไม่พอใจ “คุณหนูสาม ท่านขวางทางฮูหยินของบ่าวด้วยเรื่องใดกันเจ้าคะ รบกวนท่านหลีกทางให้ฮูหยินไปด้วย”

หลี่เป่าผิงได้ยินแล้วก็กวาดตามองไฉ่เวยด้วยสายตาดูแคลนปราดหนึ่ง จากนั้นก็เบะปากด่าว่า “เจ้านับเป็นตัวอะไร ก็แค่สาวใช้นางหนึ่งเท่านั้น เจ้ามีสิทธิ์จะมาสอดปากขัดคำข้ารึ!”

พูดพลางหลี่เป่าผิงก็ตวาดสั่งปี้อวี้สาวใช้ที่อยู่ข้างกายนาง “สาวใช้นางนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตบปากนางให้ข้า!”

ไม่ว่าอย่างไรไฉ่เวยก็เป็นหัวหน้าสาวใช้ของเสิ่นหยวน ตบนางก็เท่ากับตบเสิ่นหยวนด้วย

ทว่าทั้งจวนนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าหลี่ซิวเหยาเห็นเสิ่นหยวนสำคัญยิ่งกว่าตนเอง หากยามนี้ทำให้เสิ่นหยวนเสียหน้า…

ปี้อวี้นึกภาพใบหน้าที่ราวกับปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งของหลี่ซิวเหยาแล้วก็ให้ตัวสั่นงันงก ไม่กล้าเดินไปตบไฉ่เวย

หลี่เป่าผิงเห็นแล้วก็โมโหยิ่งยวด

“ตัวไร้ประโยชน์! ให้เจ้าตบสาวใช้คนเดียวเจ้าก็ยังไม่กล้า ข้าจะเก็บเจ้าไว้ทำอะไร!” หลี่เป่าผิงทางหนึ่งบริภาษปี้อวี้เสียงดัง อีกทางก็ถกแขนเสื้อพลางเงื้อมือขึ้น ถึงกับคิดจะตบไฉ่เวยด้วยตนเอง

ทว่ามือของหลี่เป่าผิงยังไม่ทันตบลงบนหน้าไฉ่เวย แขนของนางก็ถูกคนจับไว้แน่นแล้ว

หลี่เป่าผิงเพ่งดูก็เห็นว่าผู้ที่จับแขนตนอยู่ถึงกับเป็นเสิ่นหยวน

สายตาที่เสิ่นหยวนมองหลี่เป่าผิงนั้นเย็นเยียบยิ่ง วาจาที่กล่าวออกมาก็เย็นชามิต่างกัน “ไฉ่เวยเป็นสาวใช้ของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์มาด่าว่าทุบตีนาง” พูดพลางออกแรงสะบัดมือหลี่เป่าผิงออก

หลี่เป่าผิงถึงกับทรงตัวไม่มั่นคง เซถอยหลังไปสามก้าว เท้าพลันไปกระแทกกับก้อนหินผิวเรียบก้อนหนึ่งจนตัวเอียงไปด้านข้าง

หลี่เป่าผิงกำลังจะล้มอยู่รอมร่อ เคราะห์ดีที่มือขวานางคว้าหินภูเขาจำลองที่ด้านข้างไว้ได้อย่างฉิวเฉียด ทว่าด้วยเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนบนหินจึงมีตะไคร่ขึ้นอยู่ทั่ว นางจึงคว้าได้ตะไคร่ที่ทั้งชื้นทั้งลื่นเต็มฝ่ามือ

หลี่เป่าผิงรู้สึกเสียหน้าเป็นที่สุด เดิมทีนางก็มีนิสัยหยิ่งผยอง อีกทั้งในใจก็ไม่พอใจต่อเสิ่นหยวนอยู่แล้ว ยามนี้รู้ตัวว่าตนเองทำเรื่องน่าขบขันอย่างมากออกมาต่อหน้าเสิ่นหยวน นางจึงโมโหจนใบหน้าแดงเถือก

หลี่เป่าผิงยืนตัวตรงขึ้นมา ยกมือชี้หน้าเสิ่นหยวนพลางด่าทันที “เจ้ากล้าผลักข้า? ข้าจะกลับไปฟ้องท่านแม่!”

เสิ่นหยวนมองหลี่เป่าผิงปราดหนึ่งด้วยสายตาเรียบเฉย

ชาติก่อนหลี่เป่าผิงก็มักรังแกเสิ่นหยวนอย่างนี้เป็นประจำ ขอแค่เสิ่นหยวนเถียงกลับหรือต่อต้านแม้เพียงนิด นางก็พูดว่าจะกลับไปฟ้องมารดาเช่นนี้

ทว่าเวลานั้นหลี่เป่าผิงยังพูดเพิ่มอีกประโยคด้วยว่า ‘จะไปฟ้องพี่รอง’

เวลานั้นเสิ่นหยวนใส่ใจหลี่ซิวหยวนมาก จึงกลัวเขาจะคิดว่าตนไม่ดีต่อคนในครอบครัวเขา จากนั้นก็จะยิ่งหมางเมินตนเอง ดังนั้นไม่ว่าหลี่เป่าผิงจะอาละวาดหรือหาเรื่องนางอย่างไร้เหตุผลเพียงไร นางก็ล้วนแต่อดทน

หากแต่ยามนี้…

เสิ่นหยวนยิ้มน้อยๆ สีหน้าราบเรียบมั่นคง ไม่เห็นความหวั่นไหวใดๆ น้ำเสียงสบายอกสบายใจอย่างที่สุด “ได้เลย!”

นางต้องกลัวเจี่ยงซื่อด้วยหรือ ยามนี้หลี่ซิวเหยาปกป้องนางเพียงนี้ ต่อให้หลี่เป่าผิงไปฟ้องจริง แต่เจี่ยงซื่อจะทำอันใดนางได้เล่า

เสิ่นหยวนพลันค้นพบเรื่องหนึ่ง การอยู่ในบ้านหลังหนึ่งสตรีจะมีชีวิตที่ดีหรือไม่ ยามอยู่บ้านเดิมนั้นขึ้นอยู่กับบิดามารดา ส่วนยามมาอยู่บ้านสามีก็ขึ้นอยู่กับสามีแล้ว

หากสามีไม่ยอมปกป้องภรรยาของตนเอง ภรรยาก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน เหมือนกับนางในชาติก่อนและเซี่ยเจินเจินในชาตินี้ แต่หากสามียอมปกป้องภรรยาของตนเอง ภรรยามีหรือจะถูกผู้อื่นรังแก ย่อมจะสามารถยืดอกตรงได้ มีความกล้ามากขึ้น…ก็เหมือนกับนางในชาตินี้

เมื่อมีคนคอยปกป้อง จิตใจก็พลอยเข้มแข็งไปด้วย เสิ่นหยวนในยามนี้จึงแตกต่างกับเมื่อชาติก่อนแล้ว

อย่างน้อยเมื่อหลี่เป่าผิงมองดูรอยยิ้มเฉยชาบนหน้าของเสิ่นหยวน ฟังน้ำเสียงที่ปราศจากความกลัวของนางแล้ว ก็ทำให้อีกฝ่ายไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม

หลี่เป่าผิงกลับยิ่งไม่พอใจ เดิมทีนางก็พูดเช่นนี้กับเซี่ยเจินเจินเป็นประจำ เซี่ยเจินเจินไม่กล้าตอกกลับนางเช่นนี้ แต่เสิ่นหยวนกลับ…

สายตาหลี่เป่าผิงเหลือบมองหน้าท้องที่นูนขึ้นมาน้อยๆ ของเสิ่นหยวน ในใจก็คิดว่าจะต้องเป็นเพราะสตรีนางนี้นึกว่าตนเองตั้งครรภ์แล้ว มารดาอาศัยบารมีบุตร ถึงได้ทำเป็นแข็งกร้าวต่อหน้านางขึ้นมา

ทว่าเสิ่นหยวนจะนับเป็นอะไรได้เล่า หลี่ซิวเหยาเดิมทีก็เป็นเพียงบุตรชายคนโตสายรอง ลูกที่เกิดออกมาจะสูงศักดิ์ได้เท่าไรกันเชียว

ด้วยเหตุนี้หลี่เป่าผิงจึงแค่นเสียงออกจมูก ก่อนพูดอย่างดูแคลน “เจ้าก็แค่ตั้งครรภ์เท่านั้นเอง ยังไม่ทันคลอดออกมา ใครจะไปรู้ว่าถึงเวลานั้นจะคลอดได้โดยปลอดภัยหรือไม่ ต่อให้คลอดออกมาแล้ว ไม่แน่อยู่ได้ไม่ถึงสามปีห้าปีก็อาจจะไปอยู่กับยมบาลแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจะสามารถโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างราบรื่นหรือไม่ ยามนี้เจ้ากลับอาศัยเรื่องนี้มาอวดดีต่อหน้าข้า ข้าจะบอกเจ้าให้ เจ้าน่ะ…!”

ยังพูดไม่ทันจบหลี่เป่าผิงก็ได้ยินเสียงดังฉาด แก้มซ้ายของนางพลันรู้สึกแสบร้อน

มีผู้เป็นแม่คนใดที่ทนให้ผู้อื่นมาว่าลูกของตนเองได้บ้าง คำพูดนี้ของหลี่เป่าผิงนับได้ว่าเป็นคำสาปแช่งแล้ว!

แม้หลังจากเสิ่นหยวนกลับมาเกิดใหม่จะไม่เกิดโทสะง่ายๆ และไม่เคยลงไม้ลงมือกับใครอย่างหยาบคายเช่นนี้ แต่ยามนี้นางเหลืออดจริงๆ จึงยกมือขวาขึ้นสูง แล้วตบลงบนแก้มซ้ายของหลี่เป่าผิงอย่างแรง

เสิ่นหยวนออกแรงมาก หลี่เป่าผิงจึงถูกนางตบจนมึนไปทันใด รู้สึกเพียงภาพตรงหน้าคล้ายมีดาวสีทองระยิบระยับ

พอหลี่เป่าผิงได้สติเต็มที่แล้วก็ยกมือชี้เสิ่นหยวนพลางเต้นเร่าๆ ร้องด่าว่า “เจ้าตบข้า? เจ้าถึงกับกล้าตบข้า?! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบข้า!”

แม้แต่เจี่ยงซื่อก็ยังไม่เคยตีนาง หลี่เป่าผิงโตมาจนป่านนี้ไม่มีใครกล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ ไม่คิดเลยว่าวันนี้กลับถูกเสิ่นหยวนตบหน้าอย่างแรง

หลี่เป่าผิงจึงทำท่าจะกระโจนเข้าสู้กับเสิ่นหยวนอย่างไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น

ใครเลยจะรู้ว่าเพิ่งก้าวเท้าออกไปได้ก้าวเดียว หลี่เป่าผิงก็พลันรู้สึกว่าตรงหัวเข่าและหน้าท้องคล้ายถูกของบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจัง เจ็บไปถึงขั้วหัวใจ นางงอตัวทรุดนั่งลงทันที

เสิ่นหยวนรู้ว่านี่น่าจะเป็นฝีมือขององครักษ์ลับที่หลี่ซิวเหยาจัดวางไว้ ได้พวกเขาคุ้มครองนางจากที่ลับเช่นนี้ ความกล้าของนางจึงยิ่งเพิ่มขึ้น

นางมองใบหน้าที่เจ็บจนบิดเบี้ยวของหลี่เป่าผิง ในใจพลันปรากฏภาพที่นางได้รับความไม่เป็นธรรมเพราะหลี่เป่าผิงเมื่อชาติก่อน ก่อนจะนึกถึงคำพูดของหลี่เป่าผิงที่แช่งชักลูกในท้องนางเมื่อครู่นี้ขึ้นมาอีก แค้นใหม่แค้นเก่ารวมกัน เสิ่นหยวนจึงตบแก้มขวาของหลี่เป่าผิงอย่างแรงอีกหนึ่งฉาด

บนแก้มทั้งข้างซ้ายข้างขวาต่างมีรอยนิ้วมือสีแดงอยู่ ช่างดูสมดุลกันเสียนี่กระไร

เวลานี้ปี้อวี้ตกใจจนเซ่อไปแล้ว นางเบิกตามองเสิ่นหยวน แต่กลับไม่กล้าเดินเข้ามา

หลี่เป่าผิงเองก็รู้สึกเจ็บแก้มทั้งสองข้าง เจ็บหัวเข่า หน้าท้องก็เจ็บ เจ็บแทบตายอยู่แล้ว

นางทั้งเจ็บทั้งโมโห อีกทั้งเดิมทีก็มิใช่คนฉลาด ยามนี้ไหนเลยจะยังมีสติสัมปชัญญะเหลืออยู่

หลี่เป่าผิงจึงพูดกับเสิ่นหยวนเสียงดังทันที “เจ้ามากำเริบเสิบสานอะไรอยู่ตรงนี้! เจ้าไม่รู้หรือไรว่าสามีผู้นั้นของเจ้าถูกธนูยิงเข้าที่อกซ้าย อาการปางตาย กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ที่ซานซี ไม่แน่คงใกล้ตายแล้ว พอเขาตายก็ไม่มีใครหนุนหลังเจ้า ถึงเวลานั้นดูซิว่าเจ้าจะยังกำเริบเสิบสานอย่างไรอีก!”

เมื่อเช้าเสิ่นหยวนเพิ่งแน่ใจว่าเมื่อคืนหลี่ซิวเหยามาหานางจริงๆ อีกทั้งเวลานั้นแม้บาดแผลที่ฝ่ามือซ้ายของเขาจะน่ากลัวแต่โดยรวมก็ยังดูสบายดี หากนางไม่พบเขามาก่อน มาได้ยินที่หลี่เป่าผิงพูดในยามนี้ นางจะต้องทั้งตระหนกตกใจทั้งเป็นกังวลแน่นอน

เสิ่นหยวนคิดในใจอย่างรวดเร็ว…ข้าเข้าใจแล้ว นี่จะต้องเป็นแผนที่หลี่ซิวเหยาวางไว้แน่นอน ทำให้คนทั้งหมดคิดว่าเขาบาดเจ็บสาหัส ยามนี้ยังพักฟื้นอยู่ที่ซานซี แต่ความจริงเขากลับมาซ่อนตัวอยู่บริเวณเมืองหลวง…

ทว่าที่สุดแล้วเสิ่นหยวนก็ยังเป็นห่วงหลี่ซิวเหยา กระนั้นกลับไม่แสดงออกทางสีหน้า เพียงพูดอย่างเย็นชา “สามีข้าเป็นอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของข้า ไม่รบกวนให้เจ้ามาเป็นกังวล”

หลี่เป่าผิงได้ยินก็โมโหอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าพูดเช่นนี้แล้วก็ยังไม่อาจทำให้เสิ่นหยวนลนลานได้ อีกฝ่ายยังคงดูมีท่าทางสงบนิ่งเช่นเดิม ซึ่งหลี่เป่าผิงไม่ชอบเห็นท่าทางเช่นนี้ของเสิ่นหยวนเป็นที่สุด อยากจะเห็นท่าทางหวาดหวั่นร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูกเสียมากกว่า

หลี่เป่าผิงมิอาจสู้ด้วยกำลังได้เลย ยามนี้แก้มทั้งสองข้างของนางยังคงแสบร้อน ทว่าความเจ็บตรงแก้มนี้ไม่เท่าไร ขอแค่ทนอีกสักครู่หนึ่งก็เจ็บน้อยลงแล้ว แต่ตรงหัวเข่าและหน้าท้องกลับเจ็บจนบนหน้าผากนางมีเหงื่อผุดออกมา

กระนั้นหลี่เป่าผิงยังคงไม่อยากปล่อยให้เสิ่นหยวนมองเห็นท่าทางทุลักทุเลของตนเอง จึงยังคงอดทนไม่ส่งเสียงโอดโอย แล้วร้องโวยวายดังลั่นแทน “ข้าบอกเจ้าว่าสามีเจ้าใกล้ตายแล้ว เจ้าก็ยังทำท่าเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตนเองได้อีกหรือ จริงสิ คิดว่าตอนแรกเจ้าคนสายเลือดชั้นต่ำนั่นคงจะบังคับแต่งเจ้ากลับมาเป็นแน่ ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดเขาสู่ขอได้สิบวันก็แต่งงานกันเช่นนี้ หากเขามิได้บังคับเจ้าให้แต่งด้วย เช่นนั้นก็คงเป็นเจ้ายอมแต่งให้ทหารอย่างเขาเอง ทั้งยังยอมแต่งในเวลาสั้นเพียงนั้นอีก? ช่างน่าขันนักที่เจ้าถูกเขาบังคับแต่งงาน และตอนนี้ก็ยังตั้งครรภ์ลูกของเขา เสิ่นหยวน คิดว่าทุกคืนวันที่เจ้าอยู่กับเขาคงจะทรมานใจทรมานกายมากกระมัง หากตอนนี้เขาตายไป เกรงว่ายังจะสมใจปรารถนาของเจ้าเสียมากกว่า!”

วาจานี้ของหลี่เป่าผิงช่างอำมหิตนัก ถึงเสิ่นหยวนจะเฉยชาเพียงไร ยามนี้ก็ยังโมโหจนสั่นไปทั้งร่างแล้ว

เมื่อครู่แช่งชักลูกในท้องข้าเต็มปากเต็มคำ ยามนี้ยังแช่งสามีของข้าอีก?

เสิ่นหยวนโมโหถึงที่สุดแล้วจริงๆ กำลังคิดจะยกเท้าถีบหลี่เป่าผิงให้เต็มแรงสักหน่อย แต่กลับได้ยินเสียงตะคอกดังมาจากด้านหลังเสียก่อน “น้องหญิงสาม หุบปาก!”

เสียงนี้ฟังคุ้นหูยิ่ง เสิ่นหยวนไม่ต้องหันหน้าไปมองก็รู้ว่าเป็นหลี่ซิวหยวน

เสิ่นหยวนอดจะยิ้มเย็นในใจไม่ได้ ประเสริฐนัก คนปกป้องหลี่เป่าผิงมาแล้ว

ทว่าเสิ่นหยวนมิใช่คนในชาติก่อนแล้ว ไหนเลยต้องมาใส่ใจอีกว่าหลี่ซิวหยวนจะเห็นนางเป็นอย่างไร หรือต่อไปจะหมางเมินนางอย่างไรอีก หากยั่วให้นางโมโห ไม่ใช่แค่หลี่เป่าผิง แม้แต่หลี่ซิวหยวนนางก็จะตบด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้เสิ่นหยวนจึงยืนอยู่อย่างนั้น มิได้หันหน้ากลับไปมอง

เสิ่นหยวนพลันเห็นว่ามีคนเร่งฝีเท้าเดินผ่านข้างกายไป ไม่รู้ว่าใช่ต้องการมาระวังไม่ให้นางพุ่งไปตบหลี่เป่าผิงหรือไม่ ถึงได้มายืนอยู่ตรงกลางระหว่างนางกับหลี่เป่าผิง

จากนั้นก็ได้ยินเสียงเย็นชาของหลี่ซิวหยวนตำหนิหลี่เป่าผิง “เจ้าเป็นบุตรสาวตระกูลใหญ่ พูดจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร หากใครมาได้ยินเข้าจะเกิดอะไรขึ้น…ยังไม่รีบประคองคุณหนูของเจ้ากลับไปอีก?”

ประโยคสุดท้ายเขาพูดกับปี้อวี้ อีกทั้งน้ำเสียงก็เคร่งขรึมเข้มงวดขึ้นมาฉับพลัน

ปี้อวี้สะดุ้งตกใจ รีบก้าวมาประคองหลี่เป่าผิง

หลี่เป่าผิงขุ่นเคืองเรื่องที่ปี้อวี้ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่ด้านหลังโดยตลอด เห็นเสิ่นหยวนตบหน้านางก็ยังไม่รู้จักเข้ามาช่วย ด้วยเหตุนี้พอปี้อวี้เข้ามาประคองนาง นางจึงสะบัดมือของปี้อวี้ออกอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

คิดไม่ถึงว่าจะออกแรงมากไปจนกระเทือนไปถึงแผลตรงเข่าและหน้าท้อง ทำให้นางเจ็บยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าจึงเปลี่ยนสีไปบ้างแล้ว

ทว่าหลี่เป่าผิงเป็นพี่น้องร่วมอุทรกับหลี่ซิวหยวน แม้หลี่ซิวหยวนจะดูเย็นชาเพียงไร แต่ปกติยังนับว่าปฏิบัติกับน้องสาวอย่างนางไม่แย่

มองเห็นหลี่ซิวหยวนมาถึง หลี่เป่าผิงก็ฟ้องทันที “พี่รอง นางรังแกข้า!”

‘นาง’ ที่พูดถึงนี้ย่อมจะหมายถึงเสิ่นหยวน

พูดพลางหลี่เป่าผิงก็ชี้รอยนิ้วมือบนแก้มทั้งสองข้างให้หลี่ซิวหยวนดู

หลี่เป่าผิงกินดีอยู่ดีมาตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้ผิวพรรณอ่อนนุ่มบอบบาง เมื่อครู่ด้วยความเดือดดาลสองฉาดที่เสิ่นหยวนตบไปจึงออกแรงมากยิ่ง ยามนี้สองแก้มของหลี่เป่าผิงจึงบวมแดงขึ้นมา เห็นแล้วชวนให้ตกใจอยู่บ้าง

หลี่ซิวหยวนมองนางปราดหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ามามองเสิ่นหยวน

เสิ่นหยวนย่อมไม่กลัวเขา จึงสบตากับเขาด้วยสายตานิ่งสงบ

หลี่ซิวหยวนสายตาเข้มขึ้น สุดท้ายเขาก็หันหน้ากลับไป แล้วสั่งปี้อวี้ว่า “ประคองคุณหนูของเจ้ากลับไป”

ปี้อวี้รับคำ ก่อนก้าวมาประคองหลี่เป่าผิงอย่างขลาดกลัว

คราวนี้หลี่เป่าผิงมิได้สะบัดมือของปี้อวี้ออก เพียงแค่พูดกับหลี่ซิวหยวนว่า “พี่รอง ช่วยข้าสั่งสอนนางด้วย”

ตัวของหลี่เป่าผิงนั้นเจ็บจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงอยากจะกลับไปพัก รอหายเจ็บแล้วนางยังต้องไปฟ้องมารดาถึงเรื่องที่เสิ่นหยวนตบหน้าอีก ถึงเวลานั้นจะต้องทำให้เสิ่นหยวนได้ลำบากบ้าง

หลี่ซิวหยวนมองปี้อวี้ประคองหลี่เป่าผิงเดินไปไกลแล้วถึงค่อยหมุนตัวกลับไปมองเสิ่นหยวน ไม่คิดว่าจะเห็นไฉ่เวยกำลังประคองเสิ่นหยวนเดินกลับ

หลี่ซิวหยวนรีบเอ่ยปากเรียกเสิ่นหยวนไว้ “เจ้ารอก่อน”

เสิ่นหยวนหยุดชะงัก จากนั้นก็หันตัวกลับมา สีหน้าสงบนิ่ง น้ำเสียงที่เอ่ยก็เย็นยะเยือก “เจ้าคิดจะทวงความเป็นธรรมแทนน้องสาวเจ้า?”

ชาติก่อนเสิ่นหยวนได้รับความไม่เป็นธรรมเหล่านี้ไม่น้อย มักเป็นหลี่เป่าผิงไปฟ้อง จากนั้นนางก็จะถูกเจี่ยงซื่อลงโทษและถูกหลี่ซิวหยวนหมางเมิน แต่ในชาตินี้เสิ่นหยวนไม่ต้องอดทนกับเรื่องเหล่านั้นอีกแล้ว

มีหลี่ซิวเหยาคอยปกป้องอยู่ ไยนางต้องทนรับความไม่เป็นธรรมพวกนั้นอีกเล่า

หลี่ซิวหยวนกลับไม่ได้พูดอะไร เพียงมองท้องน้อยที่นูนขึ้นมาของเสิ่นหยวน ริมฝีปากเม้มน้อยๆ

เสิ่นหยวนเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว นางรู้สึกรำคาญอยู่เสมอยามต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างหลี่เป่าผิงและหลี่ซิวหยวน เห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไร นางก็จับมือไฉ่เวยทำท่าจะจากไป

แต่แค่เสิ่นหยวนหมุนตัวกลับเดินไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเย็นชาของหลี่ซิวหยวนดังขึ้นอย่างเชื่องช้า “สาเหตุที่เจ้าแต่งงานกับหลี่ซิวเหยาเป็นเพราะว่าถูกเขาบังคับ ฉะนั้นจึงจำใจต้องแต่ง?”

ได้ยินดังนี้เสิ่นหยวนก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเห็นหลี่ซิวหยวนเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้า

หลี่ซิวหยวนสวมชุดจื๋อตัวแบบที่พวกบัณฑิตมักใส่กัน ตัวชุดเป็นสีหยก ด้านบนปักลายใบไผ่ บนศีรษะปักด้วยปิ่นหยกลายปล้องไผ่สีเขียวอ่อน รูปร่างผอมสูง รูปโฉมหล่อเหลา ท่าทางดูสง่าภูมิฐาน

เสิ่นหยวนเห็นแล้วต้องกล่าวว่าหลี่ซิวหยวนมีบุคลิกที่ดี เขายืนอยู่ตรงนี้ก็คล้ายว่าเป็นไผ่เขียวใต้แสงจันทร์ ดูบริสุทธิ์ลุ่มลึก ทำให้คนเห็นแล้วลืมไม่ลง

เมื่อชาติก่อนเสิ่นหยวนก็ถูกลักษณะที่ดูเย็นชาสันโดษนี้ของเขาดึงดูด จนตนเองกลายเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ สุดท้ายก็มีจุดจบเช่นนั้น ทว่าชาตินี้…

บนหน้านางมีรอยยิ้มน้อยๆ แม้เสียงจะฟังดูเรียบเฉย แต่ก็มีความเย็นชาห่างเหินอยู่ในคำพูด “เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

ในตอนแรกเสิ่นหยวนถูกหลี่ซิวเหยาบีบบังคับให้แต่งงานด้วยจริง แต่หลังจากได้ขจัดความเข้าใจผิดทั้งหมดออกไปแล้ว นางก็มีใจให้หลี่ซิวเหยา อยากจะมีลูกกับเขา และใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขจริงๆ

ยิ่งกว่านั้นมีความเป็นไปได้มากที่หลี่ซิวเหยาจะเป็นอวี้หลาง…อวี้หลางที่ช่วยนางไว้ในชาติก่อน ในเวลาที่นางเดียวดายไร้ที่พึ่งที่สุดในชีวิต เขาก็ยังอยู่เคียงข้างนางอย่างอ่อนโยนถึงหนึ่งปี

คิดถึงตรงนี้เสิ่นหยวนก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา อยากจะพบหลี่ซิวเหยาเสียเดี๋ยวนี้ใจแทบขาด

ส่วนคนตรงหน้านี้…นางไม่อยากเห็นแม้แต่ชั่วขณะเดียว

ด้วยเหตุนี้นางจึงมองหลี่ซิวหยวนตรงๆ พลางพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย “รบกวนเจ้าหลีกทางด้วย”

หลี่ซิวหยวนกำลังยืนอยู่บนทางที่เสิ่นหยวนต้องใช้กลับเรือนจิ้งหยวน เดิมทีทางเส้นนี้ก็เล็กอยู่แล้ว เมื่อหลี่ซิวหยวนยืนอยู่ตรงนั้น นางก็ไม่อาจผ่านไปได้

ทว่าหลี่ซิวหยวนกลับไม่มีท่าทีจะหลีกทาง กลับช้อนตามองเสิ่นหยวนเงียบๆ

นี่มิใช่สายตาเอือมระอาและเหยียดหยามดูแคลนเช่นเวลาที่หลี่ซิวหยวนมองเห็นนางเมื่อก่อน ทว่าสายตาของเขาในยามนี้มีอารมณ์ใดแฝงอยู่กันแน่นั้น เสิ่นหยวนก็มองได้ไม่ชัด แน่นอนว่านางไม่อยากมองเห็นให้ชัดเจนด้วย

ทุกสิ่งทุกอย่างของคนผู้นี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางแล้ว

แต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ซิวหยวนไม่คิดเช่นนี้ เสิ่นหยวนได้ยินเขาพูดว่า “เมื่อครู่เป่าผิงพูดถูก ไม่เคยมีใครที่วันสู่ขอและวันแต่งงานห่างกันแค่สิบวันเช่นนี้ รีบร้อนปานนี้ อีกทั้งเวลานั้นเพิ่งจะเกิดเรื่องกับซื่อจื่อของก่วงผิงป๋อหลี่ซิวเหยาก็ไปสู่ขอที่บ้านเจ้าทันที ไม่แน่ว่าการตายของซื่อจื่ออาจจะเกี่ยวข้องกับเขา เจ้าคงถูกเขาบังคับถึงได้จำใจแต่งงานกับเขา ใช่หรือไม่”

พูดถึงตอนท้ายบนหน้าหลี่ซิวหยวนก็ปรากฏแววเดือดดาล ราวกับว่าเสิ่นหยวนมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับเขายิ่งยวด หลี่ซิวเหยาบีบบังคับเสิ่นหยวน เขาก็พลอยรู้สึกเหมือนถูกบีบบังคับไปด้วย

เสิ่นหยวนเห็นหลี่ซิวหยวนมีท่าทางเช่นนี้ก็อึ้งงันไป ทว่าจากนั้นก็รู้สึกขบขัน

นี่นับเป็นอะไรกัน เขาแสดงความแค้นเคืองต่อเรื่องนี้มากเพียงนี้ไปไย ที่แล้วมาเขามิใช่มองเห็นนางก็รู้สึกเอือมระอา อยากจะให้นางอยู่ไกลๆ จากเขาเสียใจแทบขาดหรอกหรือ ไม่เคยเห็นเขาถามไถ่เรื่องของนางเช่นนี้มาก่อน

แต่ตอนนี้เขากลับแสดงท่าทางเหมือนว่าสนใจเรื่องของนางเสียเต็มประดา

ไยนางต้องให้คนพรรค์นี้มาสนใจด้วย

หากเป็นชาติก่อน ยามรู้ว่าหลี่ซิวหยวนสนใจตนเองเพียงนี้ เสิ่นหยวนจะต้องดีใจเจียนคลั่งแน่นอน ทว่าชาตินี้นางกลับไม่เห็นท่าทางสนอกสนใจของเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

ด้วยเหตุนี้เสิ่นหยวนจึงพูดอีกรอบ “เรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าช่วยหลีกทางด้วย”

หลี่ซิวหยวนได้ยินที่นางพูดแล้วกลับยังคงมองนางอย่างเงียบๆ ไม่ได้มีท่าทีจะหลีกทางให้แม้แต่นิดเดียว

เสิ่นหยวนเห็นดังนี้ ในใจก็เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา นางจึงจับมือไฉ่เวย ก้าวเท้าทำท่าจะเดินไปบนทางเล็กอีกเส้นที่ด้านข้างแทน

ทางเล็กที่หลี่ซิวหยวนยืนอยู่ตอนนี้เป็นทางไปเรือนจิ้งหยวนที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด แต่ในเมื่อเขาไม่หลีกทางให้เสียที เสิ่นหยวนจึงยอมเดินอ้อมไปทางอื่น อย่างไรก็ดีกว่ายืนพูดกับหลี่ซิวหยวนตรงนี้ต่อ

แต่คิดไม่ถึงว่าเสิ่นหยวนเพิ่งจะออกเดินได้สองก้าว ก็เห็นหลี่ซิวหยวนเดินมาที่ทางเล็กเส้นนี้แล้วขวางทางนางไว้อีกครั้ง

เสิ่นหยวนชักสีหน้าอย่างทนไม่ไหว คิ้วเรียวยาวทั้งสองขมวดมุ่น ช้อนตามองหลี่ซิวหยวนด้วยความไม่พอใจพลางพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “หลีกไป!”

มือของไฉ่เวยที่ประคองแขนเสิ่นหยวนอยู่พลันเกร็งขึ้นมา ในใจเริ่มจะตึงเครียดเช่นกัน

ในความทรงจำของไฉ่เวยทุกครั้งเวลาหลี่ซิวหยวนเห็นเสิ่นหยวนมิใช่ล้วนหันหลังเดินหนีโดยไม่พูดอะไรสักคำหรือไร แต่ไฉนยามนี้…

มิหนำซ้ำ แม้พวกเขาทั้งสองจะเป็นน้องสามีและพี่สะใภ้กัน แต่อย่างไรก็ยังต้องระวังคำครหา ตอนนี้นายท่านไม่อยู่บ้าน หากมีบ่าวไพร่คนอื่นมาเห็นหลี่ซิวหยวนขวางทางเจ้านายของนางเช่นนี้ ในใจจะคิดอย่างไรเล่า

หากพวกนางนำไปซุบซิบนินทา จะอย่างไรหลี่ซิวหยวนก็เป็นบุรุษ ย่อมไม่ต้องกลัวอะไร แต่ชื่อเสียงของเจ้านายของนางจะต้องมัวหมองแน่นอน

ถ้าถึงเวลานั้นนายท่านล่วงรู้เข้า…ในใจจะคิดอย่างไร

ความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินกับนายท่านเพิ่งจะดีขึ้นแท้ๆ

ด้วยเหตุนี้ไฉ่เวยจึงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยอบตัวทำความเคารพหลี่ซิวหยวน จากนั้นก็เอ่ย “คุณชายรอง บัดนี้ฮูหยินของบ่าวตั้งครรภ์ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ท่านหมอบอกว่ายืนนานขยับตัวนานไม่ดี นี่ฮูหยินก็ออกมาได้พักใหญ่ ยามนี้ควรกลับไปพักแล้ว ขอท่านโปรดหลีกทางให้ฮูหยินของบ่าวผ่านไปด้วยเจ้าค่ะ”

ไฉ่เวยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทางก็นอบน้อม หวังให้หลี่ซิวหยวนยอมหลีกทางให้

หลี่ซิวหยวนฟังไฉ่เวยพูดจบแล้ว สายตาก็มองหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยของเสิ่นหยวน

ในท้องของเสิ่นหยวนคือลูกของนางกับหลี่ซิวเหยา…

คิดถึงตรงนี้ในใจหลี่ซิวหยวนก็อดรู้สึกฝาดเฝื่อนขึ้นมาไม่ได้ และก็มีความริษยาอยู่รำไร ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเอาแต่ยืนกรานจะเชื่อว่าเสิ่นหยวนแต่งงานกับหลี่ซิวเหยาเพราะถูกอีกฝ่ายบีบบังคับ

หลี่ซิวหยวนคิดแล้วจึงพูดกับเสิ่นหยวนอย่างอ่อนโยน “แม้ว่าตอนนี้ในมือหลี่ซิวเหยาจะมีอำนาจมากยิ่ง แต่เจ้าไม่ต้องกลัวไป ยามนี้เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ซานซียังไม่อาจกลับมาได้ หรือต่อให้เขาจะกลับมาแล้วก็ไม่เป็นไร ขอเพียงเจ้าต้องการหย่ากับเขา ข้าก็จะช่วยเจ้าเอง”

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มในเดือน ธันวาคม 63)

 

หน้าที่แล้ว1 of 7

Comments

comments

No tags for this post.
nungruthai Marcom: