ยามที่เอ่ยวาจานี้ บนใบหน้าฉยงเหนียงปราศจากแววดุร้าย ทว่าน้ำเสียงอันราบเรียบเมื่อเข้าคู่กับแววตาเยือกเย็นที่ไม่สมกับวัยของนาง กลับทำให้คนขายเนื้อแซ่จางหนาวสั่น
ตอนนี้เองผู้คนก็เริ่มเข้ามาไกล่เกลี่ยอย่างขอไปที บอกว่าฉยงเหนียงไม่รู้ความ พูดกับผู้อาวุโสเช่นนี้ใช้ได้ที่ใดกัน อีกอย่างทุกคนล้วนเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง เพียงเข้าใจผิดเท่านั้นชี้แจงกันก็พอ ทั้งในเรื่องนี้ยังเกี่ยวพันถึงผู้สูงศักดิ์ ชาวบ้านสามัญไม่พึงนำผู้สูงศักดิ์มาเป็นข้อถกเถียง…ท่ามกลางเสียงโขมงโฉงเฉงจากหลายคนหลายปาก ในที่สุดก็เกลี้ยกล่อมสองสกุลให้กลับไปจนได้ จากนั้นทุกคนต่างก็แยกย้ายกันจากไป
ทว่าสำหรับบุตรสาวสกุลชุยที่เพิ่งสลับกลับคืนมาผู้นี้ ผู้คนทั้งหลายนับว่ามองนางด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปแล้ว
นี่สิคือลูกในไส้ ความแสบสันจัดจ้านของหลิวซื่อมีผู้สืบทอดแล้ว! นิสัยเยี่ยงนี้หากถูกฉุดขึ้นรถม้าไปจริงก็ไม่แน่ว่าจะเสียเปรียบ ข้อมือที่เพรียวบางนั้นเพียงบิดวูบ ‘พลองสืบสกุล’ ของผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นเป็นได้ถูกบิดหนึ่งวงรอบจนอ่อนปวกเปียกแล้ว มีหรือยังสามารถพรมพิรุณไม่ขาดสาย ก่อเมฆฝนไม่ขาดตอน
แต่ต่อให้เป็นสตรีที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ด้วยอุปนิสัยที่ดุร้ายเพียงนี้ ทั้งมีมารดาซึ่งเข้ากระชากเสื้อผ้าผู้อื่นทันทีที่พูดไม่เข้าหู ก็ทำให้ผู้คนเห็นแล้วผงะชะงักฝีเท้าทันที
อย่างน้อยที่สุดในใจฉู่เซิ่งซึ่งชมการต่อสู้อยู่ในหอสุราวั่งอวิ๋นที่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำนานแล้วก็คิดเช่นนี้ เขาลอบช้อนตามองท่านอ๋องของตนแวบหนึ่ง
“ท่านอ๋อง วันนี้มีคนจากในวังมาแจ้งว่าองค์หญิงยงหยางทรงรบเร้าจะเสด็จมาพบท่านอ๋องที่คฤหาสน์ ท่านอ๋องเห็นว่า…”
นับแต่การต่อสู้อันวุ่นวายเมื่อครู่เริ่มต้นขึ้น สองตาของฉู่เสียก็จับจ้องเงาร่างอรชรนั้นไม่ละสายตา สุราในมือไม่ได้ดื่มลงคอสักหยดเดียว ต่อเมื่อเห็นเงาร่างสายนั้นลับหายไปตรงปากตรอก เขาถึงค่อยยกจอกสุราขึ้นกล่าว “ข้าสั่งให้เจ้าซื้อนางบำเรอกลับมาจำนวนหนึ่งไม่ใช่หรือ นางจะมาก็มาเถอะ จะได้มองให้ชัดว่าข้างกายข้าหลางอ๋องไม่มีที่สำหรับสตรีในราชวงศ์ ยิ่งจะช่วยให้ผู้ที่อยู่ในวังท่านนั้นมีข้ออ้างมาปั้นแต่งความผิดข้า…”
ฉู่เซิ่งรีบขานตอบ “ข้าน้อยติดต่อพ่อค้าทาสที่เชื่อถือได้และเลือกซื้อนางบำเรอที่โฉมงามความประพฤติดีมาแล้วขอรับ ข้าน้อยเห็นท่านอ๋องมองแม่นางสกุลชุยรื่นตา เดิมทีก็จัดรายการของกำนัลไว้แล้ว ด้วยเห็นว่านางมาจากครอบครัวที่สุจริตไม่ด่างพร้อย เพื่อแสดงว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญ ข้าน้อยจึงเตรียมจะไปทาบทามสามีภรรยาสกุลชุยเรื่องรับนางเข้าจวนด้วยตนเอง ทว่าตอนนี้ดูแล้ว แม่นางผู้นี้แม้ชวนมอง อุปนิสัยกลับช่าง…”
ฉู่เสียดื่มสุราในจอกช้าๆ พริ้มตาลิ้มรสชาติ เนิ่นนานให้หลังถึงเอ่ยเนิบๆ “ยกเลิกของกำนัลไปเถอะ พ่อบ้านที่ทำงานคล่องใช่ว่าจะหาง่าย ข้ากลัวว่าพอเจ้าเข้าสกุลชุยไปเอ่ยปาก จะถูกคนทั้งครอบครัวนั้นกระหน่ำด้วยพลองจนตายคาลานเรือนไปเสียก่อน”
ฉู่เซิ่งรู้อุปนิสัยของผู้เป็นนายดี ท่านอ๋องเย็นชาไม่ชอบพูดเล่นมาแต่ไหนแต่ไร คำพูดเมื่อครู่จึงมีความหมายตามตัวอักษรนั้นจริงๆ
หลังจากได้ประจักษ์กับตาถึงความห้าวหาญดุดันของคนสกุลชุยทั้งผู้ใหญ่และผู้เยาว์ ฉู่เซิ่งก็เป็นกังวลแทนผู้เป็นนายจนหลั่งเหงื่อเย็นเต็มมือ แต่ด้วยความภักดีที่พึงยึดถือจนสุดหัวใจ เขาจะถอยหนีมิได้ “เพื่อท่านอ๋องแล้ว ข้าน้อยขอบุกน้ำลุยไฟโดยไม่ปฏิเสธเป็นอันขาด!”
ฉู่เสียพยักหน้ากล่าว “มีความภักดีเช่นนี้ก็ดียิ่ง ในจวนชั่วคราวมีนางบำเรอไม่น้อยแล้ว แต่กลับขาดมือดีในการปรุงอาหาร เจ้าจงไปเยือนสกุลชุย ว่าจ้างแม่นางผู้นั้นมาเป็นแม่ครัวทำอาหารประจำจวนข้าดีกว่า!”
ฉู่เซิ่งรีบผงกศีรษะขานรับ “แม้ดูแล้วครอบครัวนั้นจะให้ความสำคัญกับบุตรสาวอย่างมาก แต่ถึงเวลาหากจ่ายค่าจ้างก้อนใหญ่ แม่นางผู้นั้นจะต้องยินยอมเป็นแน่”
ฉู่เสียเพียงเหยียดนิ้วมือออกไปห้านิ้วอย่างเกียจคร้าน ฉู่เซิ่งก็ผงกศีรษะแสดงว่าเข้าใจ “ค่าจ้างเดือนละห้าสิบตำลึงเงิน รับรองทำให้แม่นางผู้นั้นไม่ปฏิเสธแน่ๆ ขอรับ”
ฉู่เสียแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา “เงินแค่ห้าเฉียนก็พอแล้ว”