เรือนเล็กแห่งนี้เงียบสงบ มีนางอยู่เพียงลำพัง นางนำน้ำร้อนหนึ่งกาที่หิ้วมาจากครัวเล็กเทลงในอ่าง ตั้งใจจะเช็ดเนื้อตัวขจัดกลิ่นควันไฟบนร่างสักหน่อย
ทว่ายามที่เพิ่งเช็ดตัวไปได้ครึ่งทาง นอกเรือนกลับมีคนมาตะโกนเรียกนางเสียก่อน “ฉยงเหนียง ท่านอ๋องสั่งให้เจ้าไปตักอาหาร!”
ฉยงเหนียงมือไม้ปั่นป่วนรีบเกล้าเรือนผมยาวที่เพิ่งจะคลายออก ก่อนค้นชุดหรูฉวินจากในห่อสัมภาระออกมาผลัดเปลี่ยน ในใจนางกระหวัดถึงพระปรีชาของจยาคังตี้อีกครั้ง หากทรงกักตัวฉู่เสียมารร้ายผู้นี้เร็วขึ้นก็จะยิ่งดี เขาจะได้ไม่อยู่เป็นภัยต่อโลกมนุษย์
เมื่อมาถึงห้องหนังสือ ฉยงเหนียงไม่เห็นร่องรอยของเมี่ยวหลิงกับบ่าวชายแต่อย่างใด มีเพียงฉู่เสียผู้เดียวนั่งอยู่ข้างโต๊ะเตี้ยบนเสื่อหอม อาหารหลายอย่างที่นางทำก็จัดวางอยู่บนโต๊ะนั้น แต่กลับไม่เห็นเขาขยับตะเกียบ
หลังจากนางเดินเข้าไปก็คุกเข่าที่ริมเสื่อหอมเพื่อรอคำสั่ง ทว่าไม่เห็นเขาสั่งการเสียที จึงได้แต่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นโดยไม่เอ่ยวาจา ชั่วขณะนั้นในห้องหนังสืออันเงียบสงัดมีเพียงเสียงพลิกตำราของฉู่เสีย
ฉยงเหนียงอยู่ว่างจนแสนเบื่อหน่าย จึงใช้หางตาเหลือบมองตำราที่ฉู่เสียวางอยู่ข้างมุมโต๊ะ เล่มที่อยู่บนสุดแง้มให้เห็นเนื้อความหนึ่งหน้า บนนั้นเขียนว่า…
‘ฝนโชกหญ้าชุ่มอาภรณ์คนมิกลับ ท่าข้ามฟากตะวันลับยังวนเวียน’
นางตะลึงงันอย่างห้ามไม่อยู่ พลันตระหนักได้ว่าในตำราเล่มนั้นก็คือคำกลอนที่นางเคยแต่งไว้
ชาติก่อนหลิ่วเมิ่งถังหมายจะให้ชื่อเสียงด้านความสามารถของบุตรสาวขจรขจายไปไกล จึงกำชับเป็นพิเศษให้นางรวบรวมบทกวีที่ประพันธ์ในยามปกติมาให้ครบถ้วน จากนั้นเขาก็ไหว้วานคนจัดทำเป็นรูปเล่ม เพียงแต่ไม่เหมาะจะระบุนามจริงของหญิงสาว จึงตั้งฉายา ‘ผู้สันโดษธารกระจ่าง’ สำหรับระบุบนหน้าหนังสือ
หลังจากนางสร้างชื่อในวันเทศกาลซั่งซื่อ ถึงได้เปิดเผยฉายานี้ในหมู่สหายหญิงที่สนิทสนมกัน ส่งผลให้ชั่วขณะนั้นหนังสือรวมบทกวีของผู้สันโดษธารกระจ่างกลายเป็นที่นิยมอย่างสูงและแพร่หลายในวงกว้าง คุณชายตระกูลลือนามทั่วเมืองหลวงที่ยังไม่ได้แต่งภรรยาล้วนมีติดมือหนึ่งเล่มกันแทบทุกคน เพื่อมิให้ยามพบปะคนงามในงานชุมนุมบทกลอนแล้วขาดหัวข้อสนทนา
แต่นึกไม่ถึงว่าชาตินี้ฉายาผู้สันโดษธารกระจ่างยังไม่ทันจะโด่งดัง หนังสือรวมบทกวีหนึ่งเล่มก็ถึงกับมาปรากฏอยู่ในห้องหนังสือของฉู่เสียแล้ว ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดวาบขึ้นในใจฉยงเหนียงทันใด
ดูเหมือนฉู่เสียจะสังเกตเห็นสายตาของนาง เขาพลันยื่นมือหยิบหนังสือรวมบทกวีเล่มนั้นโยนมาที่ข้างเท้านางแล้วชี้มือมายังหน้าที่เปิดอยู่ “อ่านซิ”
ฉยงเหนียงเงยหน้าเหลือบมองอย่างฉับไวก็สบกับดวงตาอันดำลุ่มลึกของเขาเข้าอย่างจัง นางขบริมฝีปากก่อนจะอ่านเสียงเบา ส่งผลให้สุ้มเสียงอันหวานหูชวนฟังดังสะท้อนห้องหนังสืออันเงียบสงบ