ฉู่เสียหยิบตะเกียบหยกสีงาช้างคีบขนมโก๋ถั่วเขียวที่เย็นชืดแล้วหนึ่งชิ้นใส่เข้าปาก วันนี้ลิ้นที่เย่อหยิ่งจนเคยตัวถึงกับยอมลำบากใจกลืนขนมชิ้นนั้นลงไปช้าๆ เขาอ่านตำราพิชัยสงครามในมือต่อ แต่ในใจกลับคิดว่าวันเทศกาลซั่งซื่อเดิมทีฉยงเหนียงควรจะได้แต่งกายงดงามเข้าวังไปด้วยกัน น่าเสียดายตอนนี้กลับถูกสตรีหน้าไม่อายผู้หนึ่งยึดครองตำแหน่งไปอย่างเสียเปล่า
คิดมาถึงตรงนี้เขาก็เงยหน้ามองไปนอกหน้าต่าง ซึ่งสามารถมองเห็นเงาหลังในชุดหรูฉวินเนื้อหยาบนั้นได้รำไร…
ภายหลังฉยงเหนียงออกมาจากห้องหนังสือก็กลับมาที่เรือนเล็กของตน รอจนส่องคันฉ่องสำริดดู นางถึงค่อยพบว่าปิ่นปักผมคลายออกอีกแล้ว เพียงคิดว่าเมื่อครู่สภาพเช่นนี้ของตนตกอยู่ในสายตาหลิ่วเจียงจวี นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ยกมือหวีเรือนผมใหม่อีกหน ทว่าเพิ่งเกล้ารวบไปได้ครึ่งทาง เสียงเคาะประตูก็ดังมาจากนอกลานเรือนเสียก่อน
ฉยงเหนียงจึงได้แต่สยายเรือนผมเดินไปถึงประตูลานเรือน จากนั้นก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังจากนอกประตูเข้ามาให้ได้ยิน “ฉยงเหนียง พี่เอง เจ้าสะดวกเปิดประตูพบพี่สักครู่หรือไม่”
ที่แท้หลิ่วเจียงจวีขออนุญาตองค์หญิงยงหยางมาทำธุระส่วนตัวสักครู่ พอออกจากเขตเรือนชั้นใน เขาก็ตรงมาหาน้องสาวเพื่อจะสนทนากัน ทว่ารอจนฉยงเหนียงแง้มเปิดบานประตูครึ่งหนึ่ง หัวใจของเขากลับหดเกร็งอีกครั้ง
เรือนผมยาวดุจต่วนแพรของอดีตน้องสาวแผ่คลุมอยู่เบื้องหลังลำคอระหง ยิ่งขับเน้นให้ดวงหน้าเล็กรูปเมล็ดแตงดูขาวผ่องนวลเนียน ทำให้เขาเห็นแล้วทั้งหวงแหนทั้งปวดใจ
หลิ่วเจียงจวีเอ่ยถาม “เป็นเพราะสามีภรรยาสกุลชุยทำทารุณกับเจ้า ขายเจ้าเข้ามาเป็นบ่าวในจวนอ๋องใช่หรือไม่”
ฉยงเหนียงเห็นสีหน้าเขาไม่สู้ดี ทั้งฉาบด้วยโทสะ มีท่าทีว่าอึดใจถัดมาจะไปคิดบัญชีกับผู้อื่นแล้ว นางจึงรีบชี้แจง “พ่อแม่ข้ารักถนอมข้ามาก พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก” จากนั้นนางก็เล่าสาเหตุที่ตนเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องให้เขาฟังอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
หลิ่วเจียงจวีแม้อายุยังน้อย ทว่ารูปกายสูงใหญ่ อุปนิสัยสุขุมหนักแน่น จึงดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุจริงมาก ทว่าชั่วขณะนี้ต่อให้เขาเยือกเย็นสักเพียงใดก็ไม่อาจกดข่มโทสะได้อีกต่อไป “ฉู่เสียตัวดี นี่ไม่ใช่การกรรโชกทรัพย์หรอกหรือ เขาจำเพาะหลอกเจ้าเข้าจวนมีเจตนาอะไรกันแน่ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล พี่จะรีบกลับไปรวบรวมเงินมาให้เขา ไถ่อิสรภาพเจ้าออกจากที่นี่”
ฉยงเหนียงกำลังจะเอ่ยปาก หลิ่วเจียงจวีก็ชิงพูดตัดบทนาง “ท่านพ่อท่านแม่มีสิ่งที่พวกท่านต้องคำนึงถึง การกระทำบางอย่างอาจไม่ค่อยเป็นธรรมต่อเจ้า ทว่าเจ้าอย่าได้เก็บความแค้นเคืองไว้ในใจเลย ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ยังคงเป็นน้องสาวของพี่ ทุกเรื่องพี่จะปกป้องเจ้าเอง”
ในใจฉยงเหนียงตื้นตันยิ่งนัก ชาติก่อนยามที่ไม่ราบรื่นดังหวัง นางไม่อาจได้รับความช่วยเหลือจากหลิ่วเจียงจวีแม้เพียงนิด ในใจนางไม่เคยเคืองโกรธก็จริงอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าพี่ชายผู้นี้ยากจะเข้าใกล้ นึกไม่ถึงเลยว่าชาตินี้เขาจะห่วงใยนางเช่นนี้ มาคิดดูแล้วเกรงว่าชาติก่อนนางคงเข้าใจพี่ชายผิดไป ตอนนั้นเขายังอยู่ที่ค่ายทหารชายแดน สองคนพี่น้องไม่มีโอกาสพบหน้า เรื่องราวมากมายของนางเขาย่อมไม่ล่วงรู้
ตอนนี้เองมีคนผู้หนึ่งเดินมาทางด้านหลังของหลิ่วเจียงจวี ก็คือองค์หญิงยงหยาง
ชาติก่อนนางกับองค์หญิงยงหยางสนิทกันมากทีเดียว องค์หญิงผู้นี้แม้เป็นพระธิดาที่จยาคังตี้เอ็นดูมากที่สุด ทว่าต่อมาไม่รู้เพราะเหตุใดจึงสูญเสียความโปรดปรานและถูกหมางเมินยิ่งขึ้นทุกที ซ้ำเส้นทางความรักขององค์หญิงก็ไม่ราบรื่น แรกสุดเลือกคู่ครองเป็นบุตรชายใต้เท้าเซินซึ่งเป็นพระอาจารย์ของรัชทายาท ทว่าสามีผู้นั้นบุญน้อยอายุสั้น ทำให้องค์หญิงต้องเป็นม่ายตั้งแต่อายุยี่สิบ