ฉยงเหนียงลอบถอนใจอีกครา รู้สึกว่าตนเองในชาติก่อนช่างเอาชนะคะคานเสียจริง ไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้หน้าให้หลุดลอยไปเลย ทว่าชาตินี้นางไม่มีวาสนาจะเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังแล้ว ผู้ที่จะทอประกายเจิดจรัสในงานเกรงว่าคงเป็นหลิ่วผิงชวนแทน
นึกถึงหนังสือรวมบทกวีที่ถูกเปลี่ยนเจ้าของแล้วเล่มนั้น แม้ฉยงเหนียงไม่ได้ใส่ใจนักที่ถูกผู้อื่นขโมยผลงานเอาชื่อเสียงไป แต่เมื่อถูกคางคกตกใส่หลังเท้า ต่อให้มันไม่กัดก็ทำให้รู้สึกขยะแขยงตายได้
คิดมาถึงตรงนี้จิตใจของฉยงเหนียงจึงหวั่นไหวเล็กน้อย นางพินิจภาพวาดแล้วยิ้มตอบ “ภาพดอกเหมยเหมันต์ขององค์หญิงมองปราดเดียวก็รู้ว่าศึกษามาจากอาจารย์ผู้ลือนาม กิ่งเหมยมีพลังเฉกเช่นของปรมาจารย์หานขู่ราชวงศ์ก่อน กลีบดอกใช้วิธีลดทอนน้ำหมึกลงสามส่วน ยิ่งทำให้ดอกเหมยแลดูบริสุทธิ์สูงส่ง”
องค์หญิงยงหยางฟังจบก็เอ่ยด้วยสีหน้ายินดีปรีดา “เจ้ารู้จักภาพวาดจริงเสียด้วย สิ่งที่พูดมาล้วนตรงตามนั้นยิ่ง”
ฉยงเหนียงคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยต่อ “อันที่จริง…หม่อมฉันยังมีวิธีวาดที่น่าสนใจอีกแบบหนึ่ง ไม่รู้องค์หญิงทรงโปรดจะชมดูหรือไม่”
การชมดูเที่ยวนี้เสียเวลาไปพอสมควรทีเดียว รอจนองค์หญิงยงหยางกับหลิ่วเจียงจวีออกจากจวนหลางอ๋อง เวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว
องค์หญิงยงหยางไม่นึกเลยว่าจะได้พบเจอสหายผู้รู้ใจที่จวนหลางอ๋อง เนื่องจากพี่สาวของนางล้วนโตกว่ามากจึงเล่นด้วยกันไม่ถูกคอ ผิดกับแม่นางผู้นี้ที่พูดคุยกับองค์หญิงเช่นนางอย่างไม่ถ่อมตัวทว่าก็ไม่เย่อหยิ่ง ทุกประโยคล้วนเข้าถึงจิตใจนาง เข้าใจความคิดนางได้ดีถึงเพียงนั้น
ตามที่นางเห็น แม้ฉยงเหนียงผู้นี้จะมีชะตาที่เต็มไปด้วยเคราะห์กรรม พริบตาเดียวต้องร่วงตกลงมาจากชั้นเมฆ ทว่าความคิดอ่านและความสามารถที่อยู่ภายในมีหรือที่ชุดกระโปรงเนื้อหยาบกับปิ่นไม้จะบดบังได้ หลังจากนางชมดูฝีมือวาดภาพของฉยงเหนียง แล้วหันหน้ามาพินิจอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าทั้งยามมุ่นคิ้วและแย้มยิ้มล้วนแต่แฝงด้วยลักษณะเฉพาะตัวของอีกฝ่าย
ก่อนจากองค์หญิงยงหยางคิดอย่างกลัดกลุ้มใจอยู่บ้าง…ไม่รู้งานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ในหมู่คุณหนูตระกูลขุนนางที่สวมอาภรณ์แพรพรรณอันงามวิจิตรกลุ่มนั้นจะเสาะพบยอดหญิงเช่นนี้มาเป็นสหายผู้รู้ใจได้สักคนหรือไม่
อันที่จริงองค์หญิงยงหยางอยากจะรั้งอยู่อีกสักพักยิ่งนัก จะได้สนทนากับฉยงเหนียงอีกสักหลายประโยค ทว่าระหว่างนั้นพ่อบ้านจวนหลางอ๋องแวะเข้ามาในเรือนถึงสามหนอย่างพิลึกคน เพื่อจะเตือนฉยงเหนียงว่าตอนกลางวันท่านอ๋องกินไม่คล่องคอ ตอนนี้หิวอีกแล้ว ให้นางเร่งจัดการงานจิปาถะเสียให้เสร็จจะได้รีบเข้าครัวไปทำอาหาร
วาจาไล่ตะเพิดคนอย่างโจ่งแจ้งเพียงนี้ แม้แต่องค์หญิงยงหยางผู้ไม่ทันโลกก็ยังฟังออก จึงได้แต่อำลาฉยงเหนียงไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 22 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.