บทที่ 3
ภายในห้องประชุมเล็กต่างคนต่างทุ่มเทสมาธิอยู่กับหัวข้อสนทนาตรงหน้าจนลืมเลือนสิ่งรอบข้างไป มาสะดุ้งเอาพร้อมกันก็เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วคนเคาะก็ถือวิสาสะพาตัวเองเข้ามาในห้องโดยไม่รอคำอนุญาต
“บ่ายสองโมงแล้วนะคะ ไม่มีใครหิวกันเลยหรือไง”
เสียงใสๆ ดังเข้ามาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมานั่งข้างอาเดย์ ซึ่งตำแหน่งนั้นทำให้เธอนั่งตรงข้ามกับคนที่เพิ่งจะเกลียดขี้หน้าเพิ่มขึ้นเมื่อคืนเข้าพอดี
“จิน่า มองไม่เห็นหรือว่าพ่อ พี่ๆ แล้วก็ชารีฟกำลังคุยเรื่องงานกันอยู่” ผู้เป็นบิดาทำหน้าเคร่งมองบุตรสาวด้วยสายตาตำหนิ แต่แล้วก็คลายลงเมื่อได้เห็นดวงตาสีน้ำตาลที่กะพริบอ่อนเชื่อมเหมือนเด็กน้อย…เขาและทุกคนในครอบครัวใจอ่อนให้ฮะจิน่าเหมือนกับที่เคยเป็นตั้งแต่เธอเกิดมานั่นกระมัง
“แหม…ก็จิน่าเป็นห่วงพ่อกับพี่ๆ นี่คะ เลยเวลาอาหารกลางวันมาตั้งนานแล้ว” ฮะจิน่าเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอด ละเว้นชื่อใครอีกคนหนึ่งในห้องอย่างจงใจ
“ตัวเองหิวเองล่ะสิไม่ว่า” เรียอาร์ทว่าด้วยเสียงล้อเลียนพร้อมกับยักคิ้วให้
“เพิ่งกลับจากยิมมาหรือจิน่า” อาเดย์ถามเมื่อเห็นน้องสาวตัวเองอยู่ในชุดกางเกงวอร์มขายาวสีเทาเข้มขลิบชมพู เสื้อยืดตัวเล็กสีขาวที่ยังคงชุ่มเหงื่อถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อวอร์มสีเดียวกันกับกางเกง
ฮะจิน่าหันไปค้อนพี่ชายคนรองก่อนจะหันไปตอบพี่ชายคนโต “ค่ะพี่ พอดีเดินสวนกับอาลิที่พ่อสั่งให้ไปเอาเอกสารเพิ่มเลยรู้ว่ายังประชุมกันไม่เสร็จก็เลยเดินตรงมาที่นี่ก่อน คนครัวเตรียมอาหารเอาไว้พร้อมแล้วนะคะ ไปทานอาหารกันก่อนนะคะพ่อ เดี๋ยวโรคกระเพาะกำเริบจะไม่คุ้มกัน” ประโยคสุดท้ายเธอหันไปพูดกับบิดาเสียงหวาน
“ไม่ต้องมาอ้อนพ่อ ใครกันแน่ที่จะเป็นโรคกระเพาะ กินแต่ละทีเหมือนมดดม ผอมจนไม่รู้จะผอมไปถึงไหนแล้ว” คุณประฮิมว่าเบาๆ ก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มที่นั่งเงียบตั้งแต่ฮะจิน่าก้าวเข้ามา
“ชารีฟหิวรึยังล่ะ ประชุมเพลินจนลืมเวลา เสียมารยาทเจ้าของบ้านเสียจริง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง”
“เอาเถอะ ยังไงก็ไปทานข้าวกันก่อนก็แล้วกัน ตอนสี่โมงลุงมีนัดเสียด้วย เอาเป็นว่าค่อยมาคุยกันอีกทีดีไหม”
“ครับ”
ฮะจิน่าทำปากยื่นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นบิดาเอาใจ ‘แขก’ คนนี้เสียเหลือเกิน แล้วก็ต้องตาโตเมื่อได้ยินคุณประฮิมชวนเขาต่อว่า
“เดี๋ยวชารีฟมาทานกลางวันด้วยกันก็แล้วกัน จะได้ลองชิมฝีมือพ่อครัวของโรงแรมเสียหน่อย”
“จิน่าสั่งเขาจัดโต๊ะสำหรับคนแค่สี่คนเท่านั้นเองนะคะ” เธอรีบแย้ง
“เหลวไหลน่าจิน่า ไปแน่ะ ไปสั่งให้เขาจัดสำรับเพิ่มอีกที่ แล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะให้เรียบร้อย เดี๋ยวพ่อคุยอะไรอีกนิดหน่อยแล้วจะตามไป”
คนถูกสั่งทำแก้มป่องลุกพรวดขึ้น ปรายตาไปมองชารีฟอย่างไม่เป็นมิตรก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกจากห้องไป