บทที่ 11
หลังออกจากโรงพยาบาลวิรุฬก็พักฟื้นอยู่ที่บ้านเกือบสัปดาห์ก่อนที่จะกลับมาทำงานตามปกติ พนักงานธนาคารจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ให้กับเขาเพื่อเป็นการต้อนรับและขอบคุณสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้บริหารวัยกลางคนรู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางและสามารถควบคุมได้อย่างที่เคยวางแผนไว้ แต่แล้ววันหนึ่งสำนักงานใหญ่ก็มีจดหมายส่งมาเชิญให้เขาไปปรากฏตัวที่นั่น แม้ยังมีความกังวลใจอยู่บ้างแต่คนรอบข้างต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องดีแน่ เขาจึงมาถึงสำนักงานใหญ่ของธนาคารด้วยความภาคภูมิใจ
ห้องทำงานของถวิลเป็นห้องที่ให้บรรยากาศสงบเยือกเย็น แม้จะไม่มีโอกาสมาที่นี่บ่อยนัก แต่เขาก็สามารถจำความรู้สึกต่างๆ ได้ และวันนี้มันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น นอกจากเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองแล้ว ยังมีผู้ชายแปลกหน้าในชุดสูทอีกสองคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนนั่งร่วมห้องด้วย
“เชิญคุณวิรุฬ”
ใบหน้าดุเป็นปกตินั้นดูเคร่งเครียดกว่าเดิม ถวิลผายมือให้ผู้จัดการสาขานั่งตรงกลางระหว่างชายในชุดสูทสองคนหน้าโต๊ะทำงานของเขา ชายทั้งสองนั่งเยื้องมาทางด้านข้างของโต๊ะ ส่วนวิรุฬนั้นนั่งประจัญหน้ากับถวิลโดยตรง เขากล่าวขอบคุณแล้วนั่งลงช้าๆ สายตาของเขาลอกแลกแต่พยายามเก็บอาการ
“ผมขอแนะนำให้รู้จักฝ่ายตรวจสอบของธนาคาร…”
ถวิลแนะนำชื่อของสุภาพบุรุษทั้งสองโดยที่ชื่อของพวกเขาแทบจะถูกลืมทันทีที่วิรุฬรู้ เพราะความสนใจของวิรุฬนั้นอยู่ที่หน้าที่ของคนทั้งคู่มากกว่า
“ที่ผมเชิญคุณมาในวันนี้ก็เนื่องมาจากเรื่องการตรวจสอบที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์การปล้นธนาคาร สำนักงานใหญ่ได้สั่งการให้ผมซึ่งเป็นผู้จัดการเขตเข้ามาดูแลเรื่องของสาขาคุณโดยตรง และพวกเราพบสิ่งผิดปกติบางอย่าง ซึ่งคุณวิรุฬก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าเงินสดในธนาคารนั้นหายไป”
“คะ…ครับ” เขาพยักหน้าช้าๆ “พนักงานของเราได้ตรวจสอบแล้วว่ามีเงินจำนวนหนึ่งหายไป ซึ่งได้ให้ปากคำกับทางตำรวจไปแล้วครับว่ามันเกิดขึ้นเพราะโจรได้ขโมยเงินออกไปแล้วแบ่งมันออกเป็นส่วนๆ ดังนั้น…”
ถวิลยกมือขึ้นขัดจังหวะ “เรื่องนั้นเราทราบแล้ว แต่เรื่องที่จะต้องพูดกันในวันนี้มันเป็นเรื่องของเงินสดที่หายไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว”
ผู้จัดการเขตพยักหน้าให้ฝ่ายตรวจสอบซึ่งนั่งอยู่ฝั่งขวามือของเขานำเอกสารจากแฟ้มมายื่นให้วิรุฬได้ดูไปพร้อมๆ กัน
“ผมเรียกวิธีการนี้ว่าการหมุนของเงิน มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในบัญชีของสาขา มีเงินหายไปและมีเงินกลับเข้ามาจนในที่สุดยอดของเงินที่หายไปนั้นมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้คุณจะไม่ทราบนะ”
เขากำลังจนตรอก วิรุฬรู้สึกร้อนวูบวาบในอก ความผิดของเขากำลังจะถูกเปิดเผย
“คุณมีอะไรจะแก้ตัวไหม” ถวิลสรุปสั้นๆ
วิรุฬเงยหน้าขึ้นสบตาทุกคนด้วยแววตาของลูกกวางน้อย ความจริงเรื่องนี้มันจะไม่ใหญ่นัก เพราะเงินจำนวนนั้นเขาอาจจะหามาใช้คืนได้ในอนาคต แต่ตอนนี้เขาต้องพยายามหาเหตุผลดีๆ มาขอความเห็นใจ
“ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับ มันมีการยักยอกเกิดขึ้นจริง และผมก็รู้เรื่องนี้มาก่อน”
“ทุจริตนี่ถึงขึ้นไล่ออกและดำเนินคดีทางกฎหมายเลยนะคุณวิรุฬ”
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับท่าน ผมสงสารเด็ก”
“เด็ก? คุณหมายถึงใคร”
“เอ่อ…” วิรุฬก้มหน้ามองเอกสารบนโต๊ะ “พนักงานคนหนึ่งครับ เขาขอร้องให้ผมช่วยเหลือ แล้วเขารับปากว่าจะนำเงินมาใช้คืนให้ในเร็วๆ นี้”
“บอกชื่อพนักงานคนนั้นกับเรามา ผมจะได้ดำเนินการให้ถูกต้อง”
วิรุฬบีบมือของตัวเองแน่น “ไม่มีวิธีอื่นเลยเหรอครับ อย่างน้อยเขาก็ทำงานกับเรามาหลายปี”
“คุณจะปกป้องเขาทำไม ตัวคุณเองก็มีความผิดอยู่ที่เพิกเฉยต่อการทุจริต ธนาคารสามารถเอาผิดกับคุณได้ด้วย ทำทุกอย่างให้มันถูกต้องไม่ดีกว่าเหรอ”
แม้ห้องจะเย็นเฉียบ แต่วิรุฬกลับร้อนรุ่มในอก มือของเขาเริ่มชื้นเหงื่อ เขาไม่คิดเลยว่าธนาคารจะสงสัยเรื่องนี้เร็วนัก ทั้งที่มีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่า
“ผมไม่อยากทำเลย ทั้งที่ตอนนี้เธอยังเจ็บอยู่แท้ๆ” วิรุฬรำพึง
“คุณหมายถึงพนักงานหญิงที่ถูกยิงบาดเจ็บงั้นเหรอ…ใช่ไหมวิรุฬ”
เขาสบตากับถวิลนิดแล้วเบือนหน้าหนี ให้ความเงียบเป็นคำตอบ “เธอมีผลการปฏิบัติงานดีมาตลอด จะเสียก็เพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว ผมเห็นอย่างนั้นก็เลยคิดว่าจะให้โอกาสเธอสักนิด พอดีมาเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ถ้าคิดจะเอาผิดกันตอนนี้ให้ได้ก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อยนะครับ ในเมื่อทุกอย่างมันยังพอแก้ไขได้”
ถวิลถอนใจหนักแล้วหันไปหาฝ่ายตรวจสอบอีกคน คนนี้ไม่เพียงแต่จะยื่นเอกสารมาให้เท่านั้น แต่เขามีคำถามด้วย