วันต่อมาหัสยุทธก็มาโผล่ที่ห้องทำงานของบุษบงกชอีกครั้ง เขามาถึงเช้าแล้วนั่งอ่านนิตยสารทางการแพทย์ และดื่มกาแฟรอเจ้าของห้องเหมือนเดิม แต่วันนี้คุณหมอไม่สาย หัสยุทธจึงไม่มีประเด็นอะไรที่จะค่อนแคะเธอได้
“ที่ทำงานของคุณไม่มีกาแฟรึไง โดนตัดงบเหรอ ถึงต้องมาเบียดเบียนกาแฟห้องทำงานของฉัน”
พจนีย์รู้สึกกระชุ่มกระชวยที่เห็นเจ้านายกับแขกเริ่มตีฝีปากกันอีกครั้ง
“พจไม่เห็นบ่นเลย”
“ฉันนี่แหละจะบ่น”
“ขี้เหนียว”
เธอสะบัดหน้าใส่แล้วนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง “มีธุระอะไรเชิญค่ะ”
หัสยุทธหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างใจเย็นแล้วค่อยพูด “มารายงานคุณเรื่องคนร้ายผู้หญิงที่หนีไป”
“ฉันเห็นข่าวแล้ว ลอยละลิ่วลงมาจากดาดฟ้าตึกขนาดนั้น นี่คุณคิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้วงั้นสิ”
หัสยุทธยิ้ม “อื้ม สุดความสามารถเลย เธอไม่ตาย”
“แต่เธอสูญเสียลูกไปใช่ไหม”
“ช่วยไม่ได้จริงๆ”
“โหดร้ายมากสำหรับผู้หญิง”
“ดีแล้วสำหรับเธอ”
“นี่คุณเป็นบ้าเหรอ เสียลูกไปแล้วมันจะดียังไง”
“เธอไม่ได้สูญเสียเพราะเหตุการณ์ร่วงลงมาจากตึกนะ แต่ตัวอ่อนไม่สมบูรณ์ ร่างกายก็เลยขับออกมาเองตามธรรมชาติ”
“จริงเหรอ” บุษบงกชทำหน้าไม่เชื่อ
“จริง และที่ผมว่าดีแล้วก็เพราะว่าพ่อของเด็กเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธอเอง”
“อะไรนะ!”
“คุณพระช่วย!” พจนีย์ถึงกับต้องลุกขึ้นมายืนฟังข้างๆ บุษบงกช
“คุณแน่ใจแล้วเหรอ”
“เธอยอมรับแล้ว และเราสามารถสืบประวัติได้…คนสองคนเป็นเด็กกำพร้า คนหนึ่งถูกขอไปเลี้ยง อีกคนใช้ชีวิตอยู่ในสถานสงเคราะห์ เมื่อเขาสองคนออกมาเผชิญโลกต่างก็มาพบกันโดยบังเอิญ ความรักเล่นตลก เขาตกหลุมรักซึ่งกันและกันจนมีลูก แล้วก็รู้ความจริงทั้งหมดทีหลัง”
บุษบงกชทำหน้าเหยเก “ฉันอยากจะอาเจียน มีอะไรกับพี่ชายตัวเองเนี่ยนะ”
หัสยุทธยักไหล่ “ชีวิตที่ต้องดิ้นรน เอาตัวรอด หล่อหลอมให้พวกเขาปฏิเสธในทุกกฎเกณฑ์ของสังคม เมื่อโลกโหดร้ายก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ เขาคิดจะไปมีชีวิตใหม่ร่วมกันโดยที่ไม่ใส่ใจว่าการสร้างครอบครัวกับพี่ชายน้องสาวตัวเองนั้นเป็นสิ่งผิด ปมของเด็กขาดความอบอุ่นแล้วพยายามไขว่คว้าหาคนที่มาเติมเต็ม ไม่มีใครเข้าใจพวกเขาเท่าคนที่ขาดเหมือนกัน…ความรักชนะทุกสิ่ง”
“โน นี่ไม่ใช่ความรัก นี่มันเป็นกามราคะ ถ้ายังมีสติดีหน่อยเมื่อรู้แล้วพวกเขาต้องเดินออกมา ไม่ใช่ถลำลึกลงไปเรื่อยๆ อย่างนี้”
“คุณเติบโตมาในครอบครัวที่ดี คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก” หัสยุทธลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ ไปทำงานดีกว่า”
“เดี๋ยวสิ แล้วเธอจะเป็นยังไงต่อไป”
“รักษาร่างกายให้แข็งแรง ขึ้นศาล ติดคุก ฝึกวิชาชีพในนั้นแล้วออกมาเป็นคนใหม่ในวันใดวันหนึ่ง”
บุษบงกชพยักหน้า “นั่นดีกับเธอนะ”
“ดีที่สุดแล้ว ดีกว่าในอดีตมาก แต่ต้องเข้าโปรแกรมฟื้นฟูสภาพจิตใจจากจิตแพทย์ด้วย”
“นับว่าเธอเข้มแข็งมากนะคะ” พจนีย์ออกความเห็น
“ใช่ เธอบอกว่าวินาทีที่ตกลงมาจากตึกมันทำให้เธอรู้สึกว่ายังไม่อยากตาย เธอยังอยากเห็นโลกอีกด้านที่มันสดใสกว่าในอดีต แล้วเธอยังตั้งใจจะช่วยตำรวจคลี่คลายคดีปล้นธนาคารด้วย เมื่อวานตำรวจไปจับกุมผู้จัดการสาขามาเรียบร้อยแล้ว”
“แล้วเขาเกี่ยวอะไรด้วยคะ” บุษบงกชถาม
“กามราคะเรื่องที่สอง” เขายิ้มมุมปากนิดๆ ที่ได้ย้อนคำพูดของเธอ “ผู้จัดการสาขามีเมียเก็บอยู่หนึ่งคน เขาทุจริตเงินของธนาคารเพื่อให้เธอเอาไปต่อยอดในตลาดหลักทรัพย์ แต่ในที่สุดก็ขาดทุน เขาเลยต้องสนับสนุนให้โจรปล้นธนาคารของตัวเองเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฝ่ายตรวจสอบบัญชี”
“ช่างซับซ้อน” พจนีย์บอก
“สงสารเมียหลวง”
“ยังมีลูกสาวอีกคน คงช็อกไปเลย เพราะความเห็นแก่ตัวของพ่อแท้ๆ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่เหลือใครแล้วล่ะ… ขอบคุณมากพจ กาแฟอร่อยเหมือนเดิม ไปนะ”
ท้ายประโยคเขาหันไปทางบุษบงกชแล้วเดินออกจากห้องไป คุณหมอไม่ได้พูดอะไรตอบ เมื่อประตูปิดลงพจนีย์ก็เดินมาเก็บแก้วกาแฟ
“งานก็ยุ่ง ยังอุตส่าห์มาส่งข่าวคราวด้วยตัวเองนะคะ นี่ถ้าแฟนของหนูเช้าถึงเย็นถึงแบบนี้ หนูรักตายเลย”
“อะแฮ่ม…”
“อุ๊ย ไปทำงานแล้วค่ะ”
บุษบงกชก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเรื่องแค่นี้เขาต้องเสียเวลามาเล่าด้วยตัวเอง
(โปรดติดตามต่อในเล่ม)