5
เจียงเหมยอิ่งรู้ว่าตนเองจะต้องไปที่ร้านบะหมี่โหย่วเจียน
ไม่ว่าจุดประสงค์จะไปเพื่อแสดงความขอโทษ หรือจะไปหาสาเหตุว่าทำไมเธอถึงได้ไม่มีอาการคลื่นไส้กับอาหารของร้านบะหมี่โหย่วเจียนก็ตาม
และตอนนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลใหม่
เธอยังต้องช่วยหานต้งทำสูตรอาหารเพื่อสุขภาพ
หลังจากชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเช้าผ่านพ้นไป ร้านบะหมี่โหย่วเจียนก็เข้าสู่ช่วงเวลาว่างครั้งแรกของวันนี้ ในที่สุดหวงหรูหรูก็ได้พักสักที
หมู่เมฆปกคลุมดวงอาทิตย์ เมื่อคืนฝนตกทั้งคืน ในอากาศเจือไอชื้น อุณหภูมิที่สูงขึ้นติดต่อกันในเดือนมีนาคมลดลงไปต่ำกว่าสิบห้าองศาเซลเซียสอย่างฉับพลัน
หวงหรูหรูเปิดประตูให้อากาศสดชื่นถ่ายเทเข้ามาในร้าน ใบการบูรที่อยู่นอกประตูถูกลมฝนพัดทั้งคืนจนร่วงลงมาเต็มพื้น เปียกแฉะไปด้วยน้ำฝนและเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วท่ามกลางอากาศชื้นแฉะในฤดูใบไม้ผลิ
เธอหยิบไม้กวาดกวาดใบไม้และขยะที่อยู่บนทางเท้าหน้าร้านใส่ลงถังขยะ ใช้แรงจับไม้กวาดอัดใบไม้ลงไป เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้วและหันกลับไปก็เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง อายุประมาณยี่สิบสามปี แต่งตัวดูดีมีสไตล์ มองมาที่ตนอย่างระแวดระวัง
ผมสั้นสีน้ำตาลยาวเท่าติ่งหู แต่งหน้าได้เนี้ยบและดูดี สีลิปสติกน่าจะเป็นสีชมพูนู้ดที่ฮิตกันในช่วงนี้ เธอใส่ต่างหูขนนกนุ่มฟูคู่หนึ่ง กระโปรงสีฟ้าครามที่ดูเรียบสวยบนตัวเธอช่วยขับเน้นให้ดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น หญิงสาวคนนี้สวยมาก ที่น่าดึงดูดที่สุดคือดวงตากลมโตเป็นประกายมีเสน่ห์คู่นั้นของเธอ จ้องมองมาอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง กระทั่งหวงหรูหรูที่เป็นผู้หญิงก็ยังอดอุทานออกมาไม่ได้
เป็นดวงตาที่พูดได้จริงๆ
เจียงเหมยอิ่งเห็นหน้าหวงหรูหรูในวิดีโอต้นฉบับมานับร้อยนับพันครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอตัวเป็นๆ พอเห็นอีกฝ่าย ในหัวก็เต็มไปด้วย ‘เพราะว่าเราคือครอบครัวยังไงล่ะคะ~’
‘ครอบครัวยังไงล่ะคะ~ ครอบครัวยังไงล่ะคะ~’
ประโยคนี้ดูอบอุ่นมาก แต่เพราะถูกเจียงเหมยอิ่งตัดต่อไว้ในวิดีโอฉบับสำเร็จในช่วงสุดท้ายถึงห้าหกรอบ จึงล้างสมองเจียงเหมยอิ่งจนหลอนขึ้นมา
เธอกระแอมเบาๆ หลุบตาลงไม่กล้ามองอีกฝ่าย ก่อนจะทักทายเสียงเบา “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่า…ร้านเปิดหรือยังคะ”
หวงหรูหรูเหม่อไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบพยักหน้า “เปิดค่ะๆ เชิญเข้ามาเลยค่ะ”
เจียงเหมยอิ่งเงยหน้าสำรวจป้ายร้านครู่หนึ่ง ป้ายร้านที่เห็นในวิดีโอเหมือนกันกับที่เห็นอยู่ตอนนี้ สะอาดใหม่เอี่ยม แค่เห็นก็รู้แล้วว่ามีคนทำความสะอาดทุกวัน
ตอนนี้ใกล้จะสิบโมงแล้ว จะกินมื้อเช้าก็สายไปหน่อย จะกินมื้อเที่ยงก็เร็วเกินไป เวลานี้ร้านบะหมี่ไม่มีคนสักคนจึงโล่งมาก
พอเข้าไปในร้าน หวงหรูหรูก็เอ่ยอย่างเป็นมิตร “เชิญเลือกที่นั่งได้ตามสบายเลยค่ะ”
เจียงเหมยอิ่งกวาดสายตามองที่นั่งในร้านรอบหนึ่ง ก่อนจะย่างเท้าเบาๆ ไปหาที่นั่งตรงมุมและนั่งลงพิงผนัง
หวงหรูหรูชี้ไปยังเมนูอาหารที่อยู่บนผนังแล้วถามเธอ “เมนูอาหารอยู่บนผนังนะคะ ต้องการอะไรบอกฉันได้เลย”
เจียงเหมยอิ่งเงยหน้ากวาดตามองบนผนังรอบหนึ่ง แล้วก็อ่านอีกรอบ รู้สึกลังเล
เธออยากกินไปหมด แต่ก็กังวลว่าตนเองจะกินไม่ลงสักอย่าง
หวงหรูหรูยืนอยู่ด้านข้าง ว่างจนเริ่มควงปากกาเล่น ได้ยินเจียงเหมยอิ่งที่จู่ๆ ก็พึมพำอะไรสักอย่างออกมา เสียงนั้นราวกับถูกกดอยู่ในลำคอแล้วใช้ลมเปล่งเสียงออกมา เมื่ออยู่ห่างกันสักหนึ่งเมตรก็ไม่ได้ยินแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรอยู่
หวงหรูหรูค้อมตัวลง และเข้ามาใกล้เธอ “คุณพูดว่าอะไรนะคะ”
ถูกหวงหรูหรูเข้ามาใกล้กะทันหัน เจียงเหมยอิ่งจึงตกใจแล้วถอยหลังไป พอได้ยินคำถามของอีกฝ่ายจึงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นนิดหน่อย แล้วถาม “เถ้าแก่อยู่ไหมคะ”
พอมาก็ถามหาเถ้าแก่? หวงหรูหรูประหลาดใจ
เสียงของสาวสวยคนนี้เบามากจริงๆ น้ำเสียงเหนียมอาย ดูเหมือนค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว
หวงหรูหรูชี้ปลายปากกาขึ้นไปข้างบน “เถ้าแก่ขึ้นไปหยิบของข้างบนค่ะ เดี๋ยวก็กลับลงมาแล้ว มาหาเขามีธุระอะไรเหรอคะ”
เจียงเหมยอิ่งควรจะพูดอย่างไรดีล่ะ มาขอโทษ? หน้าเธอบางจะตายไป พูดไม่ออกหรอก