3
มือเรียวยาวสะอาดสะอ้านจับด้ามกระทะไว้แน่น กระดกกระทะอย่างนิ่มนวลและชำนาญ ขณะที่เขาเทเหล้าปรุงอาหารลงไป ในกระทะก็มีไฟลุกโชนขึ้นมาราวกับร่ายเวทมนตร์ ทว่าเปลวไฟก็พลันหายไปในระหว่างการเคลื่อนไหวของเขา
“ว้าว…”
ฟางเข่อเข่อและเจียงเหมยอิ่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตะลึงงัน เปล่งเสียงอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น
ราวกับงานศิลปะ งดงามและมีจิตวิญญาณ เจียงเหมยอิ่งไม่เคยรู้ว่าแค่การผัดผัก ถึงกับเคลื่อนไหวได้สวยงามขนาดนี้
ฟางเข่อเข่อกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง เร่งเจียงเหมยอิ่ง “เร็ว เธอรีบตัด เดี๋ยวฉันทำไฟนอล”
เห็นเธอตื่นเต้นขนาดนี้ เจียงเหมยอิ่งก็ไม่ชักช้า เริ่มเร่งทำงานอย่างเชื่อฟัง
ตัดต่อมาจนถึงส่วนครึ่งหลัง เจียงเหมยอิ่งก็คุ้นเคยกับบุคคลหลักไม่กี่คนที่อยู่ในวิดีโอแล้ว
หานต้งที่เป็นทั้งเจ้าของร้านและเชฟ ว่ากันว่าเขาเป็นเชฟจากปักกิ่ง เปิดร้านบะหมี่อยู่ที่ย่านธุรกิจเกาซิน นอกจากบะหมี่แล้ว ของกินอื่นๆ ก็ครบครัน น้ำพะโล้ของร้านเขาเคี่ยวโดยไม่ดับไฟมาตลอดสามปี ดึงดูดนักชิมมากมายเข้ามาลิ้มรส
ลูกศิษย์ของหานต้งชื่อเจิ้งหลินเทียน เป็นเด็กหนุ่มที่ไม่เอาไหน อายุยี่สิบต้นๆ แต่กลับไม่เรียนหนังสือ หนีมาเรียนทักษะการทำอาหารกับหานต้ง เรื่องฝีมือด้านการทำอาหารถือว่ามีพรสวรรค์มาก
ในร้านยังมีนักศึกษามหาวิทยาลัยในละแวกนี้มาเป็นพนักงานเสิร์ฟและแคชเชียร์ ชื่อว่าหวงหรูหรู เป็นเด็กผู้หญิงที่เก่งและฉลาด
นักข่าวถามว่า “ร้านของคุณทำไมบรรยากาศดีขนาดนี้”
หวงหรูหรูที่อยู่ในวิดีโอใช้รอยยิ้มร่าเริงสดใสมองกล้อง มองนักข่าว และพูดว่า “เพราะว่าเราคือครอบครัวยังไงล่ะคะ!”
เจียงเหมยอิ่งเปิดฉากนี้ดูวนอยู่สี่ห้ารอบ ขมวดคิ้วอยู่นาน ก่อนจะถามฟางเข่อเข่อว่า “เธอว่ารายการของสัปดาห์นี้ เราจะทำ…ให้ไม่ซีเรียสจริงจังขนาดนั้นได้ไหม”
รายการทัวร์ชิมทั่วจีนของสัปดาห์ที่แล้วใช้บรรยากาศที่เคร่งเครียดเหมือนกับสารคดีวิชาการ แนะนำอาหารและเกร็ดความรู้เรื่องวัฒนธรรมอย่างจริงจัง ดึงดูดผู้ชมที่เป็นนักชิมได้จำนวนหนึ่ง
แต่ในสัปดาห์นี้ตัวหลักทั้งสามล้วนเป็นคนหนุ่มสาว วัยรุ่นหน้าตาดี ผู้ชายทั้งหล่อทั้งสมาร์ต ส่วนผู้หญิงก็ทั้งสวยทั้งน่ารัก ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะกับบรรยากาศแบบวิชาการจนเกินไป
ฟางเข่อเข่อขยับเข้าจ้องมองคนที่ยุ่งอยู่กับการเปิดร้านในวิดีโออยู่นานสองนาน จึงเอ่ย “ไม่งั้นเราก็ตัดต่อตามใจตัวเองไปก่อน ให้ผู้กำกับดูว่าใช้แนวตลกเสียดสีได้หรือเปล่า”
เจียงเหมยอิ่งครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า และเริ่มลงมือตัดต่อ
เธอเอาคำพูดของหวงหรูหรูวางไว้ต้นรายการ ปักธงเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มตัดต่อเรียบเรียงเนื้อหาข้างหลัง ใช้การนำเสนอว่าจริงๆ แล้วพนักงานสามคนในร้านนี้ไม่ได้เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน แต่กลับมีความขัดแย้งกันเยอะมาก ตรงกลางก็แทรกคำพูดของหวงหรูหรูที่ว่า ‘เพราะว่าเราคือครอบครัวยังไงล่ะคะ~’ มาตบหน้าไม่หยุด
วิดีโอที่นำเสนอความขัดแย้งไม่ลงรอยกันในไฟล์ต้นฉบับนั้นมีเยอะและหาได้ง่ายมาก ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่หานต้งจัดมาให้ทั้งนั้น
หานต้งเป็นคนที่เข้มงวดเป็นพิเศษ อย่างเช่นตอนเริ่มวิดีโอ เขาก็ตำหนิผมของเจิ้งหลินเทียน
“บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามย้อมผม นายก็ไปย้อมมาอีกแล้ว” เขาขมวดคิ้วอันน่ามอง ดูเคร่งเครียดและไม่พอใจ แววตาเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย
เจิ้งหลินเทียนบ่นอุบ “ผมไปตัดผมที่ร้าน ก็ถูกพวกเขาจับย้อมจน…”
น้ำเสียงของหานต้งไม่ค่อยดีนัก “ฉันบอกไปตั้งกี่รอบแล้วว่าเป็นพ่อครัวจะต้องรักษาสุขอนามัยของตัวเอง ห้ามไว้ผมยาว ห้ามย้อมผม นายดูผมนายซิ นี่เรียกว่าตัดแล้วงั้นเหรอ จะถึงติ่งหูอยู่แล้ว”
เจิ้งหลินเทียนได้ยินก็รีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน “อาจารย์! อย่าโกนหัวผมนะครับ! ผมไม่อยากหัวเกรียน! หัวผมไม่ได้ทรงสวยเหมือนของอาจารย์สักหน่อย!”
หานต้งตะคอก “หยุดนะ!”
เจิ้งหลินเทียนมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที เงาร่างหยุดอยู่ตรงประตู เขาเบะปากและหันไปมองอีกฝ่ายอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ พูดตะกุกตะกักเสียงเบา “อะ…อาจารย์…”
“ตอนบ่ายฉันจะพานายไปตัดผม”
“อ๊าก!” เจิ้งหลินเทียนกุมศีรษะไว้ นั่งลงโอดครวญ
ยกตัวอย่างอีกเช่นว่าตอนเจิ้งหลินเทียนนวดแป้ง เขาก็เอามือไปจับหมวกโดยไม่ทันระวัง พอหานต้งเห็นเข้าก็ตีมือเขา อีกทั้งกำชับว่าต้องใส่ผ้าปิดปากให้ดี ตอนนวดแป้งห้ามมือบอนไปแตะของสกปรก