4
วันหนึ่งขณะที่เจียงเหมยอิ่งกำลังกินสลัดที่ตัวเองทำเป็นมื้อกลางวัน แขกไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งก็มาเยือนถึงประตู
เด็กหนุ่มสวมเสื้อแจ็กเก็ตและสวมหมวกกันน็อก หิ้วกล่องส่งอาหารใบหนึ่งเข้ามาในบริษัทอย่างเหนื่อยหอบ เพียงเอ่ยถามก็หาโรงอาหารเจอ
ผู้กำกับกำลังกินสามชั้นตุ๋นน้ำแดง พอเห็นคนมา เนื้อหมูที่อยู่ในตะเกียบก็หล่นลงไปในชาม เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มตาหยี “อ้าว พ่อหนุ่ม มาได้ยังไงเนี่ย”
เจียงเหมยอิ่งมุงดูอยู่ด้านข้าง รู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้คุ้นตามาก แต่ใบหน้าเขามีหมวกกันน็อกบังไว้จึงมองเห็นไม่ชัด
“ผู้กำกับ พวกคุณทำให้อาจารย์ผมเจอหายนะแล้ว!” รอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าผู้กำกับยังไม่ทันจางหายก็ได้ยินเด็กหนุ่มคนนั้นโอดครวญออกมาทันใด เสียงดังไปทั่วทั้งโรงอาหาร
รอยยิ้มบนใบหน้าผู้กำกับแข็งค้างไป เขายกมุมปากด้วยความอับอาย มองดูเพื่อนร่วมงานที่มุงอยู่รอบๆ สุดท้ายสายตาก็ตกไปอยู่ที่เจียงเหมยอิ่ง
เจียงเหมยอิ่งรู้สึกหนาวไปถึงกระดูก และมีลางสังหรณ์แปลกๆ
“อ่ะแฮ่ม พ่อหนุ่ม คุณรอเดี๋ยวนะ เราเปลี่ยนที่คุยกันดีกว่า” ผู้กำกับพูดก่อนจะส่งจานอาหารให้กับเพื่อนร่วมงานที่กินข้าวด้วยกัน ให้เขาช่วยจัดการ จากนั้นก็พาชายหนุ่มคนนั้นออกจากโรงอาหารไป
ตอนเดินผ่านเจียงเหมยอิ่ง เขากดเสียงต่ำแล้วพูดว่า “อ่ะแฮ่ม เสี่ยวเจียง เธอมากับฉัน”
เจียงเหมยอิ่งเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ฉัน?”
ฟางเข่อเข่ออยู่ด้านข้างมองผู้กำกับ มองเจียงเหมยอิ่ง แล้วก็มองเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะมาส่งดีลิเวอรี่คนนั้น สุดท้ายก็เบิกตากว้าง เผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ
ผู้กำกับสังเกตเห็นเธอ ขณะกำลังจะพูด ฟางเข่อเข่อก็รีบยกจานอาหารแล้วกระซิบว่า “กินเสร็จแล้ว ฉันจะรีบไปทำเอฟเฟ็กต์ เหมยอิ่ง ฉันไปนะ”
จากนั้นก็ผละไปจากสถานการณ์อันไม่เป็นมงคลนี้ทันที ทิ้งให้เจียงเหมยอิ่งมองดูเธอโบกมือลาอย่างโดดเดี่ยวเคว้งคว้าง
ผู้กำกับเหลือบตามองเจียงเหมยอิ่ง “เธอกินเสร็จหรือยัง”
เจียงเหมยอิ่งไหนเลยจะกินลงอีก ปกติก็ไม่ค่อยอยากอาหารอยู่แล้ว เธอปิดฝากล่องทัปเปอร์แวร์แล้วเก็บกลับเข้าไปในถุง เธอยืนขึ้นและเอ่ยเสียงเบาว่า “เสร็จแล้วค่ะ”
เธอหลุบตาลง พูดเสียงอุบอิบ และไม่มองเด็กหนุ่มส่งอาหารคนนั้น เพียงก้มหน้าก้มตาคางชิดอก เมื่อมีคนนอกที่ไม่คุ้นเคยกัน เธอก็มักจะเป็นเหมือนมนุษย์ล่องหน ทำให้รู้สึกถึงการมีอยู่ของเธอน้อยที่สุด
ผู้กำกับพาทั้งสองคนเข้าไปในห้องทำงานของตนเอง เชิญเด็กหนุ่มส่งอาหารคนนั้นให้นั่งลง
เด็กหนุ่มคนนั้นยังไม่ยอมนั่ง ดูท่าทางรีบร้อน “ไม่ดีกว่าครับผู้กำกับ ผมยังต้องไปส่งอาหารอีก อาจารย์รอผมอยู่ ตอนนี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วน ยุ่งมากเลย”
“…”
เจียงเหมยอิ่งได้ยินเสียงก็รู้สึกคุ้นๆ พอกวาดตามอง ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อกี้สีหน้าของฟางเข่อเข่อถึงได้แปลกไป
นี่ก็คือศิษย์ของเถ้าแก่หานต้งของร้านบะหมี่โหย่วเจียนร้านนั้น เจิ้งหลินเทียนนั่นเอง
นายตัวป่วนคนนั้นเป็นเด็กหนุ่มไม่เอาถ่านที่อยู่ในรายการที่เจียงเหมยอิ่งตัดต่อ เขามักจะถูกอาจารย์ของตนอบรมสั่งสอนบ่อยๆ ทว่าตอนนี้ตัวเป็นๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว และดูเหมือนว่าจะมาร้องทุกข์อีกด้วย
ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมาก
เจียงเหมยอิ่งมีลางสังหรณ์ว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่
ผู้กำกับกระแอมเบาๆ แล้วถามอย่างเก้อกระดาก “นั่น…เสี่ยวเจิ้งใช่ไหม เสี่ยวเจิ้ง คุณมีธุระอะไรเหรอ”
“ผู้กำกับ รายการของพวกคุณทำเราเกือบตาย” เจิ้งหลินเทียนกล่าวอย่างทุกข์ใจ “หลังจากรายการนั่นออนแอร์ไป เราค้าขายดีขึ้นมาก แต่ว่าลูกค้าพวกนั้นทุกครั้งหลังกินเสร็จก็มักจะโต้เถียงกับอาจารย์ของผม บอกให้เขาใจเย็นลงบ้าง อย่ารังแกผมอะไรทำนองนั้น ไม่รู้ว่าใครปล่อยเบอร์มือถือและเวยป๋อของอาจารย์ออกไป คนมาตำหนิในเวยป๋อก็แล้วไป ยังปิดทิ้งได้ แต่โทรมากวนเขาสายแล้วสายเล่า ไม่หยุดกันสักที”
เจิ้งหลินเทียนคับอกคับใจมากจริงๆ ใบหน้าพลันแดงก่ำ ดูเหมือนว่าเพราะอาจารย์ที่รักยิ่งได้รับความเดือดร้อนจากการถูกก่อกวน ขอบตาจึงแดงเรื่อขึ้นมา